อวตาร

อ่าน: 2126

เคยรู้สึกบ้างไหมครับว่าถ้าให้เขียนบทความอะไรสักอย่าง แต่เราไม่มีอารมณ์อยากเขียน มันก็เขียนยากเอาการอยู่นะ บางทีเขียนอยู่ดีๆเขียนได้ทุกวัน พอถึงจุดที่มันจะแป๊กมันก็แป๊กเอาเฉยๆเหมือนกัน ตัวผมเองก็เช่นกัน เขาให้เขียนบทความเกี่ยวกับโรงเรียนสตรีภูเก็ต มีเวลาให้เกือบเดือนเขียนไม่ออก ไม่รู้จะเขียนอะไร พอถึงวันจะเอาต้นฉบับมันก็ลื่นปรู๊ดปร๊าด แป๊บเดียวเสร็จ แถมคนอ่านยังบอกว่าอ่านแล้วรู้สึก..มองเห็นภาพ

มาตอนนี้ หลังจากงานแต่งงานลูกชาย มันอ่อนเปลี้ยเพลียแรง แถมไข้หวัดอีกต่างหาก งานก็สุมหัว ผู้ตรวจก็จะมาตรวจราชการ ผู้บริหารโรงเรียนไม่อยู่เพราะต้องไปประชุมก็ขอร้องให้ผมไปรับรองแขกในตอนเช้า แถมต้องประชุม อ.ก.ค.ศ.ในตอนบ่าย เท่ากับว่างานในหน้าที่ตัวเองไม่ได้ทำ แฮ่….(ทำเสร็จไปก่อนแล้ว อิอิ) นึกจะเขียนบทความก็ไม่ได้เขียน เพราะไม่รู้จะเขียนอะไร จะเอาละครมาเขียนก็เบื่อละคร เมื่อวานลูกสาวชวนไปดูหนังอวตาร เข้าท่าดี….

เป็นหนังที่ทำเอฟเฟกซ์ได้สุดยอด แม้หนังจะค่อนข้างเว่อร์ไปสักนิดกับการทำลายล้าง แต่สิ่งที่ชอบมากที่สุดสำหรับหนังเรื่องนี้ก็คือ การให้มนุษย์กับสัตว์หรือพืชพันธุ์ต้องเชื่อมสัมพันธ์เข้าหากันผ่านผมเปีย พระเอกหรือนางเอกจะขี่ม้า (หรือเรียกอะไรไม่รู้แฮะ…ตัวเหมือนม้าแต่ปากแหลมๆคล้ายตัวกินมด อิอิ…)ก็ต้องเอาผมเปียเชื่อมกับอวัยวะของม้า อิอิ อย่าคิดลึกมันอยู่แถวหัวของม้า จากนั้นมันจะผสานความรู้สึกเข้าด้วยกัน แล้วผู้ขี่ก็จะควบคุมมันได้ ความจริงแล้วมันก็เหมือนกับที่คนเก่าคนแก่เราสอนให้เราใช้ใจผูกสัมพันธ์กับทุกสิ่งนั่นแหละ พอจะจับนกมาขี่ก็เหมือนกันพอจับตัวมันได้ก็ต้องเชื่อมผมเปียเข้าที่อวัยวะของนก แล้วจากนั้นก็ควบคุมมัน แม้แต่ต้นไม้ก็เช่นกันเมื่อเอาผมเปียไปพันก็จะได้ยินเสียงสรรพสิ่ง หนังยังพูดถึงต้นไม้ต้นใหญ่มหึมาที่มีการเชื่อมเข้าหากันของต้นไม้ต่างๆในป่า ทำให้นึกถึงสรรพสิ่งล้วนพันเกี่ยว สิ่งหนึ่งมีได้เพราะอาศัยสิ่งหนึ่ง ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันมันจึงอยู่ด้วยกันได้

