แก้เศรษฐกิจในความคิดของผม (๒)
การแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการขึ้นค่าแรง (ตอนที่2)
เขียนเมื่อวันที่ … พศ. ๒๕๕๓
ฟังดูเหมือนกับว่าเป็นเรื่องเพี้ยน แต่ผมเชื่อว่าการขึ้นค่าแรงจะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำของประเทศไทยได้ เนื่องเพราะระดับค่าจ้างแรงงานของไทยเรายังต่ำกว่าจุดดีที่สุดอยู่ถึงประมาณ 3 เท่า ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ประเทศไม่เจริญทางเศรษฐกิจมานานแล้ว อย่างไรก็ดีเนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ซับซ้อนจึงต้องกระทำแบบแยบยลสักหน่อย
ก่อนอื่นผมขอทำความเข้าใจก่อนว่าค่าแรงและราคาสินค้านั้นมันมีจุดดีที่สุดเสมอ ถ้าถูกหรือแพงเกินไปกิจการค้า การผลิต จะไม่ดี เช่น ถ้าสินค้าราคาหนึ่งและค่าแรงถูกที่สุด (คือเป็นศูนย์ไปเลย) พ่อค้าอาจชอบใจ แต่ถามว่าแล้วใครเขาจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อสินค้าคุณ เพราะลูกค้าของคุณก็คือลูกจ้างของบริษัทอื่นนั่นเอง (รวมทั้งบริษัทคุณเองด้วย) ดังนั้นค่าแรงที่ถูกเกินไปไม่ได้เป็นผลดีต่อนายทุนเลย เป็นผลร้ายเสียอีกด้วย
ที่ว่ามานั้นเป็นกรณีปกติทั่วไปในสากลโลก แต่ประเทศไทยไม่ใช่กรณีปกติ เนื่องเพราะรายได้ประชาชาติเรา (GDP) 70% เป็นของนักลงทุนต่างชาติ และอีก 70% ของ 30% ที่เหลือ (คือ 20%) เป็นของคนไทย 15 ตระกูล ที่ส่วนใหญ่ก็หากินอยู่กับนักลงทุนต่างชาตินั่นแหละ ที่เหลือ 10% เป็นของคนไทยทั้งประเทศที่ได้มาจากการเป็นลูกจ้างในโรงงานอุตสาหกรรมและผลผลิตการเกษตร โดยน่าจะพอคาดเดาได้ว่า 5% มาจากการขายแรงงาน อีก 5% มาจากสินค้าเกษตร
ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ค่าจ้างแรงงานจะมีมูลค่าประมาณ 30% ของ GDP ถ้าตัวเลขที่ผมประมาณการมานี้ไม่ผิดมากนักแสดงว่าของเราต่ำกว่าเขาถึง 6 เท่า (นี่ว่าในสัดส่วนร้อยละแต่ถ้าเทียบแบบเงินค่าแรงสุทธิต่อหัวของเราจะต่ำกว่าสหรัฐถึงประมาณ 15 เท่า) ดังนั้นการขึ้นค่าแรงงานสัก 3 เท่าจะกลายเป็นรายได้ประมาณ 13.6% ของ GDP เท่านั้นเอง ที่จริงควรขึ้น 6 เท่าเพื่อให้ได้ 30% จะดีที่สุด แต่ผมเชื่อว่า 3 เท่าเหมาะแล้วเพราะ GDP ของเรามันเพี้ยนมากเกินไปเนื่องจากเป็นของคนต่างชาติมากถึง 70% ถือเป็นกรณีอปกติที่นักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกเองก็คงไม่เคยพบปัญหาเช่นนี้มาก่อน
ยุทธศาสตร์ในการขึ้นค่าแรงผมเสนอดังนี้ครับ
1) ในกิจการของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาผลิตเพื่อส่งออกเป็นหลัก ให้ขึ้นค่าแรง 3 เท่าทันที (สวัสดิการด้วย) แน่นอนว่าพวกเขาจะโอดครวญและขู่ว่าจะถอนทุน แต่เราอย่าไปกลัวครับ เพราะพวกนี้ลงทุนแล้วไม่ได้ถอนง่ายๆ อีกทั้งพวกนี้รวยกำไรมหาศาลมานานแล้ว ทั้งกำไรค่าแรงที่แสนถูก ค่าการลดหย่อนภาษีทุกรูปแบบ ค่าลงทุนต่ำ(โดยเฉพาะด้านการกำจัดมลภาวะ) พวกนี้อาจอ้างว่าจะขาดทุนซึ่งเป็นการอ้างที่โกหก เช่น รถยนต์โตโยต้าจากไทยไปขาย usa ราคาเท่ากับที่ผลิตใน usa คุณภาพก็เท่ากัน ถามว่าทำไมรถผลิตใน usa ขายได้ทั้งที่ค่าแรงแพงกว่าไทย 20 เท่า นี่เราขึ้นแค่ 3 เท่าก็ยังถูกกว่าในเมกาอีก 5 เท่าเชียวนะ จะขาดทุนได้อย่างไร นอกจากขาดทุนกำไรเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าเขากดดันมากๆ อาจลดหย่อยภาษีให้เขาสักเล็กน้อยพอให้เขาขาดทุนกำไรน้อยลง อีกทั้งไม่ต้องกลัวพวกนี้ถอนทุนไปลงที่เวียตนามจีนหรอกครับ กลับจะเป็นผลดีเสียอีก เพราะเราต้องการแรงงานกลับไปสร้างอุตสาหกรรมท้องถิ่นของเราอยู่แล้ว (โปรดอ่านประเด็นนี้ในข้อต่อไป)
2) สำหรับผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกขายต่างประเทศเป็นหลัก ตรงนี้จะทำให้ขายสู้สินค้าจากจีน อินโด อินเดีย ไม่ได้ จำเป็นต้องให้การช่วยเหลือ ด้วยการลดหย่อนภาษีสินค้าขาออก และ อื่นๆ เพื่อชดเชย เป็นเวลา 10 ปี เพื่อให้ปรับตัว เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต (ค่าแรงเพิ่ม 3 เท่าประสิทธิภาพก็ควรเพิ่มด้วย) ภาษีที่เก็บได้น้อยลง จะไปเพิ่มเอาที่ภาษี vat ของสินค้าอื่นๆ เนื่องจากปชช.มีรายได้เพิ่มก็จะบริโภคเพิ่มขึ้น
3) ผู้ประกอบการไทยที่ขายสินค้าในไทย ไม่ต้องช่วยเหลืออะไรเลย พวกนี้จะจ่ายค่าแรงเพิ่ม แต่ก็จะขายสินค้าได้เพิ่มขึ้นด้วย กำไรสุทธิจะมากกว่าเดิมเสียอีก รัฐจะเก็บภาษีได้มากขึ้นอีกด้วย ทั้งภาษีเงินได้ส่วนบุคคล และภาษีการค้า
สรุปคือ การขึ้นค่าแรง 3 เท่า คือการแก้วิกฤตเศรษฐกิจทีง่ายทีสุด แต่รัฐต้องเหนื่อยในการให้ความรู้กับนักธุรกิจสักหน่อย
สวัสดีครับ
« « Prev : คณิตคิดลับระดับปอสี่
3 ความคิดเห็น
ความแตกต่างอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินสกุลต่างๆ มีผลไหมครับพรอาจารย์
-เพิ่งรู้ ที่บอกว่า ค่าแรงรถโตโตต้า ของเราได้น้อยกว่าเมกา 20เท่า
ประเทศลูกเมียน้อยก็อย่างนี้ละครับ อิ
นี่ยังไม่คิดค่าสวัสดิการนะครับ ของเขาแพงลิ่ว ของเรากระจิ๋วเดียว
นายทุนต่างชาติเขาแด็กซ์เราผ่านนักเลือกตั้งอย่างมหาศาล
ส่วนนักเลือกตั้งไทยก็คิดวนเวียนกันอยุ่ได้แค่จะเพิ่มการลงทุนต่างชาติ
เพราะมันเพิ่มจีดีพี
ดังกระดี่ได้น้ำ
ยิ่งนักการเมืองบ้านนอก ก็ยิ่งต้องทำกระแดะไปกับเขาด้วย
กลัวพวกนักเรียนนอกหาว่าเชย
เฮ้อ
หลายท่านอาจแย้งผมว่า ขึ้นค่าแรงราคาสินค้าก็ขึ้นด้วย เป็นงูกินหาง
ใช่ครับ แต่กลไกราคาค่าแรงมันไม่ได้เป็นเส้นตรงหรอกครับ มันจะมีจุดที่ดีที่สุดของมัน ถ้าเกินจุดนั้นไป มันก็จะยิ่งแย่ แต่ของเรามันผิดธรรมชาติมากเพราะมีนักการเมืองโง่ ผสมกับนายทุนชั่ว ประชาชนก็ขาดข้อมูล มันเป็นสูตรผสม NPK ที่ลงตัวมาก