ความรู้คนละชุด

อ่าน: 1440

เราแต่ละคนมีความรู้อยู่ในตัวไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับความถนัด ความชอบ นิสัย หรือประสบการณ์ที่เกิดขึ้นมาแต่อ้อนแต่ออก พอโตมาก็เข้าโรงเรียน เลือกเข้าคณะโน้นคณะนี้ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาศึกษาหาความรู้จนมีความสามารถสอบเข้าไปทำงาน ทำงานแล้วก็ยังฝึกฝนทักษะ เข้ารับการอบรมสัมมนาอยู่เนืองๆ  เกิดเป็นผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชำนาญการ บางคนมีคำว่าพิเศษห้อยท้ายด้วย มีตำแหน่งก้าวหน้าเติบโตไปจนถึงวัยเกษียณ ส่วนคนที่ได้รับการศึกษาน้อย เอาแค่พออ่านออกเขียนได้ หลังจากนั้นก็ประกอบอาชีพการงานตามที่ครอบครัววางรากฐานไว้ หรือไม่ก็อพยพเข้าไปทำงานในเมือง ไปเป็นฉันทนาในโรงงงานต่างๆ เป็นแม่ค้าแม่ขายรถเข็น เป็นมอเตอร์ไซรับจ้าง ขับแท๊กซี่ เรียกรวมๆว่าไปประกอบสัมมาชีพในกลุ่มระดับแรงงาน

แต่ละบุคคลต่างก็ฝึกฝนวิชาความรู้ที่จำเป็นต้องใช้ในหน้าที่การงาน

คนในเมืองก็สะสมวิชาความรู้เพื่อใช้ในเมือง

คนในชนบทก็สะสมวิชาความรู้เพื่อใช้ในท้องทุ่งไร่นา

เส้นทางของการเรียนรู้ค่อยๆขยับเข้าหากันบ้างในบางจุด

แต่ก็ยังห่างกันอยู่มาก

เว้นแต่ระบบการศึกษาและการพัฒนาจะกระจายความเสมอภาพลงไปทั่วถึงทุกตารางพื้นที่

ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงเทพ อะไรๆ..คนกรุงต้องมาก่อน แม้แต่น้ำท่วมกรุงเที่ยวนี้ ก็ยังมีการแบ่งส่วนความสำคัญของพื้นที่ นิคมอุตสาหกรรมจะได้รับการใส่ใจเป็นพิเศษ พื้นที่ไข่แดงได้รับการป้องกันเฝ้าระวังอย่างยิ่งยวด หมู่บ้านต่างๆ เรือกสวนไร่นาต้องอยู่ในภาวะจำยอม พวกชาวบ้านต้องยอมรับสภาพแบบน้ำท่วมปาก พูดไม่ได้ไอไม่ดังไม่มีอะไรไปต่อรอง ในเมื่อผู้มีอำนาจเป็นฝ่ายชอบธรรม ที่จะตัดสินเลือก..ที่รักมักที่ชัง ประชาชนตาดำๆจึงตกอยู่กับความทุกข์กระเสือกกระสน ถึงจะมีความพยายามที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถ แต่วิกฤติเที่ยวนี้เป็นมหาอุกภัย ทำยังไงๆก็ไม่ทั่วถึง คนกรุงชั้นสองต้องงัดความรู้ที่มีอยู่บ้างออกมาช่วยตัวเองสุดฤทธิ์สุดเดช

เราจะเห็นว่า วิชาความรู้ที่อยู่ในตัวจำเป็นจะต้องมีความรู้เพื่อชีวิตและสังคมติดปลายนวมไว้บ้าง ไม่ควรประมาทกับการเรียนรู้ในเรื่องที่นอกเหนือหน้าที่การงานไว้บ้าง ยามเกิดเภทภัยต่างๆ ความรู้ที่ใช้ในการทำงานบางทีก็เอามาใช้ได้น้อยมาก วิชาประสบการณ์ชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ คนที่มีความรู้ความถนัดรอบตัวมากๆจะช่วยเหลือตัวเองและคนอื่นได้มาก คนที่ไม่พัฒนาจะมีเงื่อนไขปิดกั้นตัวเอง

ไอ่นั้นก็ไม่ชอบ

ไอ่นี่ก็ไม่เคยกิน

ไอ่โน้นก็ไม่เคยทำ

การมีความรู้จำกัดเป็นความประมาทเหมือนกันนะเธอ

จากเหตุการณ์ที่คนไทยเผชิญช่วงเกิดมหาอุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์ ถ้ามองให้ดีเราจะเห็นว่านี่คือการประเมินศักยภาพของสังคมไทยโดยรวม และยังเป็นการประเมินความรู้ความสามารถส่วนครัวเรือนอีกด้วย ควรที่นักการศึกษา นักวิจัยและนักพัฒนาและเจ้าหน้าที่ทุกหมู่เหล่า จะพากันประเมินทบทวนต้นทุนความรู้ความสามารถของหน่วยงานหรือองค์กรที่รับผิดชอบ

