บันทึกถึงลูกชาย(๔)
อ่าน: 1121๓ ตุลาคม ๒๕๒๕
บันทึกที่พ่อถึงลูก ชักจะล้ำมาทางด้านหน้ามากขึ้นทุกที และพ่อก็พยายามบันทึกทุกเดือน เมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๒๕ ทวดของลูกถึงแก่กรรมไปแล้ว คนที่อาวุโสสูงสุดในครอบครัวของเราก็คือ ก้อโป๋
เมื่อวันที่ ๒๑๖ กันยายน ๒๕๒๕ พอ่ขึ้นไปสมัครสอบอัยการซึ่งเป็นบันไดอีกขั้นที่พ่อจะต้องปีน แต่คู่แข่งของพ่อมีประมาณ ๗๐๐ คน และมีตำแหน่งว่างประมาณ ๑๐๐ ตำแหน่ง พ่อก็มีแต่ความหวังว่าจะสอบให้ได้ และเดือนนี้พ่อก็จะขึ้นไปรับพระราชทานประกาศนียบัตรจากในหลวง คราวนี้คงสมใจปู่-ย่า เพราะปู่-ย่าจะได้เข้าไปนั่งดูพ่อรับพระราชทานฯอย่างใกล้ชิด
วันนี้ลูกกลับจากพังงาและงอแงมาก ลูกเริ่มงอแงตั้งแต่อยู่ที่พังงาแล้ว ซึ่งพ่อสรุปเอาว่าเนื่องจากพ่ออุ้มจี้ปูเป้ จี้ป๋อมแป๋ม มากกว่าลูก ซึ่งมีเหตุให้ลูกต้องเรียกร้องความสนใจจากพ่อ-แม่ โดยการร้องไห้งอแง พ่อสังเกตจากการที่เมื่อลูกร้องพอพ่อโอบกอดจูบลูก ลูกจะยิ้มแฉ่งพ่อก็ได้แต่ส่ายหน้า เฮ้อ..ไอ้ลูกคนนี้
๕ ตุลาคม ๒๕๒๕
วันนี้พ่อจ่ายซื้อของเล่นเป็นรถ Super Bike ให้ลูก ๑ คัน ราคา ๙๕๐ บาท ค่าถ่านอีก ๒๔ บาท ลูกชอบมาก ความจริงมันไม่จำเป็น แต่พ่อเห็นลูกชอบจึงซื้อให้ พอถามว่าคนไหนลูกรักของพ่อ ลูกเอามือตบอก ก็เป็นอย่างนี้ พ่อถึงต้องซื้อของเล่นให้บ่อยๆไงล่ะ
๑ พฤศจิกายน ๒๕๒๕
นี่ก็ย่างเข้าเดือนพฤศจิกายนแล้ว ลูกของพ่อซนขึ้นทุกวัน ชอบเล่นซุกซนแบบทำลายข้าวของ เช่น ขี่ม้าทับรถพลาสติก ขี่ชนพ่อ-แม่ ชอบขึ้นไปนั่งบนพุงพ่อ-แม่แล้วขย่ม ถ้าทำให้คนอื่นเจ็บได้จะรู้สึกสนุกมาก จนแม่ทุบเอาบ่อยๆและซนจนเจ็บตัวอยู่บ่อยๆ เช่นกัน แต่ลูกก็ไม่เข็ดหลาบ ไม่รู้อี้ทำพรือแล้วหลำเหอ! (ช่วงนั้นมีเพลงปักษ์ใต้ดังมาก)
๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๒๕
พ่อกลับจากตรังวันนี้ ลูกพูดได้หลายคำ แม้จะยังไม่ค่อยชัด แต่บอกให้ลูกพูดคำไหน ลูกก็จะพยายามออกเสียง บางคำก็ชัดบางคำก็แค่พอฟัง กว้ออกว่าลูกพูดอะไร เช่น โชติช่วง หมา น้ำ การ์ตูน แต่ที่พ่อสังเกต ลูกชอบพูดคำสองพยางค์มากกว่า และสำเนียงที่พูดอย่างคำว่าน้ำ ลูกออกเสียง “น้ำ” แทนที่จะออกคำว่า “หน่าม”(แบบภาษาใต้) เพราะป้านุ้ย พี่หมวย พูดภาษากลางกับลูกตอนกลางวัน พอตอนเย็นถึงค่ำยันเช้า พ่อกับแม่พูด(ภาษา)ใต้กับลูก อาจเป็นเพราะเหตุนี่กระมังที่ลูกพูดช้า คืนนี้ลูกพูด ปู่ ย่า ก๋ง ได้แล้ว แต่ไปพังงาพรุ่งนี้ไม่ได้เพราะรถพ่อยังซ่อมไม่เสร็จ ไว้ซ่อมเสร็จแล้วจะพาไปเรียกปู่-ย่าที่พังงา ป้านวลบอกพ่อว่า ป้านวลบอกว่า คงจะมีลูกแค่สองคน คือ พี่ปูเป้กับป๋อมแป๋ม ส่วนลูกชายป้านวลก็คือลูกเนติ์นี่แหละ..
