บันทึกถึงลูกสาว๓

โดย อัยการชาวเกาะ เมื่อ 19 เมษายน 2009 เวลา 16:01 ในหมวดหมู่ ครอบครัว, เรื่องทั่วไป, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 1545

๓ ธันวาคม ๒๕๒๕
เมื่อคืนนี้ลูกกวนโยเยตั้งแต่เที่ยงคืนยันตี ๓ กว่าๆ แม่ก็ปวดแผล พอพ่อช่วยแม่เสร็จลูกก็ร้อง พ่อก็ต้องไปอุ้มลูก กล่อมจนหลับ พอจะล้มตัวนอน แม่ก็เรียกให้ช่วยแม่ พอช่วยเสร็จยังไม่ทันล้มตัวนอนลูกก็ร้องอีก พ่อก็ต้องวนเวียนอยู่อย่างนี้จนสว่างแทบจะไม่ได้หลับตานอนเลย

วันนี้พ่อก็พยายามเปิดพจนานุกรม หาชื่อที่จะมาตั้งให้ลูก ความจริงเปิดมาสองวันแล้วแต่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ บางอันความหมายดี แต่พยัญชนะเกิดเป็นกาลกิณีใช้ไม่ได้ ตั้งใหม่พยายามให้มีชื่อพ่อ-แม่รวมกันและมีความหมายด้วย จนมาได้ชื่อ “พินทุสร” ปรากฏว่า น. กับ ท. เป็นกาลกิณีกับวันของลูกใช้ไม่ได้ จนมาสุดท้ายได้คำว่า “บัณฑุ” แปลว่าช้างเผือก,สีเหลือง กับคำว่า “พรรณ” แปลว่า สีของผิว แม้คำว่า พรรณ จะไม่ตรงกับชื่อของแม่ ที่สะกดด้วย น.หนู แต่เสียงเหมือนกัน พ่อเลยตั้งชื่อว่า “บัณฑุพรรณ” ซึ่งแปลว่า ผิวช้างเผือก พอมาถึงชื่อเล่น ก็ยังสรุปไม่ได้อีกว่าจะเอาชื่ออะไร พ่อเสนอชื่อ “จุ๋งจิ๋ง” ซึ่งแปลตามพจนานุกรมว่า เสียงพูดกันค่อยๆ แต่แม่ว่าเวลามีอายุแล้วจะฟังขัดๆหู (เช่น ทวดจุ๋งจิ๋ง ฮา…) พี่หมวยเสนอชื่อ เนท ซึ่งก็คล้ายชื่อของพี่เนติ์ แต่คืนนี้แม่หลับแล้ว พ่อจึงยังไม่ได้ชื่อเล่น พรุ่งนี้ลูกคงรู้ว่าลูกมีชื่อเล่นว่าอะไร….

พอดีพ่อค้นหนังสือเกี่ยวกับการตั้งชื่อตามหลักโหราศาสตร์ อย่างของลูกต้องถือว่าเกิดวันพุธ เพราะยังไม่เกินหกโมงเช้า ดังนั้นคำว่า บัณฑุพรรณ จึงใช้ไม่ได้เพราะตัว บ.เป็นกาลกิณี งั้นก็ต้องตั้งชื่อใหม่อีกละซิ

๕ ธันวาคม ๒๕๒๕ (๐๗.๓๐ น)
พ่อนั่งนึกถึงความรู้ทางไวยากรณ์อยู่นาน และลองเทียบเคียงกับชื่อที่พ่อหาได้ชื่อแรก และคิดว่าเข้าท่าที่สุดคือ พินทุสร ปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่ชอบชื่อนี้ (มีการทำโพลด้วยนะ…) เพราะแปลกดีและมันคล้องกับชื่อเนติกร พี่ของลูก แต่ตัว พ.เป็นกาลกิณีของคนที่เกิดวันพุธกลางคืน พ่อจึงต้องแผลง พ. เป็น ว.ตามหลักไวยากรณ์ ชื่อลูกจึงเป็น “วินทุสร” ซึ่งแปลได้ว่า ผู้มีเสียงอันไพเราะ ก็เข้าท่าดีนะ…

ตั้งแต่หมอผ่าตัดทำคลอดลูกเสร็จ ก็มีคืนนี้แหละที่พ่อได้หลับมากหน่อย เพราะลูกไม่ร้อง อ้อ..ร้องครั้งเดียว ตอนพ่อเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกไม่ทัน ลูกกินนมกินน้ำเก่ง ส่วนแม่ คืนนี้หมออัชฌาต้องสั่งให้เอาสายยางใส่ลงในจมูกและดูดอากาศกับน้ำในท้องออก แม่บ่นจะอาเจียน แต่ในที่สุดก็ดูดอากาศและน้ำออกมาได้ไม่มาก แม่ขอร้องให้พยาบาลช่วยถอดให้ ซึ่งขณะนั้นอาการปวดแน่นท้องทุเลาลงมาก แม่นอนฟุบกับหมอน แต่กว่าแม่จะหลับลงได้ก็เวลาตี ๓ กว่า พ่อได้หลับตอนนั้นและตื่นอีกทีตอนตี ๕ เมื่อลูกตื่นกินนมกินน้ำ แล้วพยาบาลเข้ามาฉีดยาให้แม่ และแม่เข้าห้องน้ำ แล้วกลับมานอนหลับบนเตียงจนถึงตอนนี้ ส่วนลูกก็ยังหลับไม่ตื่นเลย

