ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์

โดย อัยการชาวเกาะ เมื่อ 24 สิงหาคม 2008 เวลา 10:28 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1233

          อิอิ…เริ่มเช้าวันนี้ไปทานอาหารเช้ากับคุณแอ๊ดและหนูนิว แล้วเอารถมาเช็คสภาพ ๘๐,๐๐๐ กิโล กะว่าประมาณ ๑ ชั่วโมงเสร็จ ไปส่งคุณแอ๊ดกับหนูนิวแล้วเข้ารถเข้าบริษัท โตโยต้าเพิร์ล ภูเก็ต อะอะ…อย่าเพิ่งงง เขามีบริการวันอาทิตย์ด้วยเจ๋งไหมล่ะ แต่พอรับรถเสร็จเขาบอกว่ารายการของผมเป็นรายการเช็คใหญ่ให้มารับรถตอนบ่าย เฮ้ย…แล้วใครจะมารับละ เพราะเจ้าเนติ์ลูกชายไปกับเพื่อนตั้งแต่เช้า เพราะเมื่อสองวันเป็นวันคล้ายวันเกิดเพื่อนมาหาก็เลยพาเพื่อนเที่ยว ไปส่งคุณแอ๊ดกับหนูนิวที่ร้าน ไม่มีรถมารับ ก็เลยบอกเขาว่าไม่มีรถมารับ เขาก็เลยบอกว่าสองชั่วโมงเสร็จ ก็คือเสร็จเที่ยง เสร็จแล้วก็ต้องวิ่งกลับบ้านเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวไปงานพระราชทานเพลิงศพคุณแม่เพื่อนที่ภูเก็ต เมื่อวานก็ไปงานศพคุณแม่เพื่อนที่พังงา ชีพจรลงเท้าจริงๆ

          ดีที่บริษัทฯมีคอมพิวเตอร์ให้ลูกค้าตรวจสอบข้อมูล อิอิ ผมมายึดเป็นคนแรก กว่าจะเสร็จสองชั่วโมง ขอโทษ..จะมีใครได้ใช้ไหมเนี่ย..อิอิ กะว่าจะค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับมลภาวะในระยองไว้ทำรายงานสักหน่อย ผมรายงานผลการไปดูงานในลานสันติสุขหลายตอนแล้วนะครับ เครียดบ้างสนุกบ้างสลับกันไป เป็นงานกึ่งวิชาการ กึ่งเหน็บแนม กึ่งเฮฮา กึ่งบ้าบอ..อิอิ ลองเข้าไปอ่านดูก็แล้วกัน จะได้ความรู้ทั้งทฤษฎีและความจริงที่ปรากฏในสังคมไทยครับ

          การที่เอารถมาตรวจสภาพคราวนี้ ได้ข้อคิดเหมือนกันว่า เราใช้รถสมบุกสมบัน พอถึงระยะเวลาที่เขากำหนดทุก ๑๐,๐๐๐ ก.ม. เราก็จะเอารถไปตรวจสภาพตามที่เขาสั่ง แต่ร่างกายเรา เราใช้สมบุกสมบันไม่บันยะบันยัง แถมมีคนบอกให้ไปตรวจสภาพทุกปี ก็ไม่ค่อยอยากตรวจกลัวเจอโรค อิอิ ถ้าภาคราชการก็จะมีการบังคับให้ไปตรวจ แต่ก็มีข้าราชการเบี้ยวไม่น้อยเพราะกลัวเข็มเจาะเลือด แล้วก็เลยไม่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคอะไรบ้าง บางทีก็น้อคไปเฉยๆ