ดูหนังเรื่องนี้แล้วทำให้นึกถึงมนุษย์ผู้มี่ได้ชื่อว่ามีใจสูง แต่มนุษย์นี่แหละที่อยากได้ อยากมี อยากเป็น มีแต่กิเลส หนังเรื่องนี้ก็ชี้ให้เห็นว่ามนุษย์อยากได้แร่อะไรสักอย่างที่อยู่บนดาวแพนดอร่า มีราคาถึงกิโลละ ๒๐ ล้านดอลล่าร์ เมื่ออยากได้แม้จะไปรุกรานผู้อื่น แม้จะต้องฆ่าเขาก็จะทำเพื่อได้ในสิ่งที่ตนต้องการ ใช้เครื่องมืออาวุธหนักทำลายล้าง ทั้งๆที่อีกฝ่ายหนึ่งมีอาวุธธรรมดามีด ธนู ใครดูแล้วรู้สึกอย่างไรผมไม่รู้ แต่ผมรู้สึกเหมือนกับว่า เอ..มันเหมือนอเมริกันบุกอิรักอ้างว่าจะต้องทำลายล้างซัดดัมฮุสเซนซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวอิรัก และอิรักมีอาวุธนิวเคลียร์ แต่เจตนาที่แท้จริงจะเข้าไปครอบครองแหล่งน้ำมันแถมที่ว่ามีนิวเคลียร์ก็มาแถลงอ่อยๆว่าการข่าวผิดพลาด หรือมันเหมือนกับนายทุนเข้าไปไถที่ป่าล้มหายไปแล้วปลูกปาล์มน้ำมันขึ้นมาแทนที่ หรือเข้าไปบุกรุกที่ชายหาดแล้วสร้างโรงแรม แถมชาวบ้านแถวนั้นเคยไปเดินเล่นแถวชายหาดก็เข้าไปเดินเล่นไม่ได้อีกแล้ว ใครจะเดือดร้อนอย่างไรก็ช่างเพราะที่ตรงนี้เป็นของข้าฯ หรือข้าฯไม่มีที่อยู่ ข้าฯจะจ้างลิ่วล้อให้สร้างความปั่นป่วน จะอาวุธหนักอาวุธเบาก็ป่วนมันไว้ก่อน ให้มันอยู่อย่างไม่สงบสุข อย่างไรก็ได้ข้าฯไม่มีความสุขเอ็งก็ไม่ต้องอยู่สุข เอ..นี่มันหนังเรื่องไหน หรือเรื่องนี้เกิดบนดาวแพนดอร่าหรือมันดาวไหนกันแน่..อิอิ

สิ่งที่เห็นในหนังเรื่องนี้ คือความสามัคคี การร่วมกันต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมเพื่อแผ่นดินของตัว โดยไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายแบ่งสี จะมีกี่ก๊กกี่เหล่าเขาก็มาร่วมกันสู้ แต่เราไปบอกให้ต่างชาติมาร่วมถล่มประเทศชาติตัวเอง เอาอะไรคิดกันหนอ….

ผมสงสัยว่าอเมริกันเขาก็แบ่งข้างกันนะ ระหว่างเดโมแครตกับรีพับบลิกัน ใครชนะก็บริหารประเทศไป ครบวาระว่ากันใหม่ทำไม่ดีก็แพ้ ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันไป แต่ก็ไม่เห็นเขาคิดในทางทำลายประเทศชาติตัวเองนี่นา… หันมาดูของเราฝ่ายหนึ่งแพ้เพราะถูกปฏิวัติ ทำให้รับไม่ได้ เอาละ เลือกตั้งใหม่…ได้เสียงข้างมาก ได้เป็นรัฐบาล แต่ก็อยู่ไม่ได้ พรรคร่วมรัฐบาลเลือกข้างใหม่ มันไม่เป็นประชาธิปไตยตรงไหน แสดงให้ประชาชนเห็นสิครับว่ารัฐบาลผิดพลาดตรงไหน ทุจริตคอรัปชั่นก็ฟาดกันให้หนักๆ แต่ไม่ใช่ยุให้คนป่วนประเทศ หรือสะใจกับการถล่มผู้ไม่เห็นด้วยด้วยเอ็ม ๗๙

