ความภูมิใจของป้าดา
อ่าน: 3031ก่อนสิ้นปี 2551 ระหว่างเดินอยู่ระหว่างตึกคนไข้ มีหญิงสองวัยเดินสวนทางมา ปะทะไหล่กันเล็กน้อย ทำให้หันหน้ามามองกันและกัน อ้าวป้าดากับเล็กนะเอง ป้าดามองหน้าแล้วทำหน้างงและงง ดูเหมือนจะจำกันไม่ได้ แต่เล็กจำได้จึงบอกป้าดา หมอไงละป้าดาหมอไง ป้าดาใช้เวลาอยู่นานจึงร้องอ้อ ป้าขอโทษป้าจำไม่ได้ เดี๋ยวนี้ขี้ลืม ถามไถ่ได้ความว่า ป้าดามาฟอกไตอยู่ที่นี่ มีนัดมาสัปดาห์ละ 3 วัน มีวันหยุดหนึ่งวันด้วยที่ต้องมา คุยกันสักครู่ป้าดาถามว่าทำงานอยู่ตรงไหน บอกกล่าวสถานที่กันแล้ว ป้าดาหลุดคำพูดออกมาว่า ป้าดาจะหิ้วปิ่นโตมาส่งให้ในวันที่ป้าดามาล้างไต ได้ฟังแล้วตอบไปว่า ไม่ต้องหรอกป้ารบกวนป้ามากไป ป้าดาจึงบอกว่าป้าดาเอามาฝากเจ้าหน้าที่ที่ช่วยฟอกไตอยู่แล้วทุกครั้ง เอามาฝากอยู่นานแล้วตั้งแต่มาฟอกไตที่นี่
จากกันแล้ววันนั้น สัปดาห์ต่อมาลูกน้องมาบอกว่าปิ่นโตหมอวางอยู่ที่โต๊ะข้างใน มีคนเอามาฝากให้ เอาแล้วซิห้ามไม่ฟัง เกรงใจป้าซะจริงๆ บ่ายวันนั้นตั้งใจว่าจะลงไปหาป้าดาเพื่อขอบคุณและมอบเงินค่าอาหารให้เพื่อเป็นทุนรอนให้ป้าไปใช้ซื้ออาหารสดมาทำอาหาร แต่ไม่ได้พบกัน ป้าดากลับไปซะก่อนแล้ว น้องพยาบาลห้องล้างไตบอกว่า หมอห้ามป้าดาไม่ได้หรอก ป้าดาบอกว่าอาหารที่บ้านนะทำเหลือเฟืออยู่แล้ว แค่แบ่งมาให้เท่านั้นเอง ต่อๆมาปิ่นโตก็ยังถูกส่งมาให้สม่ำเสมอ ไม่เว้นวันหยุดยาวปีใหม่ที่ผ่านมา
เปิดทำงานหลังวันหยุดยาว น้องๆที่ทำงานย้ำบอกว่า ปิ่นโตอยู่ที่ห้องข้างๆ ด้วยว่าที่ผ่านมามีน้อยมื้อที่มีโอกาสได้ชิมฝีมือเนื่องจากภารกิจที่ต้องไปโน่นไปนี่มาตลอด อาหารที่ส่งมาจึงเป็นลาภปากของน้องๆไป ไม่กี่วันที่ผ่านมาหลังจากชิมฝีมือป้าดาแล้ว จึงจัดการหิ้วปิ่นโตไปคืนให้ทันเวลาก่อนป้าดาจะกลับบ้าน ป้าดาดีใจมากที่ได้มีโอกาสพูดคุยด้วย ไม่ได้ทำอะไรหรอกแค่ไปยืนใกล้เตียงแล้วปล่อยให้ป้าดาคุยๆๆๆและคุย ทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี ยิ้มรับและส่งสายตามองหน้าให้รับรู้ว่าฟังอยู่น่ะ จับมือป้าดาไว้ พร้อมกับบีบมือเบาๆในบางจังหวะไปด้วย
