แนวคิดการทำนาแบบหยอดหล่นเพื่อเหนื่อยน้อยลงแต่ได้ผลดีขึ้น

โดย withwit เมื่อ 16 January 2011 เวลา 2:45 pm ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2427

แนวคิดการทำนาแบบหยอดหล่นเพื่อเหนื่อยน้อยลงแต่ได้ผลดีขึ้น

 

 

การดำนาเป็นกิจกรรมที่เหนื่อยยากมาก (หลังสู้ฟ้า)  ผมจึงได้คิดวิธีทดแทน วิธีใหม่นี้เราจะเตรียมก้อนดินปลูกที่คลุกกับเมล็ดพันธุ์ข้าวไว้ โดยคำนวณให้ได้ก้อนละ 3 เมล็ด เมื่อคลุกดินกับเมล็ดข้าวเข้ากันดีแล้ว (ใส่น้ำให้แฉะด้วย)  ก็ให้เอามาปาดลงบนเบ้าไม้กระดานที่เจาะรู้ไว้เป็นหลุมๆ มากมาย (คล้ายเบ้าทำน้ำตาลก้อน)  ซึ่งหลุมนี้ก็คือก้อนดินที่ต้องคำนวณให้ได้ก้อนละสามเมล็ดข้าวนั้นเอง  หนึ่งแผ่นกระดานอาจมีสัก 200 หลุม หลุมควรทำเป็นทรงกระบอก ลึกสัก 1.5 ซม. ผศ. ประมาณ 1.5 ซม.

 

จากนั้นเคาะเบ้าให้เมล็ดหล่นไปวางไว้บนไม้กระดาน บางๆ โดยเรียงก้อนดินเป็นแถวตอนเรียง 6 จะมีสักกี่แถวก็ได้ แต่ไม้กระดานไม่ควรยาวเกิน 50 ซม. เอาไม้กระดานซ้อนกันเป็นชั้นๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ จากนั้นหมักก้อนดินทิ้งไว้ 1 หรือ 2 คืน พอให้รากข้าวงอกเป็นตุ่ม

 

ต่อไปก็เอาไปหยอดในนาที่เตรียมเทือกไว้แล้ว (เทือกคือพื้นนาแฉะที่ปาดเรียบเพื่อรอการหว่าน) วิธีหยอดคือ เอาแผ่นไม้ที่เรียงเม็ดดินไว้มาวางบนแคร่ที่ห้อยคอไว้ (แบบพวกขายลอตเตอรี) วางให้มากที่สุดเท่าที่รับน้ำหนักได้  ถ้าจะวางบนรถเข็นติดสกีก็ยังได้ จากนั้นเอาไม้หยอดมาพาดตามขวาง ไม้หยอดนี้ไม่ใช่อะไร เป็นเพียงไม้ระแนงเรียวๆ ยาวประมาณ 130 ซม.  มีเชือกสีผูกห้อยไว้เป็นที่หมายตา โดยผูกเป็นระยะห่าง 25 ซม. ให้มีการผูก 6 จุด  ควรมีไม้หยอดนี้สัก 3 ไม้ วางขนานกัน ห่างกัน 25 ซม.

 

การหยอดให้เดินหยอด โดยหยอดเม็ดดินลงไปตรงที่ผูกเชือกสีไว้   เม็ดดิน 6 เม็ดที่เรียงไว้บนกระดานก็หยอดได้ 6 หลุมพอดี  เมื่อมีไม้หยอด 3 ไม้ ครั้งหนึ่งก็หยอดได้ 18 หลุม โดยหยิบก้อนดินด้วยมือทั้งสองข้าง หยอดทีสองเม็ดพร้อมกัน ข้างซ้ายข้างขวา ใครฝึกชำนาญแล้วอาจกำเม็ดดินมือละ 3 เม็ด ก็สามารถหยอด 6 เม็ดได้อย่างรวดเร็วมาก  จากนั้นก็เดินไปข้างหน้า  75 ซม. หยอดอีก 18  เม็ด ทำเช่นนี้ไปเรื่อยไปจนหมด การเดินนี้ควรมีเชือกขึงที่ผูกระยะ 75 ซม เป็นเครื่องหมายด้วย จะได้แนวข้าวที่ตรง  ใครแขนยาวอาจหยอดไม้ละ 8 หลุมก็ได้นะ แต่แขนต้องยาว 175 ซม.

