เอาบุญมาฝาก
อ่าน: 1982เอาบุญมาฝากครับพี่น้อง
วันนี้ตื่นแต่เช้าเพื่อไปใส่บาตรที่หน้าสโมสรของหมู่บ้าน หมู่บ้านที่ผมอยู่จะจัดพิธีทำบุญตักบาตร นิมนต์พระมาให้ศีลให้พรทุกปีและที่นิมนต์ประจำคือท่านเจ้าคณะอำเภอถลางตั้งแต่ท่านยังมิได้รับตำแหน่ง ท่านเป็นพระที่เทศน์เก่งมาก วัตรปฏิบัติก็ดี ชาวบ้านเรียกท่านว่ามหาสมใจ วัดท่าเรือ ให้ท่านไปสวดที่ไหน ท่านจะเทศน์เป็นของแถมทุกที ฮา..ท่านบอกว่าสวดอย่างเดียวชาวบ้านไม่ค่อยรู้เรื่อง ต้องเทศน์สอนด้วยถึงจะยังประโยชน์ในการนิมนต์พระไปทำบุญ
วันนี้ก็เช่นกัน ท่านเทศน์โดยยกกลอนของท่านพุทธทาส ซึ่งเข้ากับยุคสมัย กลอนนั้นมีว่า
สวัสดีปีใหม่ใจผ่องแผ้ว ปีเก่าผ่านไปแล้วไม่กลับหลัง
จงอ้างเอาพระไตรสรณัง เอามาตั้งไว้ในใจได้คุ้มครอง
ให้พวกเราเหล่าพุทธบริษัท ได้เป็นสุขโสมนัสกันทั้งผอง
ที่โกรธกันพลันกลับใจได้ปรองดอง ที่รักกันยิ่งประคองความไมตรี
ให้โลกเราแผ่กว้างทางเมตตา มนุษย์ทั่วโลกาพาสุขศรี
เป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย ภัยไม่มี สวัสดีปีใหม่สุขทุกท่านเอย
ท่านเทศน์ขยายความให้เราได้ตระหนักว่า การอยู่ร่วมกันในสังคม ทำไมเราต้องเอาความทุกข์มาใส่ตัว ทำไมเราไม่ปรองดองกัน ไม่แบ่งเป็นเสื้อเหลือเสื้อแดง เพราะเราเป็นคนชาติเดียวกัน ให้เราอยู่กันด้วยความเมตตา เพราะความเมตตาจะพาให้โลกมีความสุขสงบ เราต้องสุขสนุกสนาน หรือสุขสงบ ถ้าสุขสงบก็อยู่ในบ้านอย่างมีความสุข ทำจิตใจให้สบาย ถ้าสุขสนุกสนานออกไปสนุกนอกบ้านก็ไม่แน่จะได้ความสุขหรือความทุกข์ เพราะถึงปีใหม่ทีก็ตายเจ็บกันมากมาย
ทำไมเราจะต้องมีเมตตาต่อกันก็เพราะเราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนเกิด เพื่อนแก่ เพื่อนเจ็บ เพื่อนตาย ที่ว่าเป็นเพื่อน พอเกิดไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก ก็ออกมาเท่าเทียมกัน คือล่อนจ้อนเหมือนกัน พอแก่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกเนื้อหนังก็เหี่ยวย่น ฟันฟางหัก กระดูกกระเดี้ยวก็ไม่แข็งแรง พอเจ็บก็ทุกขเวทนาเหมือนกัน และสุดท้ายก็ตายหมดลมเหมือนกันทั่วโลก เราจึงเป็นเพื่อนกัน และจำเป็นที่จะต้องให้ความเมตตาแก่กัน โลกจะสงบสุข
ท่านเทศน์เสร็จก็ออกไปตักบาตรกัน ผมกับครอบครัวก็ร่วมกันตักบาตรกันทั้งครอบครัว ได้พบพูดคุยกับเพื่อนบ้านที่อยู่ห่างกันบ้าง อยู่บ้านติดกันบ้าง ใกล้กันบ้าง แล้วก็หัวเราะกันว่า เออ..อยู่ใกล้กันแท้ๆไม่ค่อยได้คุยกันเพราะต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัว แถมบางบ้านลูกเปิดร้านขายยา แม่เกษียณแล้วแทนที่จะได้พักผ่อนอยู่กับบ้านก็ต้องไปเฝ้าร้านแทน อิอิ ร้านลุกชายบางครั้งคุณแอ๊ดก็ไปเฝ้าร้านแทน ก็เลยไม่ค่อยได้คุยกันเพียงแค่พยักหน้ากัน เว้นแต่บางครั้งใครจะไปไหนหลายวันก็จะบอกเพื่อนบ้านให้ทราบจะได้ช่วยกันดูแลบ้านให้กันและกัน
น้องนิวเล่าว่า เมื่อคืนไปงานเลี้ยงปีใหม่ของโรงแรมที่เขาทำงานอยู่ เห็นลูกพนักงานสองคนนั่งคุยกัน เป็นเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิง ในมือต่างก็ถือลูกโป่ง เด็กผู้ชายถือลูกโป่งสีดำ เด็กหญิงถือลูกโป่งสีแดง เขานั่งดูลูกโป่งกัน เด็กผู้หญิงถามว่าสีอะไร เด็กผู้ชายตอบว่าสีดำ (ด้วยความมั่นใจ) เด็กผู้หญิงว่า ไม่ใช่…นี่สีม่วง คราวนี้เด็กผู้ชาย เสีย self ชักไม่แน่ใจว่าลูกโป่งของตัวสีอะไร ก็เลยถามเด็กผู้หญิงว่ารู้ได้ไงว่าเป็นสีม่วง เด็กผู้หญิงบอกว่า รู้สิ ก็สีม่วงมันออกดำๆ ไง….ก๊าก….
« « Prev : วันพ่อกับหน้าที่ของพ่อ
Next : สวัสดีปีใหม่ให้ อิอิ » »
10 ความคิดเห็น
[...] เนติ์และน้องนิว เลยเอาบุญมาฝากครับ [...]
ขอบคุณครับ ท่านอัยการ ขอให้มีความสุขมากๆ แข็งแรง ทั้งท่านและครอบครับ ตลอดปีตลอดไป
ทำไมเราจะต้องมีเมตตาต่อกันก็เพราะเราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนเกิด เพื่อนแก่ เพื่อนเจ็บ เพื่อนตาย ที่ว่าเป็นเพื่อน พอเกิดไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก ก็ออกมาเท่าเทียมกัน คือล่อนจ้อนเหมือนกัน พอแก่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกเนื้อหนังก็เหี่ยวย่น ฟันฟ่งหัก กระดูกกระเดี้ยวก็ไม่แข็งแรง พอเจ็บก็ทุกขเวทนาเหมือนกัน และสุดท้ายก็ตายหมดลมเหมือนกันทั่วโลก เราจึงเป็นเพื่อนกัน และจำเป็นที่จะต้องให้ความเมตตาแก่กัน โลกจะสงบสุข
ชอบค่ะ ชอบ
ชอบมั่ก ๆ
ขอบคุณค่ะ
อิอิ
สาธุค่ะ อิอิ
สาธุ อนุโมทนาค่า
อนุโมทนาด้วยคนค่ะ
อิ่มบุญครับ
อนุโมทนาด้วยครับ
สวัสดีครับเฮียเหลียง,น้องครูปู,พ่อครูบา,น้องราณี,อุ้ยจั๋นตา,พี่หมอตา,พี่บางทรายและท่ารอกอด
ยินดีที่ได้ร่วมบุญกับทุกท่านครับ