365วันx30ปีแห่งรักของเรา

อ่าน: 8510

ตื่นมานำบันทึกมาให้อ่านตั้งแต่เช้ามืด เพราะเตรียมไปตั้งโรงทานที่งานทอดกฐินที่วัดพระธาตุคีรีเขต อ.ตะกั่วป่า ต้องขับรถไปกลับประมาณ ๒๖๖ กิโลเมตร ครับ และมาเฉลยว่าเขียนเรื่องนี้ทำไมไหนบอกว่ารำคาญนางเอก เพราะแท้จริงแล้วตั้งใจเขียนเรื่องศิลปะการครองชีวิตคู่ เพราะผมกับคุณแอ๊ดแต่งงานอยู่กินกันมาครบ ๓๐ ปีในวันนี้แหละครับ อิอิ

มาดูข้อกฎหมายกันต่อนะครับ

เมื่อแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว กฎหมายกำหนดให้ “พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไปในเคหสถานหรือสถานที่เกิดเหตุเพื่อสอบถามผู้กระทำความรุนแรง ผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวหรือบุคคลอื่นที่อยู่ในสถานที่นั้นเกี่ยวกับการกระทำที่ได้รับแจ้ง รวมทั้งให้มีอำนาจจัดให้ผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวเข้ารับการตรวจรักษาจากแพทย์และขอรับคำปรึกษาแนะนำจากจิตแพทย์ นักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ ในกรณีผู้ถูกกระทำฯประสงค์จะดำเนินคดี ให้จัดให้ผู้นั้นร้องทุกข์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แต่ถ้าผู้นั้นไม่อยู่ในวิสัยหรือมีโอกาสที่จะร้องทุกข์ได้ด้วยตนเองให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้ร้องทุกข์แทนได้”

เหตุที่กฎหมายกำหนดเช่นนี้ ผมเห็นว่าเป็นเพราะพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งรวมทั้งปลัดอำเภอหรือนายตำรวจไม่มีอำนาจบุกเข้าไปตรวจค้นบ้านใครได้โดยพลการ เว้นแต่ศาลจะออกหมายค้นให้ กว่าจะไปขอหมาย กว่าจะได้รับหมายค้นจากศาล ผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงอาจจะโดนกระทำอาการหนักแล้วก็ได้ ดังนั้นกฎหมายฉบับนี้จึงเขียนไว้เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน และเข้าไปเพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น และถ้าผู้ถูกกระทำได้รับบาดเจ็บจะได้จัดการให้ได้รับการรักษาทันที และหากมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องถูกกระทำอยู่บ่อยๆ อาจจำเป็นต้องได้รับการปรึกษาจากผู้มีความรู้ทางด้านจิตวิทยา หรือจิตแพทย์ หรือนักสังคมสงเคราะห์เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ถูกกระทำ และหากโดนจนน่วมเข้าโรงพยาบาลแจ้งเองไม่ได้ก็ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งความร้องทุกข์แทน เห็นไหมครับกฎหมายฉบับนี้ออกมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาการกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น

แต่อย่างไรก็ตามครับ กฎหมายฉบับนี้ก็ยังเห็นเรื่องของครอบครัวเป็นเป็นสถาบันที่ต้องประคับประคองให้ถึงที่สุด เพราะเมื่อมีการแจ้งความร้องทุกข์แล้วกฎหมายห้ามมิให้ผู้ใดลงพิมพ์โฆษณาหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนด้วยวิธีใดๆ ซึ่งภาพ เรื่องราว หรือข้อมูลใดๆอันน่าจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัวหรือผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวในคดีตามพระราชบัญญัตินี้ สังเกตเห็นไหมครับห้ามลงข่าวทำให้ผู้กระทำหรือผู้ถูกกระทำน่าจะเกิดความเสียหาย มันไม่สะใจขาเชียร์ทั้งหลายที่น่าจะเอาชื่อเอาภาพคนทุบเมียมาประจานใช่ไหม อิอิ ทำไม่ได้ครับเพราะผลกระทบจะไปเกิดกับครอบครัวเขาไม่ใช่เกิดจากผู้กระทำคนเดียวซะเมื่อไหร่ ลูกหลานเขาก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย จึงต้องห้ามครับ
เรากลับมาที่เรื่องครอบครัวกันต่อครับ

การอยู่ร่วมกันกับคนที่ไม่ใช่ญาติพี่น้อง ในเบื้องต้นอาจมีปัญหาอยู่บ้านกับความไม่คุ้นชิน สิ่งที่คู่สมรสมองอีกฝ่ายหนึ่งว่าดีเลิศประเสริฐศรีอาจจะมองเห็นข้อไม่ดีของอีกฝ่ายหรือรับไม่ได้กับพฤติกรรมของอีกฝ่ายหนึ่งเมื่อมาอยู่ด้วยกัน เช่นสามีปัสสาวะแล้วไม่ค่อยกดชักโครก ภรรยาตากชุดชั้นในไว้ในห้องน้ำ สามีชอบเปิดไฟทิ้งไว้ บางทีปิดก๊อกน้ำไม่สนิท สิ่งเหล่านี้คนทั่วไปมองเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงค่อยปรับเปลี่ยนกันไป พูดกันดีๆ และหากมันเป็นสันดานก็อาจจะต้องยอมรับมันให้ได้ เพราะเราจะให้คนอื่นปรับเข้าหาเราทุกอย่างมันไม่ได้ เราเป็นฝ่ายที่มีส่วนรับผิดชอบปรับเข้าหาเขาด้วยเช่นกัน

