เมี่ยงคำ(1)
อ่าน: 6710
วันนี้ตอนก่อนเที่ยงแวะไปถามน้องพยาบาลเรื่องการกินผักของคนไข้โรคไตว่าเขาใช้เครื่องมืออะไรที่ใช้สอนคนไข้ให้เลือกผักกินให้ได้ประโยชน์กับการคุมโรคไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนบ้าง เห็นแล้วก็มานึกว่าเครื่องมือที่ใช้มันยากสำหรับให้คนไข้วิเคราะห์ตัวเองได้ว่ากินได้เหมาะอย่างไรรึไม่ซะจริง ด้วยว่ามันมีรายละเอียดเยอะจนต้องใช้ความจำเอาเท่านั้น ไม่มีหลักอะไรให้ยึดง่ายๆให้ไว้บ้างเลยเชียวหรือที่เป็นประโยชน์ให้ใช้ได้ง่ายๆ เลยทิ้งโจทย์เอาไว้ช่วยใช้ประสบการณ์ที่คลุกคลีคนไข้มาจำนวนมากหลายถอดบทเรียนออกมาใช้สักหน่อยจะดีกว่านะเธอ
เย็นแล้วกำลังนั่งๆก็นึกถึงอัยการชาวเกาะขึ้นมาตะหงิดๆด้วยความคิดถึง เอ๊! ดูเหมือนน้องฑูรย์จะงานยุ่งจนหายไปไม่มาเจ๊าะแจ๊ะๆนานเหมือนกัน หรือว่ามันรู้สึกไปเองก็ไม่รู้นะนี่ มันเป็นยังไงกันนี่ แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อวันก่อนที่เจอกันที่บ้านป้าจุ๋มก่อนวันนัดพบชาวโกว์นะน้องฑูรย์เคยถามว่า ผมกินเมี่ยงคำทุกเย็นเลย เวลาเจาะน้ำตาลดูแล้วมันไม่ขึ้น อธิบายได้ยังไง ได้บอกตอบไปแล้ว แต่มาคิดว่าเป็นประโยชน์ที่ควรบันทึกไว้เผื่อคนอื่นไว้ใช้ด้วยน่าจะดี วันนี้เลยถือโอกาสมาบันทึกไว้ซะเลย
ก่อนอื่นมาดูส่วนประกอบที่นำมาใช้ปรุงกันก่อนนะค่ะ สูตรนี้เป็นสูตรที่คุณแม่เคยสอนให้ทำนะค่ะ ซึ่งก็น่าจะเป็นสูตรเดียวกับที่น้องฑูรย์ได้ทำกินเช่นกันละมังค่ะ
ส่วนประกอบสำหรับน้ำเมี่ยงคำ : น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย น้ำปลา เกลือ กุ้งแห้งป่น มะพร้าวขูดคั่วโขลกละเอียด กะปิเผา หอมแดงเผา กระเทียมเผา ขิงซอย
เครื่องเคียงเมี่ยงคำ : ใบชะพลู มะพร้าวซอยคั่ว ถั่วลิสงคั่ว ขิง หอมแดง มะนาว พริกขี้หนู กุ้งแห้ง
เคยไปหยอดครูโย่งไว้ในเรื่องการแนะนำประโยชน์ของอาหารว่าเวลาแนะนำนะควรที่จะให้ข้อมูลให้ครบ 2 ด้าน จะมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับคนที่จะนำความรู้ไปใช้กับการดูแลตัวเองให้เหมาะ เพราะว่าเรื่องในธรรมชาติแต่ละมุมที่ใช้ มันให้ผลได้ทั้งมุมบวกและมุมลบเสมอในผู้ใช้แต่ละคน ในแง่ของอาหารที่จะกินเข้าไปในแง่มุ่งประโยชน์มากไปแล้วละก็ อาจะเกิดโทษได้จากการมุ่งดีเกินไป ด้วยกินเกินพอดีทำให้สมดุลดีเสียไปได้ด้วยค่ะ