          แต่การตรวจร่างกายประจำปีก็หาได้หมายความว่าจะปลอดภัยเสียทีเดียว เพราะถ้าตรวจตามระบบราชการก็จะตรวจปัสสาวะ เลือด ความดัน น้ำหนัก หาค่าไม่กี่ตัวดูเบาหวาน ความดัน เอกซ์เรย์ปอด คอเรสเตอรอล ไตรกลีเซอร์ไรด์ แต่อย่างอื่นไม่ค่อยได้ตรวจ ถ้าจะให้ดีก็ขอตรวจชุดใหญ่ไปเลย เอาให้รู้ดำรู้แดงไปเลย ผมคงไปตรวจสภาพอีกทีก็ประมาณตุลาคมโน่น ตอนนี้ยังคุมเบาหวานและความดันอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ แต่ไม่ดีเท่าที่อยากให้เป็นคือประมาณ ๙๐ เพราะตอนนี้มันผลุบโผล่ๆอยู่ที่ประมาณ ๑๐๓-๑๑๕ สาเหตุรู้ทั้งรู้คือไม่ได้ออกกำลังมานานประมาณ ๓ เดือน เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาเลยชวนคุณแอ๊ดไปเดินออกกำลังเสียวันละประมาณครึ่งชั่วโมงพอให้เหงื่อซึมๆ

          มานั่งนึกอยู่เหมือนกันว่าวิถีชีวิตเราในแต่ละวันเราใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อย่างไรบ้าง เช้าขึ้นมาดูข่าว อาบน้ำแต่งตัว ไปทานอาหารเช้า ไปทำงาน ถ้าสำนวนน้อยทำเสร็จแล้วก็มักอ่านหนังสือพิมพ์ เขียนบันทึกในสิ่งที่ไปเรียนรู้มาจากสถาบันพรปกเกล้า ซึ่งตอนนี้ใช้เวลาเขียนบันทึกมากพอสมควร เที่ยงไปทานข้าวกับคุณแอ๊ด แล้วงีบสัก ๑๕ นาที (มีบางวันที่เผลอมันไปบ้างถึง ๔๕ นาที อิอิ) กลับไปที่ทำงานตรวจงาน ถ้าไม่มีก็อ่านหนังสือพิมพ์ เลิกงานกลับบ้านแทนที่ควรจะไปออกกำลัง สระว่ายน้ำมันอยู่ใกล้ที่ทำงาน ลืมเอากางเกงว่ายน้ำไปก็ต้องกลับบ้าน ซึ่งอยู่ไกลออกไป กว่าจะถึงบ้านและออกจากบ้านกว่าจะถึงสระ โอ๊ย..ดูเคเบิ้ลทีวี ดีกว่า บางวันก็งดอาหารเย็นเพราะไม่ได้ออกกำลัง แต่ตอนนี้ก็เลยชวนคุณแอ๊ดไปเดินออกกำลังที่สะพานหินกัน

          กลับมาถึงบ้าน ก็เล่นอินเทอร์เน็ต แซวคนโน้นคนนี้บ้าง โพสต์ข้อความเข้าบันทึกบ้าง เขียนบทความบ้าง อ่านหนังสือบ้าง สักประมาณ ๒ ชั่วโมง ดูรายการทีวี แล้วนอน ไม่ค่อยได้แชทเท่าไหร่ เพราะผมชอบทำหลายอย่างในขณะเดียวกัน พอแชทแล้วทำอย่างอื่นไม่สะดวก เช่น เขียนบทความมันจะสะดุด ก็มักจะไม่เปิดเอ็ม…