ผมยอมรับความจริงนะว่าบางสิ่งบางอย่างรัฐทำไม่ถูก หรือองค์กรอิสระทำอะไรแปร่งๆ ผมยอมรับว่าบางอย่างเหลืองทำไม่ถูก ผมก็ยอมรับว่าบางครั้งแดงเขาก็ทำถูก แต่ก็ต้องยอมรับเหมือนกันว่าบางเรื่องก็ทำไม่ถูก ไม่มีใครทำถูกทุกเรื่อง ผมว่าถ้าเราถอยออกมาก้าวหนึ่งแล้วทำจิตให้นิ่ง แล้วพิเคราะห์ด้วยเหตุด้วยผลมิใช่ด้วยอารมณ์คล้อยตามกันนะ เราจะเข้าใจเรื่องราวได้ดีขึ้น เพียงแต่อยากจะทำอย่างนี้ไหม

ประเทศชาติเราจะล่มจมจากเรื่องเล็กๆที่คนหนึ่งไปแกล้งคนหนึ่ง เขารับไม่ได้เขาสู้กลับมั่งด้วยวิธีการที่ชาญฉลาดจนตัวเองพ่ายมั่ง คราวนี้ก็ลามกันไปออกจากเรื่องส่วนตัวของคนสองคนสามคนกลายเป็นเรื่องของกลุ่มสี จนแทบจะอยู่กันอย่างสงบไม่ได้ เพราะคนที่คิดว่าตัวเองฉลาดมีเงินไว้ฟาดหัวใครก็ได้นึกไม่ถึงว่าตัวจะพ่ายแพ้ได้ขนาดนี้ ไปดูหนังเรื่องนี้แล้วคิดแบบในหนังเถอะครับว่าประเทศชาติเราจะอยู่รอดได้ก็เพราะความสามัคคีของทุกกลุ่มทุกเหล่า ต้องร่วมมือกันสู้กับวิกฤติเศรษฐกิจ ร่วมกันสร้างคุณธรรมจริยธรรม ร่วมกันสร้างความเป็นธรรมให้เป็นจริง

ผมดูหนังแล้วก็ฟุ้งซ่านอย่างนี้แหละ และคิดไปไกลถึงว่าถ้าประเทศชาติอยู่กันแบบนี้อยู่กันด้วยความหวาดระแวง ผมอยากจะอวตารไปอยู่ดาวแพนดอร่าจะได้อยู่กับต้นไม้ใบหญ้า อยู่กับธรรมชาติ ไปด้วยกันไหม อิอิ

Post to Twitter Post to Facebook

« « Prev : ไม้เรียวครู

Next : เคล็ดลับ..กระชากวัย » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

8 ความคิดเห็น

  • #1 จอมป่วน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 มกราคม 2010 เวลา 18:35

    แหมๆๆๆ ใช้คำว่าป่วนจนเสียหายภาพพจน์จอมป่วนหมดเลยนะครับ อิอิ

    ไม่ต้องหนีไปไหนหรอดครับ แพนดอร่ามันอยู่ที่ใจ อิอิ

  • #2 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 มกราคม 2010 เวลา 18:45

    ผมคิดว่าที่มันวุ่นวายมากนั้น เป็นเพราะมีการผูกขาดความถูกต้องเอาไว้กับตัวเอง โดยยัดเยียดความไม่ชอบธรรมให้กับอีกฝ่ายหนึ่งครับ พวกนี้ควรอวตารซะทีนะครับ