เคยเล่าให้ฟังว่า ก่อนถึงวันครบรอบแต่งงานคุณแอ๊ดจะเอาผ้าปูที่นอนผืนที่เราปูวันแต่งงานมาปูทุกปี ปีละครั้ง ดังนั้นผ้าปูที่นอนของเราจึงยังคงใหม่เหมือนเดิม เหมือนชีวิตรักที่ยังเหมือนเราแต่งงานใหม่ๆ ในทุกปีผมก็จะมีของขวัญให้คุณแอ๊ด อาจเป็นของประดับ เสื้อผ้า หรืออาจเป็นคำกลอนหวานๆพูดถึงชีวิตรักที่ผ่านมา เอาภาพเก่าๆที่เราถ่ายคู่กันมาตั้งแต่ก่อนแต่งงานและหลังแต่งงาน มาทำสไลด์ดูกันสองคน (ตอนนี้เราถ่ายภาพคู่กันในวันครบรอบแต่งงานทุกปีเพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลง) เราไปทานข้าวนอกบ้านกับลูกๆถือเป็นวันพิเศษของครอบครัว เป็นเทคนิคเล็กๆน้อยของครอบครัวเรา

เขียนเรื่องนี้ไม่ใช่อะไรหรอกเพราะวันที่ ๒๐ พ.ย.นี้ ผมกับคุณแอ๊ดแต่งงานกันมาครบ ๓๐ ปี โดยไม่มีเรื่องทะเลาะโต้เถียงหรือใช้ความรุนแรงกันเลย ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องขุนเคืองใจกันเลยเพราะเราไม่ใช่พระอรหันต์ แต่เรารู้จักยอมกันต่างหาก ต่างคนต่างรู้จักยอมในจังหวะเวลาที่เหมาะสม มีปัญหาขุ่นเคืองใจก็เงียบเสีย ไม่ต่อปากต่อคำ สงบสติอารมณ์ มองแต่เรื่องดีของอีกฝ่ายหนึ่ง ปัญหาก็จะไม่เกิดลุกลาม และเราใช้ภาษากายให้อภัยกัน ลองสังเกตดูไหมครับคนเราเวลาทะเลาะกัน เราจะไม่มองข้อดีของอีกฝ่ายหนึ่งแต่เราจะมองข้อเสียหรือข้อไม่ดีหรือเรียกว่าข้อเลวในสายตาของเรา ถ้าเป็นแบบนี้ชีวิตสมรส หรือชีวิตการทำงานอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นก็จะไม่มีความสุข เมื่อไหร่ที่เรามีอารมณ์ขุ่นเคืองกับผู้อื่นไม่ว่าคู่สมรสหรือเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนบ้าน ลองหาข้อดีเขาขึ้นมาก่อน พูดง่ายครับแต่ทำยาก ฮ่าๆ เพราะพอคิดหาเรื่องดีของเขาในขณะที่เราขุ่นเคืองเราจะหาไม่เจอ ประมวลความเร็วร้ายจะผุดขึ้นมาเหมือนคอมพิวเตอร์ประมวลผลรวมข้อเสียขึ้นมาทันที แฮ่….

คุณแอ๊ดเขาทำหน้าที่ภรรยาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำอาหารอร่อย มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย จัดการบ้านช่องสะอาดสะอ้าน ดูแลเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของเราอย่างดี ลาออกจากงานเพื่อมาเลี้ยงลูก จนจบการศึกษาทำงานทำการเป็นหลักแหล่ง และกำลังจะเป็นปู่เป็นย่าอีกไม่นาน และเราก็ภูมิใจที่เลือกภรรยาได้ดี ทำให้ชีวิตครอบครัวเรามีความสุข มีพลังในการทำงานเพราะการคิดทำสิ่งดีๆให้แก่กัน มันจึงเป็น ๓๖๕ วัน คูณ ๓๐ ปี แห่งรักของเราที่ใครๆก็อยากเป็นแบบเรา ชิมิ…ชิมิ…

ถึงเวลาปูผ้าปูที่นอนผืนเดิมที่ใช้มา ๓๐ ปีอีกแล้วครับ.

Post to Twitter Post to Facebook

« « Prev : 365×30วันแห่งรัก(๓)

Next : ป๋า…ผู้ชายต้นแบบ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

1831 ความคิดเห็น