          เข้าห้องน้ำก็จะมีหนังสือไว้ในห้องน้ำ แต่คุณแอ๊ดไม่ชอบเพราะกลัวว่าอ่านแล้วติดลมไม่ค่อยลุกจากโถ จะทำให้เป็น RID C DOUNG เอิ้กๆ พยายามจะใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด แต่รู้ไหม คนเราถ้าทำอะไรที่มันเป็นสาระมากมันจะเครียด อย่าทำให้ตัวเองเครียด หามุขขำๆมาเล่นมั่ง หาอะไรที่ผ่อนคลายมาอ่านมั่ง วันๆอย่ามัวแต่จ้องจับผิดว่าใครไปลอกงานใครมามั่ง ทำจิตใจให้สบาย บางทีเพื่อนถามว่าเมื่อเช้าดูข่าวนั่นนี่หรือเปล่า ผมบอกว่าเปล่าเพราะข่าวทุกวันนี้มีแต่ข่าวเครียดๆ ตื่นขึ้นมีการระเบิดที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทหารตายไปเท่านั้นศพ ชาวบ้านถูกยิง ครูถูกยิงขณะไปโรงเรียน ดูแล้วเครียดตั้งแต่เช้าเลย ดูจากข่าวในมือถือก็พอแล้ว ผมก็เลยดูรายการคันปาก เรื่องดารามีสาระบ้างไร้สาระบ้าง แต่ทำให้เช้าวันนั้นมันไม่เครียด มันเป็นการใช้เวลาว่างช่วงเช้าเป็นประโยชน์กับร่างกายตัวเอง เพราะถ้าเครียดทุกเช้าไม่รู้มะเร็งจะถามหาหรือเปล่า..อิอิ

          ช่วงนี้บางทีเสาร์อาทิตย์เขาเชิญไปบรรยายให้เด็กฟัง ให้ครูฟัง ให้ชาวบ้านฟัง ผมมักจะไม่ปฏิเสธ แม้บางครั้งจะเดินทางขับรถไปเองและไม่มีค่าตอบแทนวิทยากร แต่การให้ธรรมเป็นทานเป็นสิ่งที่ควรทำ ผมไม่ค่อยบริจาคเงินทำบุญสักเท่าไหร่เพราะไม่มีเงินมากพอที่จะให้ทานคนอื่น แค่ให้ตัวเองมีทานก็พอกระเหม็ดกระแหม่ เพราะตัดสินใจลงทุนกับบ้านที่อยู่อาศัยหลายตังค์แล้วยังผ่อนไม่หมด คงต้องใช้เวลาอีก ๘ ปีถึงจะหมดหนี้สิน  ดังนั้นการเอาปากไปเป็นอาวุธในการช่วยให้ผู้ฟังได้รับความรู้ ได้มีความคิดดีๆ มีความคิดในทางบวกที่จะอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขก็เป็นเรื่องที่พอใจแล้ว

          ผมใช้ชีวิตของผมอย่างนี้ แล้วคุณล่ะ ใช้เวลาว่างทำประโยชน์อะไรให้กับตัวเองและคนอื่นบ้าง ไม่เล่าสู่กันฟังมั่งหรือครับ

Post to Twitter Post to Facebook

« « Prev : เขาเชิญไปบรรยาย

Next : ปัญหาของผมที่ไม่มีบทความใหม่ อิอิ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

11 ความคิดเห็น

  • #1 ครูสุ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 สิงหาคม 2008 เวลา 11:11

    เดือนก่อน ครูสุเอารถไปเช็คครบระยะที่ศูนย์ฮอนด้า เขามีบริการคอมพิวเตอร์ให้ลูกค้าเล่นอินเทอร์เนตเหมือนกันเลย ไปตั้งแต่บ่ายสอง พอเช็ครถเสร็จ เขามาตามไปรับรถสามรอบ ไม่ยอมลุก จนครั้งสุดท้ายเขามาบอก พี่ครับศูนย์จะปิดแล้วครับ อิอิ เพลินเลย ..ชอบจังมีเนตให้เล่น

    วันหยุดของครูสุไม่ค่อยไปไหน ท่องเน็ตแล้วก็ทำงานบ้านเป็นส่วนใหญ่ ท่านอัยการลองถามพี่แอ๊ดดูซิคะ ว่างานบ้านน่ะ ทำไม่รู้จักเสร็จซักที อิอิ

    ชอบใจตรงนี้ ….. คนเราถ้าทำอะไรที่มันเป็นสาระมากมันจะเครียด อย่าทำให้ตัวเองเครียด หามุขขำๆมาเล่นมั่ง หาอะไรที่ผ่อนคลายมาอ่านมั่ง วันๆอย่ามัวแต่จ้องจับผิดว่าใครไปลอกวานใครมามั่ง…..