เวลาจะกินพืชที่ใช้เป็นอาหาร นอกจากจะหวังผลในเรื่องของสารเคมีที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว ยังต้องระแวงว่าการกินมากไปจนเกิดผลกินเกินสะสมเป็นภัยเงียบได้หากไม่ป้องกันต่อหรือปรับลดกินให้กินพอดีค่ะ
สำหรับทุกเมนู เวลาจะวิเคราะห์ว่ากินเหมาะอย่างไรให้แยกแยะหมวดอาหารก่อน ตามหลักของธงโภชนาการที่เคยนำมาคุยให้ฟังแล้ว ดังนั้นเมื่อดูเครื่องเคียงและน้ำเมี่ยงอย่างผาดๆละก็จะพบว่าเกือบทั้งหมดมาจากพืชอาหารทั้งหมดเลยละค่ะ มีส่วนมาจากสัตว์ก็แต่กุ้งแห้งเท่านั้น แล้วส่วนของน้ำตาลก็แฝงอยู่ในความหนืดของน้ำเมี่ยงนะเอง นอกจากนี้มีเกลือที่ผสมอยู่ตรงๆร่วมกับเกลือที่แฝงเข้ามาในรูปของกะปิและกุ้งแห้งด้วย
ต่อมาแยกอีกว่า ปริมาณที่มีอยู่สัดส่วนบริโภคนั้น พึงระวังส่วนไหน ให้ใช้ธงเตือนใจ
เคยบอกหลักไว้ว่า ให้มองแล้วใช้สูตร “พืชครึ่งหนึ่งอย่างอื่นครึ่งหนึ่ง” เลือกกินทุกๆมื้อ
คราวนี้ให้ดูต่อ เกลือ-น้ำตาลที่ควรกินมีปนอยู่อย่างไร
หากว่าใช้ตามธง เขาบอกเอาไว้ว่า น้ำตาล-เกลือกินน้อยที่สุด เมนูนี้มีผลอยู่ตรงที่อย่างอื่นครึ่งหนึ่งนั้น มีน้ำตาลและเกลืออยู่จำนวนหนึ่งที่กินเพลินแล้วจะไปทำให้กินเกินกว่าที่ควรกินได้
สำหรับคนเป็นเบาหวาน ถ้าจะกินอาหารเมนูนี้ เครื่องเคียงไม่มีผลเพิ่มน้ำตาลในเลือด เพราะในพืชเหล่านี้ไม่มีพืชตัวไหนที่มีแป้งแฝงอยู่ให้ไปย่อยเป็นน้ำตาลที่เพิ่มสูงในเลือดได้ เพราะผักเหล่านี้มีน้ำตาลอยู่น้อยมากๆในตัวมัน
ในน้ำเมี่ยงต่างหากที่ต้องดูกันสักหน่อย ด้วยว่ามันสามารถไปเพิ่มน้ำตาลในเลือดได้ นั่นแน่เห็นรึยังมีน้ำตาลอยู่ตั้งสองชนิดเชียวนะที่เป็นส่วนประกอบ น้ำตาลชนิดหนึ่งเป็นน้ำตาลธรรมชาติที่ผ่านความร้อนมาบ้างในการผลิตขึ้นมา น้ำตาลอีกชนิดหนึ่งเป็นน้ำตาลผลึกที่ผลิตผ่านระบบอุตสาหกรรม
ถ้าถามว่าคนที่เป็นเบาหวานนั้นกินเมนูนี้แล้ว น้ำตาลในเลือดขึ้นสูงจากอะไร คำตอบออกมาว่าขึ้นจากการใส่น้ำเมี่ยงเยอะกว่าเครื่องเคียงมากนะซิ ดังนั้น ถ้าจะกินให้ไม่มีปัญหาน้ำตาลขึ้นสูงมากๆจึงพึงกลับสัดส่วนใส่เครื่องเคียงให้มากกว่าเติมน้ำเมี่ยงไง
แต่คนเป็นเบาหวาน มักจะมีปัญหาที่หมออยากให้ช่วยทำด้วย คือ การคุมน้ำหนักตัว
คำถามจึงมีว่า เมนูนี้กินแล้วน้ำหนักตัวเพิ่มได้ไหม และเพิ่มจากอะไรกันเล่า
มันก็ควรมาวิเคราะห์ตรงอะไรที่ทำให้อ้วนได้บ้างเล่ากัน
คนมักจะรู้ว่าอาหารไขมันคือเหตุหนึ่งที่ชักนำให้อ้วน แล้วธงก็ยืนยันให้กินไขมันน้อยๆ