เรื่องราวที่พูดคุย เริ่มจากทักทายกันแล้วบอกป้าดาว่าเกรงใจเรื่องทำอาหารมาส่งให้ มาขอบคุณที่ส่งอาหารให้ ป้าดาจึงเล่าชีวิตของป้าดาให้ฟังว่า ทุกวันนี้ป้าดาป่วยไข้มาล้างไตสัปดาห์ละ 3 วัน สบายกว่าตอนที่มาทำแค่ 2 วัน เรื่องของการทำอาหารที่ต้องทำเยอะไว้ที่บ้าน ก็ทำเอาไว้รอหลานๆลูกๆไปกิน ไม่ทำเด็กๆก็แวะไปขอให้ทำให้กินอยู่แล้วก็เลยทำเอาไว้ไม่ให้เหนื่อย จะได้มีเวลาพักซะหน่อยด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวๆทำเดี๋ยวทำ ไม่เปลืองแก๊ซด้วยทำอย่างนี้ แต่ก่อนป้าดาทำอาหารขายเพื่อส่งให้ลูกเรียน มีเงินเท่าไรเก็บเอาไว้ส่งลูกเรียนหมด ไม่ซื้ออะไรที่อยากกินมากิน เดี๋ยวนี้ส่งลูกเรียนจนจบมาแล้ว มีหลานแล้วหลายคน บางคนก็จบเป็นหมอแล้วด้วย
ไอ้ของที่อยากกินบอกคำเดียวมีคนซื้อมาให้กิน แต่ก็กินไม่ได้ ได้แต่มองดูน้ำลายสอเท่านั้น กินไม่ได้เพราะเป็นโรค อยากจะกินตอนนี้ไม่ได้กิน เวลาทำอะไรมาให้กินแล้วเขากินอย่างอร่อยรู้สึกว่ามีความสุข จึงอยากทำมาให้ หมอไม่ต้องเกรงใจหรอก ป้าดาป่วยเมื่อป้าดาอายุ 40 ปี ป้าดาเป็นเบาหวาน 5 ปีต่อมาก็มีโรคความดันโลหิตสูง และต่อมาอีก 10 ปีก็เป็นโรคหัวใจตีบ ไปผ่าตัดเปลี่ยนเส้นเลือดมาแล้ว อยู่ต่อมาอีก 5 ปี ป้าดาก็ต้องมาล้างไตเพราะไตวาย ป้าทำบุญไว้ไม่ดีจึงผ่านมาหมดกับทุกโรคที่เล่านี้ มีเหมือนกันที่กินของที่อยากกินมาเจาะเลือดแล้วเลือดมันขึ้น เด็กๆที่นี่เขาก็ดุเอาหลายครั้ง จึงไม่กินอีกเลย ระหว่างคุยเรื่องเหล่านี้ออกมา ป้าดาน้ำตารื้นจนต้องเช็ดน้ำตาหลายรอบ น้ำตาแห้งก็เล่าต่อ แล้วรื้นอีกสลับกันไป
ตอนนี้ป้าดาเป็นแม่บ้านอบจ. ส่วนประธานแม่บ้านของชุมชนคนอื่นเป็นแทนแล้ว วันนี้มาฟอกไตเร็วหน่อย เพราะจะไปประชุมกับอบจ.สักหน่อย แต่ก่อนฝากเลขาไปแทน เขามาเล่าไม่รู้เรื่อง เขาทำเหมือนป้าดาไม่เอาไหน ป้าดาจึงจะไปประชุมเอง จะได้รู้เรื่องกับใครเขาบ้าง ไปแล้วไม่สบายใจเหมือนกัน คนมันมองเหมือนป้าดาไม่เอาไหน ทำอะไรไม่ได้แล้ว เล่ามาถึงเรื่องที่คนกล่าวถึง นัยน์ตาป้าดาดูวาบขึ้น มีแรงขึ้น น้ำตาแห้งผากไป ปากเม้มแบบอยากเอาชนะใครที่อยู่ในภวังค์คิด เสียงติ๊ดๆของเครื่องดังแทรกขึ้น อ้อ! ฟอกไตเสร็จแล้วพอดี