    อ่านบันทึกนี้แล้ว คิดถึงพี่แอ๊ดจังเลย ฝากความคิดถึงด้วยค่ะ

  • #2 จอมป่วน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 สิงหาคม 2008 เวลา 11:37

    #1 ครูสุ  ตามหาตั้งนาน  มานั่งเล่นอยู่ที่ลานบนเกาะนี่เอง  จะชวนไปกินกาแฟ  ร้านที่มีเน็ตให้เล่นฟรีน่ะ  5555555

    แป๊บเดียวเอง  เอาแค่ร้านปิด  อิอิ

  • #3 nongji ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 สิงหาคม 2008 เวลา 17:02

    สวัสดีเจ้าค่ะ ลุงอัยการ
            อิอิ แวะมาป่วน อิอิ

  • #4 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 สิงหาคม 2008 เวลา 20:49

    หวัดดีครับครูสุ
    พี่แอ๊ดฝากความคิดถึงมาด้วยครับ
    อิอิ ผมไม่ได้ว่าใครนะ…

  • #5 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 สิงหาคม 2008 เวลา 20:51

    อิอิ จอมป่วน วันนี้ไปนั่งรอรถอยู่ เห็นเครื่องว่างก็เลยไปพิมพ์เล่น พอโพสต์ข้อความเสร็จมีเจ้าตัวเล็ก ๖-๗ ขวบถามว่าลุงเล่นเสร็จหรือยัง ถามว่าลูกอยากเล่นเหรอ เขาตอบค่ะ พอลุกให้เท่านั้นพวกเล่นซะชั่วโมงครึ่ง เขาเรียกผมรับรถพอดีเลยไม่ได้ทำอะไรต่อ อิอิ

  • #6 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 สิงหาคม 2008 เวลา 20:51

    อิอิ เป็นลูกศิษย์จอมป่วนตั้งแต่เมื่อไหร่ละนี่..

  • #7 poonswat ให้ความคิดเห็นเมื่อ 5 กันยายน 2008 เวลา 21:22

    เมื่อวันที่ 25-27 สค. 51 ผมไปนอนที่ รพ ป่าตอง 2 คืน เข้าคอสอบรมเรื่อง อาหารสุขภาพตามแนวแมคโครไบโอติก ก็นึกอยู่ว่าจะโทรมาชวนท่านอัยการ ไปนอนเป็นเพื่อนด้วย แต่ก็เกรงว่า ท่านอาจจะไม่ว่าง วันที่ 28 สค. ก็มีการบรรยายอีกที่ รร.เมอร์ลิน และ 29 ก็บรรยายแถวกะตะหรือกะรน พอตอนเย็น วิทยากรก็กลับ แต่ต้องปีนรั้วสนามบิน จึงจะไปขึ้นเครื่องได้

    หุ่นแบบท่านอัยการ หากได้ไปฟัง แล้วนำมาปฏิบัติ ผมว่าทั้งเบาหวาน ไขมัน น่าจะหมด
    อีกสามเดือน เขาจะจัดอีกครับ ตอนนั้นจะไม่ให้พลาด จะเชิญท่านอัยการเข้าร่วมด้วยครับ
  • #8 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 6 กันยายน 2008 เวลา 12:14

    สวัสดีครับลุงพูน
    ฮ่าๆ ชวนผมนอนเป็นเพื่อนกลัวลุงพูนจะไม่ได้นอนเพราะทนเสียงกรนผมไม่ไหวนะสิ ฮ่าๆ
    ๒๙ ส.ค.ผมไปหาดใหญ่ แล้วเลยไปปัตตานี กลับมายะลา และมานอนหาดใหญ่บรรยายที่มอ. กลับคืนวันที่ ๑ ก.ย.ครับ
    รู้ทั้งรู้แหละครับว่าอะไรกินได้อะไรไม่ควรกิน แต่พอได้จิ้มเข้าปากแล้วลืมตัวทุกที ฮ่าๆๆ
    ขอบคุณลุงพูนที่เป็นห่วงครับ