 

ข้อดีของวิธีนี้คือ

 

  • 1) สะดวก รวดเร็ว ราคาถูก และไม่เหนื่อยยากมากนัก (ไม่ต้องก้มหน้าดำนา)
  • 2) เม็ดข้าวจะตกจมลงไปลึกประมาณ 1 ซม. จากผิวดิน (จากแรงกระแทกหล่นของเม็ดดิน) ทำให้รากข้าวงอกได้กำลังดี มีรากแข็งแรง (ไม่ตื้นเกินไปแบบนาหว่าน) อีกทั้งรากไม่ต้องถูกกระทบกระเทือนจากการถอนและปักดำ แม้การปูกกล้าแบบต้นเดี่ยวที่เรากำลังไปลอกมาจาก Madagasgar ก็ยังมีการถอน ทำให้กระเทือนราก เมื่อรากแข็งแรง ต้นข้าวก็แข็งแรง ทำให้ทนทานต่อโรคพืชสูงกว่าปกติ
  • 3) ถ้าเราเตรียมดินเม็ดด้วยปุ๋ยที่เข้มข้นด้วย ปุ๋ยจะไม่กระจายไปที่อื่น อยู่ที่บริเวณรากข้าวเท่านั้น ทำให้รากงอกได้ดีและแข็งแรงยิ่งขึ้น
  • 4) น่าจะลดเวลาปลูกข้าวลงได้ เพราะข้าวไม่ต้องเสียเวลาตั้งต้นใหม่จากการบอบช้ำจากการปักดำ
  • 5) รากข้าวจมลึกสม่ำเสมอเท่ากันหมดทุกต้น (สามารถวิจัยว่าจะหยอดสูงเท่าไรจึงจะดีที่สุด) ส่วนการดำนาบางทีดำลึก บางทีดำตื้น

 

ถ้าเราคำนวณให้มี 3 เมล็ดข้าว ใน 1 เม็ดดิน และถ้าอัตราการงอกเป็น 80% เราจะได้การงอกดังนี้ คือ ข้าวงอก 3 ต้น 51.2%, ข้าวงอก 2 ต้น 38.4%,  ข้าวงอกต้นเดียว 9.6%  และข้าวไม่งอกเลย 0.8%  ซึ่งถือว่ายอมรับได้ เพราะข้าวต้นเดียวนั้นอาจแตกกอได้ดีจนมีผลผลิตเท่าเทียมกับ 2 ต้น และ 3 ต้นในที่สุด ส่วนข้าวไม่งอกมีน้อยมาก

 

และอย่าลืมการทำนาชีวภาพ 100% (ไม่ใช้แม้สารชีวภาพ เช่น สะเดา)  ด้วยการเลี้ยงกบ เขียดในนา กบกินแมลงใหญ่ เขียดตัวน้อยๆ กินแมลงเล็ก รวมทั้งเพลี้ยต่างๆ ไม่เหลือหรอ หรือ เหลือเล็กน้อย แต่ยอมรับได้ มูลกบเขียดเป็นปุ๋ยให้นาโดยธรรมชาติ  (กลายเป็นว่าแมลงเป็นมิตรของพืช ไม่ใช่ศัตรูพืชอีกต่อไป) 

 

น้ำในนาก็ใช้เลี้ยงปลาได้หลายสกุล (เลือกกบชนิดที่ไม่กินปลา)  สำหรับหอยปูอาจเลี้ยงปลาไหลให้ช่วยกำจัด  (หรือสัตว์น้ำอื่นๆ ที่กินหอยปู)  อีกทั้งน้ำในนายังอาจสามารถปลูกพืชคลุมน้ำได้อีก ซึ่งถ้าวิจัยให้ดีอาจพบพันธุ์ที่ช่วยเสริมให้ข้าวโตเร็วขึ้นและให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำไป  เพราะช่วยตรึงสารลงในดิน (เช่น อาจเป็นผักบุ้ง สันตะวา กระจอง ผักกุ่ม ผักหนาม สาหร่าย ผำ บัดเขียด ผักแว่น ผักใบพาย  ก็เป็นได้ …บรรดาพืชน้ำทั้งหลาย)  อีกทั้งผักพวกนี้ยังอาจช่วยสร้างไรน้ำให้ปลาได้กินอีกด้วย