ฟังป้าดามาถึงตรงนี้ ใจที่อยากจะมาเพื่อบอกป้าดาว่า จะของดรับการส่งปิ่นโตของป้าดาก็เปลี่ยน เหตุที่เปลี่ยนใจเพราะว่า เกิดความเข้าใจแล้วว่าการช่วยรับเอาปิ่นโตไว้ คือ วิธีหนึ่งของการรักษาใจให้ป้าดา สิ่งที่รับฟังมานั้นบอกว่า ที่แท้ที่ป้าดาทำอะไรอย่างที่ทำอยู่มีแรงขับที่ป้าดาอยากให้ยอมรับว่า ป้าดายังไหวอยู่นะ มีคุณค่าอยู่ พึ่งตัวเองได้อยู่ มิใช่คนที่ทำอะไรไม่ได้ ไม่ใช่แค่เป็นคนที่มีไตวาย ที่คอยรอความเมตตาหรือความรู้สึกเวทนาจากใคร แต่เป็นป้าดาที่ยังให้พยาบาลและหมอพึ่งพาได้ ผ่านอาหารมื้อเที่ยงที่ป้าแบ่งมาฝากทุกครั้ง
คุยด้วยกันจนพยาบาลปลดสายฟอกไตหมดแล้ว ให้กำลังใจให้อยู่ต่อไปในปีใหม่ ป้าดามีดีมีกำไรแล้ว อีตรงที่มีอายุเกินค่าเฉลี่ยของผู้สูงอายุสตรีแล้ว อย่างนี้ถือเป็นกำไร เลยคุยต่อกันอีกหน่อย ป้าดาบอกว่า ตอนแรกที่ฟังหมอที่กรุงเทพฯพูดเรื่องกำไร ป้าดาไม่เข้าใจเหมือนกัน เพิ่งมาเข้าใจไม่นานนี่แหละ คุยจนป้าดาเก็บข้าวของจึงลาจากป้าดามาทำงานต่อ
ออกจากห้องฟอกไตมา เจอน้องๆนั่งกินข้าวกันอยู่ จึงถามเขาว่า เวลาป้าดามาฟอกไต มีเวลาได้ให้คนไข้คุยให้ฟังบ้างไหม น้องๆงงกับคำถาม ย้อนถามว่าคุยอะไร บอกไปว่า คุยอะไรก็ได้ เขาตอบว่าคุยให้การปรึกษานะมีอยู่ เวลาส่วนใหญ่ใช้ไปกับการคุยอย่างนี้ ป้าดาคุยอะไรให้ฟังหมอจึงถามขึ้น ไม่ได้ตอบเขาว่าอย่างไรเพราะหลังจากเขาตอบออกมา ใจมันสรุปคำตอบว่า อ้อ! น้องๆเรายังต้องเรียนรู้การประเมินความรู้สึกคนไข้อีกมากกว่าที่เขาจะไต่ไปถึงขั้นการดูแลด้วยหัวใจที่เป็นมนุษย์อย่างเป็นองค์รวมที่คนไข้หวังจะได้รับ แค่คำถามคำเดียวฟังเหมือนน้องคิดไกลไปเรื่องอะไรไม่รู้ ฟังเหมือนกลัวและปกป้องตัวเองยังไงไม่รู้แฮะ
คำถามทิ้งท้ายเตือนสติ
อ่านเรื่องนี้แล้วเรียนรู้อะไร รู้สึกอย่างไรบ้าง
« « Prev : ทำอะไรได้บ้างถ้าคนไข้ไม่มีเส้น
2 ความคิดเห็น
ป้าดา ยังไม่ได้ท้อถอย ใจยังสู้ตลอด ยังต้องการกำลังใจ กลัวถูกทอดทิ้ง ต้องการสื่อถึงบางอย่างในชีวิต
ชีวิตคนเรายังต้องการกำลังใจ ถึงแม้ว่าใจยังสู้ ไม่ท้อถอยก็ตาม ถ้าพวกเราเป็นส่วนหนึ่งในการให้กำลังใจกับกลไกชีวิตในสังคม จะเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้โลกเราสดใสขึ้น
มาร่วมให้กำลังใจ ป้าดาด้วยครับ
ป้าดามีความหวังอยู่ว่า อยากอยู่จนได้เห็นความสำเร็จของหลานๆทุกๆคน แค่เพียงให้เวลาป้าดา ฟังเรื่องที่ป้าดาเล่าให้ฟังโดยไม่ขัดคำเล่า ฟังเงียบๆ น้องก็รู้สึกว่าป้าดามีกำลังใจแล้วค่ะ เพราะหลังจากป้าดาได้พูดเล่าออกมา ป้าดาบอกกับน้องว่า “สู้ สู้” ค่ะ