น้ำตาลแปลงร่าง
อ่าน: 3907ในบันทึกก่อนหน้าได้เล่าถึงน้ำตาลที่ใช้ยากใช้ง่ายในร่างกายไปแล้ว บันทึกนี้จะชวนไปรู้จักน้ำตาลที่ใช้ง่ายที่แปลงร่างอยู่ในอาหารยอดฮิตบางตัวค่ะ
ฉันเชื่อว่า เครื่องดื่มในภาพที่เห็นข้างล่างนี้ คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก มันเป็นเครื่องดื่มที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ชอบกิน หลายคนใช้มันด้วยมีคนบอกมุมประโยชน์มาให้รู้ เด็กๆกินเพราะว่ามันมีรสชาดอร่อย แล้วเวลากินก็กินวันละหลายๆขวดก็มี
เจ้าเครื่องดื่มชนิดนี้ ถือกำเนิดมาในโลกเป็นครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นและขยายตัวเผยแพร่ออกไปจนทำเงินมหาศาลให้กับผู้ผลิต ด้วยเหตุผลเดียวคือ มีเชื้อโรคที่เป็นกัลยาณมิตรของระบบขับถ่ายของคนที่ช่วยให้ระบบระบายของสียในลำไส้ดีขึ้น คนที่มีปัญหาของระบบขับถ่ายก็พากันเฮโลไปซื้อมันมากินกันเพลิน
ฉันคิดว่าหลายท่านคงไม่เคยเห็นหน้าตาของบุคคลที่ทำให้เจ้าเครื่องดื่มตัวนี้กำเนิดมาในโลกนะค่ะ จึงขอนำมาให้รู้จักกันค่ะ และขอแถมความรู้รอบตัวว่ามันขายดีแค่ไหนด้วยค่ะ
เจ้าเครื่องดื่มรุ่นที่เกิดในเมืองไทยเรามีอายุได้ 38 ปีเศษแล้วค่ะ ส่วนอายุของบรรพบุรุษของมันในวันนี้มีอายุกว่า 70 ปีแล้วค่ะ มันเกิดมาโดยหมอในรูปข้างล่างทำกิฟท์ให้ เขาเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเกียวโตมีชื่อว่า ชิโรตะ มิโนะรุ การทำกิฟท์เกิดขึ้นในพ.ศ. 2473 มันถูกเลี้ยงดูจนเจริญวัยน่ารัก เขาจึงตั้งบริษัทขึ้นมาให้กำเนิดพี่ๆน้องๆมันขึ้นในพ.ศ. 2478 พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดมันคือ น้ำตาลและนมขาดมันเนย ที่ใช้เทคนิคทำกิฟท์ด้วยการเติมเชื้อโรคในลำไส้ที่มีชื่อว่า แลคโตแบซิลลัส ลงไปช่วยในกระบวนการทำกิฟท์ค่ะ ใครที่อยากรู้จักหมอมิโนะรุ เชิญไปอ่านดูประวัติที่มีคนเล่าถึงเขาไว้ที่นี่ค่ะ
http://www.pantown.com/board.php?id=3320&area=1&name=board1&topic=183&action=view
ยาคูลท์ถือกำเนิดมาในยุคที่มีสงคราม เป็นยุคที่เด็กญี่ปุ่นมีปัญหาขาดสารอาหารกันมากมายจนป่วยด้วยโรคทางเดินอาหาร บิด อุจจาระร่วง ล้มตาย มันได้ช่วยให้เด็กจำนวนมากรอดตาย มันจึงถูกเล่าขานกันมาเป็นตำนานว่า มันทำให้ร่างกายแข็งแรง สำหรับประโยชน์ปัจจุบันมีน้อยมากแค่ไหน ขอชวนให้ตามไปอ่านเพื่อรับข่าวสารเข้ามาวิเคราะห์ด้วยตัวท่านเองดีกว่าจากที่นี่ค่ะ