 

การขจัดวัชพืชในนานั้น ควรวิจัยหาพันธ์สัตว์ที่กินหญ้าทุกชนิด ยกเว้นต้นข้าว พองอกออกมาเป็นต้นอ่อนก็กินหมด อาจเป็นปลาบางสายพันธุ์ หรือ เต่าตัวเล็ก ก็เป็นได้

 

ถ้าทำนาแบบนี้อาจจะได้ผลผลิตสูง ราคาดี (เพราะชีวภาพ) ต้นทุนต่ำ  ทั้งคนปลูกคนกินมีสุขภาพดี  ยังขายปลา ขายกบ ได้อีก กำไรสุทธิน่าจะสูงกว่าทำนาแบบเดิมๆ 3 เท่าได้ แถมเหนื่อยน้อยกว่าอีก 2 เท่า

 

ช่วยกันบอกต่อ หรือ เอาไปทดลอง หรือ เอาไปคิดต่อให้ดียิ่งขึ้นนะครับ เพื่ออนาคตที่ดีของชาวนาไทย

 

ส่วนการใช้มดขจัดเมล็ดวัชพืชก่อนทำนานั้น ผมเชื่อว่าทำได้แน่นอน แต่ต้องการการวิจัยสักหน่อย  นักวิจัยท่านใดทำออกมาได้ ก็จะมีชื่อเสียงมาก (อาจถึงกับได้รางวัลโนเบล)  และเป็นประโยชน์ต่อชาวนาทั่วโลกเป็นอย่างมาก

 

…ทวิช จิตรสมบูรณ์  (๖ ธค. ๕๓)

« « Prev : นางสาวไทยที่ผิวคล้ำและตัวเตี้ย

Next : การทำนาแบบปลูกสลับฟันปลา เพื่อลดการบังแดดและเพิ่มระยะห่าง » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

3 ความคิดเห็น

  • #1 maeyai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 May 2011 เวลา 7:29 pm

    อ่านซ้ำไปมาหลายครั้งเลยค่ะอาจารย์ เพื่อนึกภาพให้ออก ฟังดูแล้วต้องดีกว่าปักดำแน่ๆเลย แต่การจะเอาไปสอนคนอื่น ยังไม่มั่นใจเลยค่ะ เพราะแค่การปลูกปกติเราเองก็ยังไม่เคยทำเลย ต้องหาแนวร่วมที่เขาเคยปลูกข้าว อย่างตาออตมาร่วมกันทดลองทำ คงดีเหมือนกัน ได้เคยมีคนทดลองทำบ้างหรือยังคะ

  • #2 maeyai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 May 2011 เวลา 6:29 am

    พอดีที่ดินแบ่งออกเป็นสองแปลงเล็กๆ จะทดลองทำดูสักแปลงในปีนี้ เปรียบเทียบกับการดำแบบดั้งเดิม แล้วจะรายงานให้อาจารย์ทราบทุกระยะ ในลานปัญญาค่ะ

  • #3 ลานโรงเรียน » ยิ่งค้นยิ่งเจอ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 May 2011 เวลา 10:53 am

    [...] http://lanpanya.com/withwit/archives/32 แนวคิดการทำนาแบบหยอดหล่น ( แกอ่านแล้วเห็นภาพ  เพราะแกเป็นช่างอยู่แล้ว  แกว่าทำวิธีนี้  ต้นข้าวจะเรียงกันสวยงามและผลผลิตน่าจะดีกว่าแบบโยนด้วยซ้ำ) [...]


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.061248064041138 sec
Sidebar: 0.11297297477722 sec