    ผมไม่เคยไปร่วมในการชุมนุมประท้วงที่จะต้องตะโกนสนับสนุนอย่างเดียวเลย แต่ยังอยากได้ความจริง (ต่างกับข้อเท็จจริงซึ่งตีความแล้ว) ที่เหลือผมตัดสินเองได้ ไม่ต้องช่วยมาจูงจมูก ใช้ถ้อยคำหยาบคายเหยียดหยาม เพ้อเจ้อคิดเอาเอง ปรุงรสด้วยอารมณ์

    การเมืองอเมริกันยังเป็นการเมืองอยู่ดีครับ (ไม่ได้หมายความว่าสะอาด) แต่นักการเมืองยังตั้งประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง(บ้าง) พรรคเป็นเรื่องรอง และกฏหมายเป็นกฏหมาย ในขณะที่เมืองไทยประโยชน์ส่วนตน นำประโยชน์พรรค นำประโยชน์ส่วนรวม และกฏหมายมีไว้ละเมิด

    เคยมีรัฐธรรมนูญบังคับไม่ให้ฝืนมติพรรค อันนี้เป็นความพยายามในการควบคุมลูกฝูงไม่ให้แตกแถวปกป้องการลงทุนของหัวหน้ามุ้ง ถ้าผู้แทนราษฎรคิดไม่ได้หรือไม่มีอิสระที่จะคิด จะเป็นผู้แทนได้อย่างไรครับ

  • #3 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 มกราคม 2010 เวลา 21:11

    เพื่อนคนข้างกายเป็นวิศวกรเล่าให้ฟังว่าไปดู อวตาร แล้วก้นร้อนไปหมด เพราะต้องหลบกระสุน หลบอะไรต่อมิอะไรไปหมดทั้งเรื่อง เพื่อนๆแซวว่ารอดตายจากหัวใจวายก็บุญแล้ว  ผมไม่ได้ดูหนังโรงมานับสิบปีแล้วมั๊ง เห็นทีเรื่องนี้จะได้ดู เพราะคนข้างกายจูงมือมาหลายวันแล้ว แต่เอาเข้าจริงเธอนั่นแหละไม่มีเวลา วันนี้ก็เพิ่งไปส่งขึ้นเครื่องมาปัตตานี สามวัน

    เรื่องการเขียนแป๊ก ผมว่าใครก็น่าจะเป็นกันทั้งนั้นครับ มันมีหลายอย่าง บางทีมีเรื่องอยากจะเขียนหลายเรื่อง เลยไม่รู้ว่าจะเอาเรื่องไหนก่อน หรือมีเรื่องเขียน ลงมือเคาะคีย์บอร์ดแล้ว ไปไม่เป็น ไม่พอใจตัวเอง ลบทิ้ง หรือค้างคาอย่างนั้น หลายเรื่องครับ  บางทีซัดรวดเดียวจบก็บ่อยๆครับ

  • #4 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 มกราคม 2010 เวลา 7:34

    ท่านจอมป่วน ไปดูมาแล้วละสิ อิอิ
    ใช่แล้วแพนดอร่ามันอยู่ที่ใจ พระเอกจะเป็นชาวเนวีก็ใช้สมาธิเข้าไป แต่ฝรั่งมันทำแบบเราไม่เป็นเลยต้องเข้าตู้ ฮ่าๆ

