ยอดหญ้าเน่า คือรากปัญหาแห่งสังคมไทย
ยอดหญ้าเน่า คือรากปัญหาแห่งสังคมไทย
ยอดหญ้าในที่นี้ผมหมายถึงนักวิชาการไทย ที่ส่วนใหญ่ก็จบมาจากนอก ที่กุมความคิดระดับมหภาคของสังคมไทยไว้ได้หมดสิ้น ผ่านเวทีต่างๆที่พวกท่านมีลำโพงให้พูด และมีหน้ากระดาษให้คนอ่าน
ที่การเมืองไทยใช้ระบบปชต. ตต. (ประชาธิปไตยแบบตะวันตก) กันอยู่ จนประเทศตกต่ำมาเป็นลำดับถึงวันนี้ ก็เพราะยอดหญ้าเรานี่แหละที่ยกมาประทานให้ มีดร. ปรีดี เป็นหัวหอก (ความจริงคนนี้ผมยกให้คน เพราะท่านทั้งเก่งและดี มีวิสัยทัศน์ แต่ก็ต้องพาดพิงถึงท่านตามครรลองอยู่ดี)
ปชต.เรามันมาจากยอด ไม่ได้มาจากรากแบบตะวันตกเขา มันก็เลยไม่ “เวิร์ค” อย่างที่เห็นๆกันอยู่
ตอนแรกๆ ยอดหญ้าเราก็ตามอังกฤษ ฝรั่งเศส ตามที่พวกเขาไปจบการศึกษากันมา ก็เลยให้มีหลายพรรค รวมทั้งไม่มีพรรคก็สมัครได้
ต่อมา พวกยอดหญ้าจบเมกามีมากขึ้น ก็มากุมอำนาจแล้วบอกว่า ให้เป็นระบบสองพรรคแบบเมกันจะดีกว่า ก็เลยร่างรธน.ปี ๔๐ เพื่อให้เป็นไปในทำนองนั้น แล้วเราก็ได้คนสมองเหลี่ยมเข้ามา สร้างความหวือหวา หลอกเจี๊ยะกันกลางแดดไปอย่างประเมินหาค่ามิได้
พวกจบยุโรป พอเห็นว่าโมเดลอังกฤษ หรั่งเศษไม่เวิร์คก็หันไปหาเยอรมัน ไปเอาระบบปาร์ตี้ลิสต์เยอรมันมาผสมระบบสองพรรคของเมกา ..กลายเป็น “เปรอะชาธิปไตย” เป็นระบบต้มเปรอะการเมืองไทยที่แสนอร่อย แต่กินแล้วท้องเสีย ถ่ายออกมาเป็นควันพิษฟุ้งกระจายที่สีแยกราชประสงค์
ยอดหญ้าเน่าพวกนี้ไม่เคยคิดอะไรออก นอกจากลอกฝรั่ง ทั้งที่บริบทสังคมไทยเราต่างจากเขามาก
นิสัยฝรั่งเขาอิงตน (individualistic) เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปชต. ส่วนของเราอิงนาย อิงกลุ่ม ดันทะลึ่งโง่ไปใช้วิธีตามเขา
เมกามันมีฝ่ายเหนือ ฝ่ายใต้ มันก็ต้องใช้ระบบสองพรรค เดโมแครตฝ่ายเหนือ รีพับลิกันฝ่ายใต้ ที่ยังเป็นจริงแม้ในยุคนี้
เยอรมันมีปัญหาด้านแคว้นต่างๆ ที่มีความเป็นปัจเจกมาก กลัวว่าสหพันธรัฐจะแตก ก็เลยต้องมีระบบปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อช่วยเชื่อมประสาน
ของเราไม่มีปัญหาแบบนี้ แล้วไปลอกเขามา ปู้โธ่เอ๋ย ไอ้ยอดหญ้าเน่า
การวิจัยในมหาลัยไทยก็ตามฝรั่ง ไม่ทำแก้ปัญหาตัวเอง
องค์กรให้เงินอุดหนุนการวิจัยแห่งชาติรายหนึ่ง เมื่อพศ. ๒๕๔๐ มีแต่นโยบายวิจัยตามก้นฝรั่ง จนผมทนไม่ไหว เขียนบทความในวารสารมหาลัยของผม ผมด่าว่าเป็นองค์กรทำลายชาติ ..จนสะเทือนไปทั้งชาติอย่างเหลือเชื่อ มีคนมาหาผมว่า บ้าดีจังเลย ผมตอบว่า บ้าเพื่อชาติ (โว้ย) ตายก็ยอม
ไม่น่าเชื่อว่าบทความนั้น จะทำให้องค์กรนั้นปรับใหญ่ จนวันนี้ให้ทุนทำวิจัยพัฒนาชาติไทยถึง 80% เห็นจะได้ ตามก้นฝรั่งเพียง 20% ทั้งที่ก่อนนี้ตรงกันข้ามเลย
ที่ผมรู้เพราะ วันหนึ่งได้มีโอกาสนั่งกินข้าวกับประธานคกก.บริหารองค์กรนั้นโดยบังเอิญ พอท่านเห็นว่ามาจากม.บ้านนอกนี้ ท่านก็เปรยว่า เออ..มีอจ.จากม.คุณเนี่ยเขียนบทความอะไรนะ มันถูกเอาเข้าไปวิจารณ์กันขรมเลยในบอร์ดบริหาร …จากนั้นมาอีกหนึ่งปี นโยบายการวิจัยขององค์กรนี้เปลี่ยน 180 ดีกรี
ทำให้ผมเกิดกำลังใจมาจนวันนี้ว่า ยอมเหนื่อยเขียนแมร่งไปเถอะ คนไม่อ่าน ผีก็อ่านแหละวะ
..คนถางทาง (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๔)
Next : หลวงวิจิตรวาทการ..คนเก่งคนดีที่คนไทยไม่สนใจจะรู้จัก » »
1 ความคิดเห็น
ยังมีเรื่อง ดร. ปรีดี (ที่ผมสุดรัก) แต่มันเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดี ที่ไม่มีคนมองเห็น แล้ววันหลัง ผมจะเอามาตีแผ่ให้เห็นกัน