หมอเจ๊เล่าเรื่อง

ทวนเรื่องที่ติดค้างและขอผลัดไว้ ขอเล่าเรื่อง แป้ง ข้าวเสียก่อน ก็เรื่องแควนประจำตามอ่านแล้วมาบอก ” เนี่ยอ่านบันทึกพี่หมอเจ๊แล้วไม่กล้ากินอะไรเลย อิอิ ตอนนี้พยายามงดมื้อเย็นอยู่ เมื่อเย็นวานก็นมผสมงาดำ 1 กล่อง ส้ม 1 ลูก เพราะรู้สึกแก้มอูมๆ อิอิ “   เรื่องที่ติดค้างคือเรื่องเกลือ น้ำตาล และฉลากโภชนาการ อ่ะค่ะ

เล่าเรื่องแป้ง ข้าวบ้างแล้วว่า เป็นยังไง  มาดูมื้อนี้กันไหมว่า แควนประจำได้เกลือ น้ำตาลบ้างไหม  ดูๆเหมือนจะไม่มีเกลือ น้ำตาลอยู่  เรื่องนี้ดูเฉยๆไม่รู้ ต้องอ่านจึงรู้ค่ะ  อ่านที่ไหนละ ก็อ่านที่ฉลากโภชนาการงัยค่ะ  อาจจะไม่เคยอ่านหรือไม่ได้สนใจมัน จึงชวนเชิญมารู้จักหน้าตาของมันกันหน่อย หน้าตามันเป็นอย่างนี้ค่ะ  ที่ยกมาให้ดูเป็นอย่างฉบับย่อนะค่ะ ฉบับเต็มไปดูได้ที่ฉลากสินค้าจริงค่ะ

ข้อมูลโภชนาการ

หนึ่งหน่วยบริโภค : …………..(……)

จำนวนหน่วยบริโภคต่อ…….. : ………….

คุณค่าทางโภชนาการ ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค

พลังงานทั้งหมด………..กิโลแคลอรี่ 

                                                                                   ร้อยละของปริมาณที่แนะนำต่อวัน*

ไขมันทั้งหมด……… ก.                                                                     ………. %

โปรตีน  ……………ก.                                                                                     

คาร์โบไฮเดรตทั้งหมด ……………ก.                                                    ………..%

    น้ำตาล ………..ก.

โซเดียม  ……….มก.                                                                       …………%

* ร้อยละของปริมาณอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวันสำหรับคนไทยอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป ( Thai RAD) โดยคิดจากความต้องการพลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรี่

อันว่าฉลากนี้ก่อนขอเสียค่าวิเคราะห์แพงค่ะ  ฉันเคยสำรวจตลาดในเมืองกระบี่พบว่าสินค้าบางตัวไม่มีฉลากนี้บอกไว้  พอมารู้ราคาค่าวิเคราะหก็ไม่แปลกใจเลยค่ะ อยากจะรู้มั๊ยว่าราคาที่วิเคราะห์แพงมากหรือไม่ ให้ตามไปดูที่นี่กันได้ค่ะ 

http://www.dss.go.th/dssweb/download/32.pdf

ค้นมาให้อ่านเป็นความรู้ทั่วไปเรื่องค่าลงทุนด้านอุตสาหกรรมอาหารค่ะ  เป็นคำตอบให้รู้ด้วยว่าทำไมสินค้าบางอย่างแพง และทำไมบางอย่างจึงกล้าลงทุนค่ะ 

ใครที่ชอบรายละเอียดของฉลากโภชนาการ ขอเชิญอ่านที่นี่เพิ่มได้นะค่ะ 

http://www.fda.moph.go.th/fda-net/html/new/label/label.html#what

ใครที่สงสัยว่ากฎหมายอาหารว่าไว้อย่างไร เชิญชวนไปอ่านที่นี่ด้วยกันค่ะ  มันให้ความรู้ว่ากฏหมายเจตนาคุ้มครองอะไรค่ะ  ใครไม่ทำร้องไปให้อย.ตรวจสอบได้  อย.จังหวัดอยู่ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดค่ะ

 http://cyberlab.lh1.ku.ac.th/elearn/faculty/veterin/vet71/LectureFood/PowerPoint/LectFood2(2).files/frame.htm#slide0003.htm

ชักนิยายไว้ใน 3 บันทึกก่อน ยังไม่ได้สรุปให้เลยว่าจะเอาไปใช้ง่ายๆอย่างไร  จึงขอสรุปให้ในมุมของแหล่งพลังงานนะค่ะ เอาไว้ใช้ในชีวิตประจำวันค่ะ  แนวทางที่แนะคือ ให้กะๆเป็นเปอร์เซ็นต์อย่างนี้ค่ะ 

คนเราทั่วไปต้องการพลังงานจาก 3 แหล่ง ในสัดส่วนทั้งหมดตามลำดับอย่างนี้ค่ะ

พลังงานจากแหล่งอาหารที่ให้ถ่านน้ำตาลกลูโคส  60%  จากถ่านกรดไขมัน 30%  จากถ่านกรดอะมิโน 10 %

นี่คือเคล็ดลับที่ขอเติมให้ในวันนี้ค่ะ

นี่คือ ฉลากบริโภค ที่ถ่ายมาจากสินค้าจริงค่ะ ตัวมันจะเล็กอย่างนี้จนทำให้อ่านไม่ออกขนาดนี้แหละค่ะ คนตาแก่จะดูมันก็ต้องพกแว่นขยายไปด้วยเมื่อจะไปซื้อของค่ะ เพราะว่าวัยเราท่านตามันเห็นเหมือนคนในภาพนี่แหละค่ะ มีบางยี่ห้อที่มีเมตตากันหน่อย พิมพ์ไว้โตหน่อยให้อ่านได้สบายๆ แต่ว่าหายากๆมากๆเลยค่ะ 

ปล. ภาพนี้จิ๊กมาจากใครก็ไม่รู้ในหมู่เฮาเองค่ะ

« « Prev : แหล่งอาหารอื่นๆที่ให้พลังงาน

Next : ไออุ่น ไอร้อน และการใช้เคล็ดลับ » »