  • #5 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 มกราคม 2010 เวลา 7:43

    ท่านรอกอด
    ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากให้เป็นแบบท่านรอกอดว่า ให้พวกนี้อวตารเสียให้หมด
    นี่ก็เรื่องแก้รัฐธรรมนูญอีกแล้ว แก้เพื่อใครกันแน่ เพื่อประชาชนหรือนักการเมือง เฮ้อ..
    บ้านเราเมืองเราอยากตามก้นฝรั่งดีนัก แต่แทนที่จะตามไปให้หมดก็เลือกเอาเฉพาะที่ตัวเองอยากให้เป็นตามที่ต้องการ ฝรั่งเขาทำอย่างไรตูไม่สน ปากก็บอกว่าของตูนี่แหละประชาธิปไตย แต่มันจะโทษใครได้บ้างละ พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู ปลูกฝังระเบียบวินัยให้เยาวชนไหม คนที่จะปลูกฝังเรื่องประชาธิปไตยน่ะ เข้าใจเรื่องประชาธิปไตยจริงไหม คุณภาพของคนในสังคมลดลงไปเรื่อยๆเพราะขาดไร้ระเบียบวินัย คุณธรรมจริยธรรม
    ยังจำได้ว่าสมัยก่อนมีคนพูดกันมากว่าประเทศไทยต้องกึ่งเผด็จการนั่นแหละถึงจะเจริญ สมัยนี้ใครพูดอย่างนี้โดนด่าเละแน่ แต่สังคมเราเป็นอย่างไรล่ะ ไม่อยากคิดหรอก แต่พอคิดแล้วมันอดไม่ได้ แฮ่ๆ

  • #6 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 มกราคม 2010 เวลา 7:48

    พี่บู้ธครับ
    หนังเรื่องนี้ต้องไปดู เพราะว่ากันว่ามันจะเป็นหนังที่เป็นจุดเปลี่ยนของหนังโรงครับ ความอลังการของฉาก ของแสงสีเสียง เบื้องหลังการถ่ายทำเขาสร้างโรงถ่ายขึ้นมาใหญ่กว่าโรงถ่ายทั่วไปถึง ๖ เท่า ว่ากันว่าหากได้ดูโรง IMAX จะมันกว่าดูในโรงหนังธรรมดาครับ ถ้าเป็นสามมิติก็คงต้องหลบกระสุนแน่หนังเรื่องนี้มีทั้งแบบธรรมดา สองมิติ และสามมิติ ครับ ผมว่าจะไปดูซ้ำอยู่ครับ

  • #7 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 มกราคม 2010 เวลา 8:57

    ตอนแป๊ก เป็นเรื่องของท่านอัยการแป๊กไป อุ๊ยไม่เกี่ยว
    ตอนหายแป๊กแล้วท่านอัยการเขียนออกมาอ่าน เป็นเรื่องของอุ๊ยที่ได้อ่านอย่างสนุก…อิอิ

  • #8 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 27 มกราคม 2010 เวลา 16:40

    มาตอบอุ๊ยสร้อยเป็นครั้งที่สาม
    ครั้งแรกไม่รู้มันเป็นยังไง
    ครั้งที่สองพิมพ์เสร็จกำลังจะกดตกลงไฟฟ้าดับ อิอิ
    ตอนนี้เอารถมาล้างก็เลยมานั่งเล่นคอมที่มีไว้บริการลูกค้า
    มาตอบอุ๊ยว่า..แป๊กไม่แป๊กอุ๊ยไม่เกี่ยว อุ๊ยอ่านมันอย่างเดียวเน๊าะ…เมื่อวานไปแจกประกาศนียบัตรให้นักเรียนผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตร้อยกว่าคนตามโครงการของ ปปช. บอกเด็กว่าผมได้รับยกย่องเป็นคนดีของสังคมสมัยยังมี ก.พ. และเป็นช่วงที่กำลังเปลี่ยนเป็น ก.พ.ร.เป็นหนึ่งใน ๑๑ คนทั่วประเทศแต่หลังจากออกข่าวทีวี.ช่อง ๑๑ และลงหนังสือสกุลไทยไปแล้วมันหายจ้อยไปเลย แต่เราทำความดีอย่าไปหวังสิ่งตอบแทน ใครไม่เห็นแต่เราเห็นเรารู้ของเรา มันจะเป็นความภาคภูมิใจนานแสนนาน พอตกบ่ายก็ประชุม อ.ก.ค.ศ.จนถึงห้าโมงเย็นไม่ได้ทำงานกันหละ..อิอิ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.59558701515198 sec
Sidebar: 0.34012699127197 sec