ในบันทึกก่อนๆที่เขียนเล่าไว้นั้น ยังไม่เคยบอกว่า ไขมันที่บอกให้กินน้อยๆนะใช้อะไรตัดสิน วันนี้จึงมาบอกว่า ในวันหนึ่งนั้นคนไม่ควรกินไขมันเกินวันละ 2 ช้อนชานะคุณ
ดังนั้นเวลาจะกินอาหารจึงควรที่จะรู้ว่านอกจากน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหารแล้ว อาหารอะไรอีกที่ให้ไขมันได้บ้าง
เริ่มจากเมนูนี้ท่านคงจะระบุว่า มะพร้าวนะแหละคือแหล่งที่ให้ไขมัน จึงอยากจะบอกว่าไม่เท่าแต่มะพร้าวที่เป็นปัญหาให้ไขมัน หากแต่ยังมี ถั่วลิสง ด้วยนะค่ะ
ตรงนี้ขอบอกเคล็ดลับว่า เวลาจะวิเคราะห์แหล่งไขมันในอาหารที่มาในรูปอื่นนั้น ให้นึกถึงต้นตอที่มาของน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร พืชอะไรที่เอามากลั่นทำน้ำมันกินได้ พืชเหล่านั้นคือแหล่งให้ไขมันค่ะ
น้องฑูรย์ซึ่งบอกว่า เวลากินเมี่ยงคำของทุกวันคือมื้อเย็น แล้วอีตอนนี้หุ่นมันตุ้มตะตุ้มตุ้ยมากขึ้นเรื่อย จึงมีคำเฉลยว่า มิน่าเจาะเลือดทีไรน้ำตาลไม่เคยขึ้น แต่น้ำหนักมันขึ้นเอาขึ้นเอานะ มันเป็นเพราะอะไร
ก็น้องเขานะกินถั่วลิสงอย่างมันปากทุกมื้อเย็นซิน่า แถมด้วยมะพร้าวคั่วอีก กินผักเครื่องเคียงไปมากด้วยแต่มันเอาไม่อยู่ในการกรองเอาไขมันออกมาทิ้งก่อนดูดซึมเข้าในเลือดค่ะ
คนไข้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงละกินเมนูแล้วจะเป็นยังไงบ้าง เรื่องอ้วนนะรู้กันไปแล้ว ทีนี้ก็มีเรื่องเกลือที่ไม่ควรกินให้หนัก เพราะว่าเกลือนะกินวันนี้ กว่าที่มันจะขับออกหมดนะใช้เวลาตั้ง 5 วันแนะ นี่ขนาดคนปกตินะนี่
คนที่มีความดันโลหิตสูงนะ หลอดเลือดและหัวใจทำงานหนักตลอดเวลาเพื่อจัดการให้เลือดไหลเวียนคล่องตัวในภาวะที่เส้นเลือดมันมีอุปสรรค ในการบีบตัวอยู่ตลอดเวลา ยิ่งใส่เกลือเข้าไปเยอะ มันก็ยิ่งหนักหัวใจมากขึ้นซีค่ะ แล้วเมนูนี้นะน่ะ มันหนักเค็มซะด้วยซี ยิ่งถ้าชอบกินกุ้งแหงเยอะๆน้ำเมี่ยงเยอะๆละก็ เกลือย่อมเข้าไปมากแน่นอน แหมส่วนที่อร่อยของเมนูนี้ทั้งน๊านเลยนี่ที่ต้องระวังเวลาจะกินมัน ถ้าถามว่าจะกินได้ไหม คำตอบคือกินได้แต่ขอให้รู้จักปรับสัดส่วนของส่วนผสมที่จะตักใส่ปากให้เหมาะหน่อยค่ะ
นอกจากเรื่องของเกลือและการมองผาดๆเรื่องน้ำตาลและสัดส่วนหมวดอาหารแล้ว ขอชวนให้มองพิศแบบหนุ่มมองสาว สาวมองหนุ่มหลังจากที่ถูกตาต้องใจในแวบแรกต่อสักหน่อย ส่วนที่จะชวนให้มองพิศ คือ เรื่องของพืชแต่ละชนิดที่อยู่ในเครื่องเคียงค่ะ