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๒๕
ลูกของพ่อเก่งขึ้นทุกวัน รู้จัก ปาก แก้ม ลิ้น เท้า ฯลฯและมีนิสัยดื้อยังไม่หาย แต่พอโดนพ่อดุลูกจะหยุด มีบางครั้งเท่านั้นที่พยศ แต่ถ้าบอกว่า “งั้น พ่อโกรธ” แล้วลูกจะร้องแอะ..เข้ามาหาไม่ให้พ่อโกรธ เดี๋ยวนี้ตอนกลางคืนเมื่อลูกตื่นจะกินนม พอพ่อชงนมให้ลูกเสร็จลูกจะยกมือไหว้แล้วดูดนมนอนต่อ เฮ้อ..ยังงี้รักตายเลย
๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๒๕
เมื่อวานนี้ พอ่ในฐานะประธานจัดการแข่งขันกีฬาเปตองขึ้นที่สนามไปรษณีย์ตะกั่วป่า ต้องอยู่ในงานทั้งวันและลงเล่นในทีมจำเริญภัณฑ์ คุณย่า เพราะแม่เริ่มปวดท้องคลอด ตั้งแต่ตอนกลางวันของวันที่ ๑ แล้วก็มาลงเล่นในทีมกาชาด ปรากฏว่าแพ้ทั้งคู่ เมื่อวานเป็นการแข่งขันรอบแรก ปรากฏว่ากว่าพ่อจะได้กลับก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว กลับมาจึงรู้ว่าลูกเป็นไข้ตัวร้อน ทำเอาพ่อกับแม่ไม่ได้นอนด้วยความเป็นห่วงลูก แต่พ่อก็ทนความง่วงไม่ไหวหลับไปพักใหญ่เพราะเพลียมาจากสนามทั้งวัน
วันนี้เป็นการชิงรอบสอง-สาม และชนะเลิศกว่าจะเสร็จก็เกือบสองทุ่ม ผลสำเร็จเป็นไปตามความคาดหมาย ชมรมได้กำไรประมาณ ๓,๐๐๐ บาทและผลงานของชมรมก็เป็นที่เลื่องลือต่อไป และคืนนี้ลูกยังชั่ว(อาการดีขึ้น)ขึ้นอีกแยะ แถมเล่นจนดึกกว่าจะหลับ
๑๖ ธันวาคม ๒๕๒๕
พ่อไม่ได้บันทึกถึงลูกหลายวันแล้ว เนื่องจากแม่ของลูกคลอดน้องใหม่ ๑ คนเป็นผู้หญิง เมื่อคืนวันพฤหัสบดีตอนหัวรุ่ง ๓.๑๓ น.(วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๒๕) พ่อแทบไม่ได้นอนมาตั้งแต่วันที่ ๑ ธ.ค.แล้วล่ะ เพราะแม่เริ่มปวกท้องคลอด ตั้งแต่ตอนกลางวันของวันที่ ๑ แล้วปวดเรื่อยมา ตอนแรกหมอและพยาบาลกะกันว่าไม่เกิน ๑๑ โมง แต่พอถึงเวลาก็ไม่คลอด หมอกะว่าตอนบ่าย แม่ก็ไม่คลอด หมอกะว่าตอนหัวค่ำ แม่ก็ยังไม่คลอด หมอกะว่าคลอดดึกๆ ก็ไม่คลอดอีก จนย่างเข้าตีสองเศษของวันที่ ๒ ป้านวลจึงไปตามหมอมา ในที่สุดก็ตกลงผ่าท้องแม่เพื่อเอาน้องออก เพราะน้องไปขวางลำตัว พ่อกับแม่ตกลงกันว่าเรามีลูกสองคนก็พอแล้ว เพราะสมใจทั้งพ่อและแม่ คือมีทั้งลูกหญิงและลูกชาย พ่อเชื่อว่าครอบครัวเราคงไม่มีปัญหาเรื่องรักลูกไม่เท่ากัน ทั้งนี้เนื่องจากพวกฝรั่งเขาวิจัยออกมาว่า เด็กคนกลาง อย่างกรณีมีลูกสามคน คนที่ ๒ จะมีปัญหาเนื่องจากพ่อแม่ย่อมรักลูกคนแรกและตามใจ ขณะเดียวกันเมื่อมีน้องคนที่สาม พ่อแม่ก็ต้องคอยเอาใจใส่ดูแลลูกคนสุดท้องเพราะยังช่วยตัวเองไม่ได้ ทำให้ลูกคนกลางจะมีความคิดว่า พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากันตัวเขาพ่อแม่ไม่รัก ถ้าครอบครัวเข้าใจกันดีก็ไม่มีปัญหา ถ้าไม่เข้าใจกันคนที่นำความยุ่งยากมาสู่ครอบครัวก็คือลูกคนกลาง
ลูกคนกลางมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เด็กวันพุธ เพราะใน ๑ สัปดาห์มี ๗ วัน วันพุธจะอยู่ตรงกลางพอดี แต่เมื่อครอบครัวของเรามีแค่ พ่อ แม่ ลูก และน้องก็หมดปัญหาเรื่องนี้ น้องที่เกิดมาใหม่มิใช่เป็นผู้มาแย่งความรักของพ่อแม่ไปจากลูกเพราะความรักแบ่งกันไม่ได้ เหมือนกับการบวช คนบ้านเราถือกันว่าถ้าแต่งงานก่อน ผลบุญจะตกไปถึงพ่อแม่ได้ไม่เต็ม แต่จะถูกเมียแบ่งไปครึ่งหนึ่งพ่อว่าเป็นความคิดที่ผิด เพราะคำว่าบุญคือความสุขใจ การที่เรามีความสุขใจ คนอื่นมาแบ่งความสุขไปจากเราไม่ได้มีแต่คนอื่นพลอยสุขใจไปกับเราด้วย เอาละพ่อเห็นจะจบไว้แค่นี้ก่อนนะ เพราะช่วงนี้งานพ่อรัดตัวมากแทบกระดิกกระเดี้ยไม่ไหว พ่อรักลูกมากนะ……
ความคิดเห็นสำหรับ "บันทึกถึงลูกชาย(๔)"