๒๖ ธันวาคม ๒๕๒๕
พ่อไม่ได้บันทึกให้ลูกหลายวัน เพราะช่วงนี้ปลายปี ทางศาลเร่งคดีพ่อต้องว่าความเกินเวลาทุกวัน กลับถึงบ้านเพลียมาก พอมาเสาร์-อาทิตย์นี้เลยป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ นอนซมทั้งวัน เพิ่งจะมาค่อยยังชั่วต แต่ตามตำราบอกว่าเป็นเรื่องปกติอนนี้ เลยลุกขึ้นมานั่งเขียนบันทึกให้ลูกและของพี่เนติ์ ตั้งแต่คลอดมาจนถึงตอนนี้ ลูกมีสุขภาพแข็งแรงแต่มีอาการจามทุกวัน เพราะเด็กยังไม่มีขนจมูกมากรองอากาศ กลางคืนลูกร้องเป็นบางคืน ท้องผูกบ้าง แต่ทานน้ำผึ้งเข้าไปอาการก็ดีขึ้น เวลาลูกถูกยุงกัดจะขึ้นเป็นตุ่มแดงวงใหญ่ แล้วก็จะค่อยๆหายไป มีอยู่วันหนึ่ง ป้านุ้ยเอาแซมบัคทาให้ลูกที่หน้าผาก ตรงที่ทาปรากฏว่าหนังลูกไหม้เล็กน้อยแต่ก็หายสนิทเพียงวันสองวัน ลูกคนนี้ไม่มีปัญหา

๒๙ มกราคม ๒๕๒๖
พ่อไม่ได้บันทึกให้ลูกหลายวัน รูปลูกก็ถ่ายน้อยกว่าพี่เนติ์ จนพี่หมวยบ่น ทำนองว่าพ่อรักลูกไม่เท่ากัน ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ลูกของพ่อพ่อก็รักเท่ากันทุกคน ลูกเป็นลูกผู้หญิง พี่เนติ์เป็นผู้ชาย พ่อมีลูกชายหญิงอย่างละหนึ่ง จะไม่ให้พ่อรักเท่ากันได้อย่างไร อีกทั้งลูกก็ยังน่ารัก อารมณ์ดี ยิ้มเก่ง ใคราว่าพ่อรักลูกน้อยกว่าคนอื่นละก็ อย่าไปเชื่อ พ่อถ่ายรูปให้ลูกแต่ปรากฏว่าพอล้างฟิล์มออกมา ฟิล์มส่วนที่ถ่ายรูปลูกกลับถูกร้านทำเสียซะอีก คราวนี้พ่อถ่ายใหม่อีกคิดว่าคราวนี้คงไม่มีปัญหาละนะ

เมื่อวันปีใหม่ พ่อพาลูกไปบ้านปู่ย่า ลูกเกือบจะครบเดือน เราไปสนุกกันที่พังงา ปีนี้พ่อซื้อของขวัญหลายพันบาท เฉพาะของแม่ก็ตั้ง ๑,๒๐๐ บาท ของคุณย่าอีก ๑,๗๕๐ บาท ของคุณปู่ ๒๐๐ บาท ของป้านวล ของก้อน้อย และอะไรต่อมิอะไรอีกหลายตังค์ แต่เราก็จ่ายกันอย่างมีความสุขในครอบครัวของเราเอง

เรากลับจากพังงาเมื่อวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๒๖ กลับมาถึงก็เป็นวันครบเดือนลูกพ่อพอดี พ่อกับแม่ก็เลยจัดการชวนบรรดาป้าลุงทางฝ่ายแม่ไปเลี้ยงกันอีกที สนุกดี ลูกได้ของขวัญตั้งหลายชิ้นแน่ะ คุณย่ายังให้สร้อยข้อมือทองคำให้ลูกคู่หนึ่ง เห็นไหมล่ะ ใครก็รักลูกทั้งนั้น

เมื่อ ๒-๓ วันมานี้ ลูกเป็นหวัด คงติดมาจากพี่เนติ์ มีอาการคัดจมูกบ้างนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีอาการไข้ ค่อยสบายใจหน่อย เอาละ พ่อบันทึกแค่นี้นะ ไว้บันทึกวันหลังต่ออีกนะ….

๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๖
๒-๓ วันมานี้ ลูกมีอาการไข้ มือเย็น เท้าเย็น หมอสุวรรณให้ยาแก้ไข้มาทาน แต่ลูกไม่ค่อยชอบทานยา ต้องให้กรอกกันอยู่เรื่อย พอทานยาเข้าไปลูกจะเป็นปกติมือเท้าจะอุ่นขึ้น ตอนแรกดูลูกไม่มีไข้ แต่พอตรวจอุณหภูมิลูกมีไข้ขึ้นเล็กน้อย นี่เข้าวันที่สามแล้วที่ลูกมีอาการมือเท้าเย็น ถ้ายังไม่หายเห็นทีจะต้องพาไปหาหมออีกที วันนี้พ่อไม่รู้เป็นอะไรปวดหัวข้างเดียว เจ็บเบ้าตาซ้าย ไม่รู้จะเกี่ยวกับสายตาหรือเปล่า เอาละพ่อบันทึกแค่นี้แหละ เพราะพ่อต้องเตรียมตัวสอบอัยการ ถ้าสอบได้ลูกจะเป็นลูกสาวอัยการ เอ! แล้วลูกอยากเป็นหรือเปล่า…….

ผมมาตรวจสอบบันทึกปรากฏว่าผมไม่ได้บันทึกรายละเอียดเรื่องเลือกที่จะเอาชื่อเล่นชื่อจริงอย่างไร แต่บันทึกสำเร็จรูป ผมกรอกข้อความไว้ว่า ชื่อเล่น “นิว” ผู้ตั้ง คือ แม่ ความหมายของชื่อเล่น คือ ใหม่ วันที่ตั้งชื่อ เขียนไว้ว่า “ไม่รู้เมื่อไร แต่บอกพ่อวันที่ ๑๘ ม.ค.๒๖”

ชื่อจริง พินทุสร ทองตัน ผู้ตั้ง พ่อ ความหมายของชื่อจริง ผู้มีเสียงอันไพเราะ วันที่ตั้งชื่อ ๓ ธ.ค.๒๕ แต่แม่ตัดสินใจเอาชื่อนี้เมื่อ ๖ ธ.ค.๒๕

เราเลือกใช้พินทุสร ทั้งๆที่มีอักษรที่เป็นกาลกิณี แต่เอาเข้าจริงเรากลับรู้สึกว่าเราจะกังวลกับชื่อสมมุติกันทำไม จะชื่ออะไรก็แล้วแต่ คนเราจะดีจะชั่วหาใช่อยู่ที่ชื่อแต่อยู่ที่การกระทำของคนๆนั้นต่างหาก ตอนผมเป็นทนายเปิดสำนักงานก็มิได้นิมนต์พระมาสวด ผมไหว้พระสวดมนต์ของผมเอง ตอกป้ายเอง เปิดป้ายเอง ก็เห็นก้าวหน้ารุ่งเรืองได้เหมือนกัน อิอิ เคยมีพระธุดงค์ให้ผมเปลี่ยนชื่อเพราะชื่อเดิมไม่ดี เปลี่ยนแล้วจะได้ดิบได้ดี ผมบอกไม่เปลี่ยนเพราะชื่อที่พ่อไปเสาะหามาให้เพราะพ่อรักเรา หวังจะให้เราเป็นคนดี ใครจะว่าไม่ดีผมว่าเจตนาของพ่อผมดี ผมจึงไม่เปลี่ยน จนมาถึงวันนี้ลูกสาวผมโตเป็นสาว ทำงานเก่ง มนุษยสัมพันธ์ดี เป็นที่รักของใครต่อใคร ไม่เห็นเขาตกต่ำเลย ผมว่าชื่อไม่เกี่ยว แต่ไม่เถียงกับใคร อิอิ

บ้านหลังที่อยู่ปัจจุบัน ก็ยังไม่เคยนิมนต์พระมาสวดขึ้นบ้านใหม่เลย อยู่มาจนเก่า ๑๖ ปีเข้าแล้ว สวดมนต์เอง แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ สวดมนต์เสร็จอุทิศผลบุญที่ได้ทำมาในวันนี้ทั้งสิ้นให้บุพการีที่ล่วงลับไปแล้วกับปัจจุบัน ผู้มีพระคุณ ครูบาอาจารย์ และให้กับสรรพสัตว์ เปรด อสุรกาย หรืออะไรก็ได้ที่ไม่มีใครอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ให้มารับเอาไป แปลกที่เวลาผมอุทิศบุญกุศลให้คนอื่นไม่ขอให้บุญกุศลมาที่ตัวผมกลับรู้สึกมีความสุขมากกว่า…..

Post to Twitter Post to Facebook

« « Prev : บันทึกถึงลูกชาย(๖)

Next : ดงผู้ดี(๒) » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.13056111335754 sec
Sidebar: 1.267226934433 sec