  • #9 poonswat ให้ความคิดเห็นเมื่อ 10 กันยายน 2008 เวลา 20:39

    เล่านิทานให้ฟังสักเรื่องครับ

    ปกติผมนอนกรน ลูกๆพอได้ยินเสียงกรนก็รู้ว่าผมหลับ มีอยู่ช่วงหนึ่ง ลูกถามว่าพ่อนอนไม่ค่อยหลับหรือ ผมก็บอกว่า หลับทุกคืน ลูกบอกว่าไม่ได้ยินเสียงกรน ผมจึงรู้ว่า ตอนนี้ผมนอนไม่กรนแล้ว 
    ก่อนหน้านี้ผมเคยกินยาเกี่ยวกับไทรอยด์ หลังจากอ่านหนังสือ เวลาชีวิต พบว่า ส่วนผสมหนึ่ง สามารถแก้ปัญหาไทยรอยด์ได้ ผมก็เอามาทำกิน ค่า TSH ก็ลดลง จนเหลือปกติ ผมจึงรอดพ้นจากไทรอยด์ และหายกรน หากท่านอัยการ ต้องการสูตรส่วนผสมนั้น ผมจะบอกให้ ใครๆก็ทำกินได้ อร่อยดี 
    1. รากกระชายปั่น
    2. น้ำมะนาว
    3. น้ำผึ้ง (แต่ผมใช้ แคชชิววี่ ของภูเก็ต) เพราะอร่อยดี
    สามอย่างนี้ ผสมกันให้มีรสอ่อนหวาน อมเปรี้ยว เก็บใส่ตู้เย็นไว้ กินได้ทั้งวัน ครับ ตอนนี้ผมเลิกพึ่ง PTU มากินน้ำกระชายแทนครับ
    เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ผมเข้าฟังการบรรยายเรื่องมะพร้าว น้ำมะพร้าว น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ และสบู่จากน้ำมันมะพร้าว จังหวัดภูเก็ตเป็นแหล่งที่ใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มากในกิจการ Spa ได้ความรู้มากมายครับ ว่างๆจะมาเขียนเล่าให้ฟังเกี่ยวกับการทำน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ หากท่านอัยการได้กินทุกๆวัน วันละ 2 ครั้ง รับรองว่าน้ำหนักจะลดลงครับ
  • #10 suwanna ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 กันยายน 2008 เวลา 13:40

    คิดถึงพี่แอ็ด พี่อัยการ ลุงพูน คิดถึง เฮฮาศาสตร์ ทุกคนมากที่ค่ะ สบู่ลุงพูนใช้ดีจริงๆๆคะ ไม่ตึงที่ผิวเลยคะใช้น้อยๆๆ ไม่อยากให้หมดเร็ว   สูตรกรน จะทำให้สามีทานมั่งคะ กรน จนต้องแยกห้องแล้ว แถม ได้ยินไปถถึง ชั้น 2 อีกต่างหาก  5555555 อยากอ่านนำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ ให้สามีทานด้วย จะร้อยกิโลแล้วเจ้าค่ะ ลูกสาวบอกพุงโต กักขฬะ ไม่โกรธลูกสาวด้วยนะ คนนี้เค้ารักมากกกกกกกกกกก  ไล่ไปลดพุงทุกวัน แม่ ก้าก อิอิอิ

  • #11 Tomader ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 เมษายน 2014 เวลา 3:53

    That’s 2 clever by half and 2×2 clever 4 me. Thkasn!


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.71528792381287 sec
Sidebar: 0.259192943573 sec