เมนูนี้มีข้อวิเคราะห์ว่า ให้ระวังเกลือ น้ำตาลเกินจากใส่น้ำเมี่ยงเยอะๆ ระวังไขมันจากถั่วลิสงและมะพร้าวคั่ว ระวังเกลือจากกุ้งแห้งในเครื่องเคียง
ตามหลักของธรรมชาติที่อยากจะชวนพิศก็คือในส่วนประกอบของเมนูนี้ มีด้านบวกอะไรบ้างไหมของส่วนประกอบที่มีอยู่
มองพิศไปที่พืชแล้วก็พบว่า มีเส้นใยเยอะหนึ่งละ อีกหนึ่งมุมดีที่เห็น คือ มีสารเกลือแร่โปตัสเซียมไว้แก้กันกับเรื่องของเกลือสูงจากน้ำเมี่ยง ซึ่งอยู่ในถั่ว ใบชะพลูที่มีสีเขียวจัดๆ และมะพร้าวคั่ว เมื่อกินเข้าไปพร้อมๆกันผลของเกลือที่เข้าไปจะมีตัวช่วยปรับสมดุลให้ดีขึ้นได้
แต่ในใบชะพลูนะยังมีผลึกยูริคอยู่สูงด้วย ไตจึงทำงานหนักในการขับออกส่วนเกินออกทิ้งไป
วิธีปรับกินเมนูนี้ให้เหมาะของคนที่ปกติไม่มีโรคก็คือ กินเมนูแล้วควรจะกินน้ำตามให้เยอะหน่อยเพื่อให้ไตและหัวใจทำงานเบาหน่อยนะค่ะ อย่าลืมนะค่ะ แล้วไม่ควรที่จะกินแทนข้าวในมื้อเย็นด้วยค่ะ
สำหรับคนเป็นโรคไตวาย คงไม่ต้องพูดถึงว่า เป็นเมนูที่ไม่ควรจะนำไปเป็นของฝากให้เขาหยิบเข้าปากยามเหงาปากเพราะเห็นว่ามันอร่อย เคี้ยวแล้วมันนะค่ะ นะค่ะ
ทีนี้ขอมาลองภูมิหน่อยว่าคนเป็นเบาหวานที่มีความดันสูงละกินเมนูอย่างไรจึงเหมาะค่ะ หากว่าอยากจะกิน
(ยังมีต่อ)
10 ความคิดเห็น
เป็นประโยชน์แก่ พวกหวานและเสี่ยงความหวานทั้งหลาย..อิอิ..
คนเป็นเบาหวานที่มีความดันสูงละกินเมนูอย่างไรจึงเหมาะค่ะ หากว่าอยากจะกิน
รู้สึกจะเหลือแต่ขิง มะนาว พริกขี้หนู หอมแดงแย้ว อิอิอิ ป่วนๆๆๆๆๆ
กอดอุตลุตก่อนจะหนีค่า ^ ^
ใช่แล้วค่ะพี่บูธ เป็นเมนูที่มีมุมบวกในแง่ความหวานและเสี่ยงความหวานทั้งหลาย แต่ก็มีมุมลบที่แฝงฝังอยู่ด้วยในแง่ของหุ่นไม่งามค่ะ
ขอลองภูมิหน่อยว่าถ้ากินทั้งหมดตามที่มองเห็นอยู่ในรูปคือ 5 คำนะค่ะ จะมีผลทำให้หุ่นไม่งามมั๊ยค่ะ
…อิอิ
มานี่ มานี่ อีหนู มาเล่นสนุกกัน จะหนีไปทำไมกันเล่า น่าสนุกออกค่ะ ผิดไม่มี มีแต่ถูกและไม่รู้ซะมากกว่าค่ะน้องขา
เอ๋! แล้วกินยังไงละ ถ้ามีแต่ขิง มะนาว พริกขี้หนู หอมแดงอ่ะ มีอะไรอีกมั๊ย บอกมาไม่หมดละมั๊งหนู บอกมาเหอะ บอกมาเหอะ
เมนูนี้ป้าจุ๋ม ชอบทำไปสวนป่าทุกครั้งที่ไปด้วยนะ ขอบอก ช่วยกันวิเคราะห์เพื่อประโยชน์ในการดูแลกันและกันนะน้อง
มานั่งเฝ้าไข้อยู่หลายวันแล้ว..คนไข้ไม่ยอมรับประทานอาหาร เหม็นเบื่อ ไม่อร่อยไปหมด
อาหารเบาหวาน ลดเค็มของโรงพยาบาล ลองชิมแล้ว..เข้าใจคนไข้จริงๆ…มันแหยะๆ..อิ อิ
ตอนนี้เลยต้องใช้วิธีสรรหามาให้ลอง+วิธีเสี่ยงทาย..ทำยังกะรจนาเลือกคู่..