http://www.balavi.com/webboard/QAview.asp?id=758
สำหรับความเห็นในส่วนตัวของฉัน ฉันว่ามันมีประโยชน์สำหรับคนขาดสารอาหารที่ไม่ยอมกินข้าว หรือไม่มีข้าวกิน เพราะมันให้พลังงานได้เท่ากับกินข้าวเข้าไปแล้วราวๆ 1 ทัพพีเชียวนะท่าน ในด้านลบมุมนี้ มันก็ไร้ประโยชน์สำหรับคนที่หุ่นไม่งามในแง่ เพิ่มความไม่งามให้หุ่นตัวค่ะ
ในแง่ของน้ำตาล มันก็มีดีในแง่ หากคนเป็นเบาหวานหรือคนอดข้าวประท้วงจนเป็นลมไป กินมันเข้าไปทันทีก็เหมือนได้รับยาปลุกชีพเลยค่ะ เพราะมันให้น้ำตาลที่ใช้ง่าย กินเข้าไปไม่ต้องย่อยใช้เป็นถ่านกลูโคสได้เลยในทันที ส่วนแง่ลบของมันก็คือ กินมันเข้าไปเยอะๆบ่อยๆแล้วจะเกิดภาวะน้ำป่าไหลบ่าของน้ำตาลในร่างกาย หรือภาวะฝายที่น้ำไหลล้นตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้เครื่องในหลวมเพราะทำงานหนักตลอดเวลา แล้วในที่สุดก็จะทำให้เกิดโรคต่างๆตามมาค่ะ สำหรับคนเป็นเบาหวานที่ควบคุมน้ำตาลในเลือดไม่ได้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย กินมันเข้าไปน้ำตาลจะสูงพรวดพราดและทำให้เกิดอันตรายจนหมดสติได้ค่ะ
« « Prev : หวานเป็นลม ขมเป็นยา
5 ความคิดเห็น
ตอนนี้มีอินทผาลัมหลายกล่อง หวานเจี๊ยบ ต้องกินเอาเมล็ดไว้ปลูก จะหวานมากๆระยะหนึ่งจะเป็นอะรมากไหมหมอ
ยังมีสะตออีก ทานมากๆบ่อยๆ จะเป็นยังไงบ้างก็บ่ฮู้
#1 แม้ทุกอย่างในโลกมี 2 มุม มุมบวก และ มุมลบ ถ้าใช้มันให้เป็น ทั้ง 2 มุมก็จะให้ประโยชน์ได้ค่ะถ้าใช้มันอย่างพอดี พอเหมาะ จะนำเรื่องที่พ่อครูถามมาไปเขียนเล่าต่อนะค่ะ
#2 กินมาก หมายถึง กินจนเหลือ กินจนเกินพอใช้ในแต่ละวัน กินจนเกินกำลังที่จะกิน ของบางอย่างกินแล้วสะสมได้
สะสม หมายถึง ได้มาแล้วเก็บไว้ ในแง่ของอาหารเรากินเพื่อนำไปใช้ให้ได้ซึ่งพลังงานและสารจำเป็นในการยังชีพ การสะสมเกิดขึ้นเพราะว่าได้มาแล้วไม่ใช้นะค่ะพ่อครูขา
บ่อย หมายถึงว่า การทำอะไรที่ไม่เว้นระยะห่างของการทำ การกินสะตอของพ่อครู หมอเจ๊ว่าไม่เข้าขั้นคำว่า “บ่อยๆ” ค่ะ
#1 จำได้ว่าอินทผาลัมที่พ่อครูซื้อติดมือไปจากใต้ บรรจุกล่องอย่างดี และมีฉลากด้วยน๊า พ่อครูตามอ่านในบันทึกเรื่องถัดไปของหมอเจ๊ดูนะค่ะว่าจะรู้ได้อย่างไรว่า กินแล้วได้อะไรแค่ไหน ในเรื่องของความหวาน แนะให้ดูที่คำว่า “น้ำตาล” หรือ “SUGAR” แล้วดูที่เปอร์เซ็นต์ค่ะพ่อครูขา