เลือกผิดทุกที..ฮื่อๆๆ บางทีก็ต้องใช้วิธีกดดัน..เป็นพยาบาลโหด..บังคับเลือก
บ่นๆๆ เรื่องอาหารค่ะพี่ตา ยิ่งสอบตกวิชาโภชนาการอยู่ด้วย..ทำอาหารไม่เก่ง..555
น้องอึ่งจ๋า ลองบอกมาหน่อยเป็นไร คนไข้ชอบกินอะไรบ้างละ พี่ว่าเมนูทั่วไปใช้ได้ถ้าหากว่าเข้าใจเรื่องวิธีกินนะ ลองยกตัวอย่างขึ้นมาคุยกันได้เลยค่า เผื่อจะได้ไปหามาเอง อ้อ! อย่าลืมบอกค่าน้ำตาลในเลือดมาให้หน่อยนะค่ะน้องขา
น้องอึ่งลองทำชาสมุนไพรให้คนไข้หน่อยซี กินอะไรไม่ลงน่าจะดื่มชาได้นะน้อง หาต้นใบชะพลูมา 9 ต้น เอาทั้งต้น (ใบ ราก ต้น ดอก) ล้างจนสะอาดแล้วต้มด้วยน้ำ 2 แก้ว(ขนาดธรรมดา) เคี่ยวไฟอ่อนให้ค่อยๆเดือดจนงวดเหลือแค่ครึ่งแก้ว นำมาให้คนไข้ดื่มบ่อยๆให้หมดก่อนอาหารเย็น ทุก 15 วัน ไปเรื่อยๆ ครบ 4 สัปดาห์(กินครบ 2 ครั้ง) แล้วลองดูผลเลือดซ้ำ ชาสูตรนี้มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้ค่ะน้องขา เป็นสูตรที่นำมาจากร.พ.อภัยภูเบศร์จะน้องจ๋า ใช้คู่ขนานไปกับยาแผนปัจจุบันได้ เพียงแต่ต้องให้หมอปรับยาแผนปัจจุบันคู่ขนานกันไปเมื่อผลเลือดต่ำลง ไม่งั้นเป็นลมได้เพราะน้ำตาลในเลือดลดเร็วไปค่ะ
คนไข้เบาหวานนะมักจะได้ยาบำรุงกินหลายขนานเสริมมา ดูฉลากด้วยยาบำรุงด้วยนะค่ะ บางทีน้ำตาลมันขึ้นเพราะยาพวกนี้หละค่ะ โดยเฉพาะพวกที่เข้าโสม ส่วนใหญ่จะมีน้ำผึ้งแทรกมาเป็นกระสายยาโดยไม่รู้แล้วกินเข้าไปด้วยคิดว่าเป็นยาบำรุงค่ะ เป็นนักสืบหน่อยนะน้องนะ
ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องไตทำงานไม่ดี อยากจะกินพวกผัก ผลไม้ ลองเอาใบชะพลูสดมากินกับตำผลไม้ (ใส่ฝรั่ง แอปเปิ้ลเขียว)ซอยละเอียด ไม่ใส่ผงชูรส ไม่ใส่น้ำปลา และน้ำตาล แล้วนำมาให้กินได้ค่ะ แก้เลี่ยนค่ะ เมนูนี้ช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ค่ะ
หาน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มาใช้ทาตัวให้วันละ 2 ครั้งเช้า-เย็น เพื่อช่วยเพิ่มการเผาผลาญน้ำตาลในเลือดอีกวิธีหนึ่งค่ะ
[...] มาชวนน้องครูอึ่งไปที่นี่หน่อย ความก้าวหน้าเป็นยังไงบอกกันด้วย [...]
พี่ตาขา..
เช้านี้คนไข้ยอมกินข้าวต้มได้บ้างแล้ว ช่วงนี้ยังอยู่ที่โรงพยาบาลด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ผล lab บอกว่าเป็นชนิดไม่ดื้อยา แต่ยังมีไข้เป็นบางช่วง พออาการไข้ดีขึ้น ก็เริ่มเบื่อหน่ายอาหาร อาจด้วยอยู่โรงพยาบาลนานเกินกว่าที่คิดไว้
วันนี้อุ่นข้าต้มให้กินร้อนๆ บอกด้วยว่า คุณหมอที่กระบี่แนะนำมา อิ อิ ขออนุญาตนำพี่ตามาไซโค เลยกินได้เกือบหมดถ้วยเล็กๆ
สำหรับอาหารสูตรที่พี่แนะนำ เดี๋ยวกลับไปทำที่บ้าน ต้นชะพลูมีเยอะค่ะ
ขอบพระคุณนะคะ พี่ตา (my dear online doctor..อิ อิ)
ไปตรวจมาเมื่อเช้า
รับปากหมอมาอีกแล้วว่าจะควบคุมอาหาร
รับปากเป็นครั้งที่เจ็ดสิบสอง แต่ถือเป็นครั้งแรกเพราะเป็นหมอท่านใหม่บ่แม่นคนเก่า แหะ แหะ