โดยเฉพาะการสรุปวิเคราะห์ประเด็นการปรับต้นทุนความรู้จะออกแบบใหม่ออกแบบเสริมอย่างไร

ยกตัวอย่างเรื่องการระบายน้ำด้วยอุโมงค์ยักษ์ เรื่องรถใต้ดิน รถไฟฟ้าBTS.รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง

ถ้ามันดีมีประสิทธิภาพจริงก็ควรจะวางแผนสร้างขยายให้เพียงพอ

เพื่อสร้างความชัดเจนแนวทางป้องกันให้คนบางกอกอุ่นใจและไว้ใจ

การที่รัฐฯ..บอกว่าอย่าวิตก เตรียมตัวไว้อย่าประมาท

ไม่ใช่วิธีที่แก้ปัญหาหรือช่วยอะไรได้เลย

ประชาชนต้องการได้ยินคำพูดที่มีน้ำหนักเชื่อถือเชื่อใจและอุ่นใจได้

ประชากรที่อยู่ในพื้นที่ๆมีความเสี่ยงต้องการสิ่งนี้

จำเป็นที่รัฐฯจะต้องแสดงแบบแผนเชิงนโยบายที่มีคุณภาพเพียงพอที่จะให้ความไว้วางใจ

จากการเตรียมความรู้ไว้บ้างเล็กๆน้อยๆ เช่น การปลูกต้นไม้ในรูปแบบต่างๆ ผมมีข้อจำกัดเรื่องอยู่ในพื้นที่แห้งแล้งดินทราย เก็บน้ำผิวดินไม่ได้ สร้างสระน้ำก็ไม่ได้ น้ำซึมหายหมด จึงเลือกปลูกไม้หัวแข็งแล้วค่อยแทรกไม้พื้นเมืองลงไป แปลงปลูกไม้โตเร็ว แปลงปลูกยาพาราที่นี่ จึงดูประหลาดกว่าทุกแห่ง ด้วยมีแนวความคิดที่ว่า ถ้าเราสังเกตป่าไม้ธรรมชาติทั่วไป เราจะไม่เห็นป่าเชิงเดี่ยวเกิดขึ้นบนผืนพิภพนี้ นั่นแสดงให้เห็นถึงหลักการของธรรมชาติที่สร้างกลไกความหลากหลาย เป็นตัวเสริมส่งซึ่งกันและกัน

ชุดความรู้เรื่องการปลูกป่าไม้ภาคเอกชน น่าเสียดายมากที่ปลูกเพื่อต้องการรายได้อย่างเดียว คิดว่าการปลูกยางพารา ปลูกยูคาลิปตัส ปลูกไม้อาคาเซีย หรือแม้แต่การทำไร่ ก็เน้นการปลูกมันสำปะหลัง ปลูกอ้อยอย่างเดียว ความสำคัญอยู่ที่การตั้งประสงค์ว่าจะเอาอะไร ถ้าต้องการเงินอย่างเดียว อย่างอื่นไม่เกี่ยวก็น่าเศร้า การปลูกพืชที่ผิดไปจากระบบธรรมชาติ เราอาจจะได้ผลผลิตมากแต่ที่ดินก็เสื่อมโทรมมากขึ้น ถ้าทำเพิ่มขึ้นอีกหน่อย ถึงจะไม่สมบูรณ์มากนัก แต่ก็ช่วยชะลอความเสียหายจากการปลูกพืชชนิดเดียว

แปลงป่าไม้โตเร็วของที่นี่

จึงมีการปลูกไม้ยืนต้นประเภทอื่นแทรกลงไปด้วย

เพื่อจะอธิบายว่า..วิธีนี้ทำที่ถูกต้องเป็นเช่นไร

และ ..เหตุผลที่ดีก็คือ นอกจากจะเลียนแบบธรรมชาติแล้ว ยังเป็นการเพิ่มทางเลือกได้อีกด้วย ถ้าศึกษาเพิ่มเติมอีกหน่อย เราก็จะเห็นว่าผืนป่าของเราเป็นที่บ่มเพาะทุนชีวภาพ มีเห็ด มีผักพื้นถิ่น มีแมลง นก ต่างๆเพิ่มขึ้นๆ ต้นไม้ที่ปลูกแทรกไว้นั้น ตัดเอาเฉพาะกิ่งและใบมาทำเชื้อเพลิงและเลี้ยงสัตว์ นอกจากการสร้างงานแล้ว ยังพึ่งตนเองเรื่องปุ๋ยมูลสัตว์ มีไม้เผาถ่านทำเชื้อเพลิง สิ่งที่มองง่ายๆนี่แหละถ้าไม่คิดไม่ทำให้สอดคล้องกัน ชาวบ้านก็จะต้องเสียเงินเสียเวลาไปซื้อปุ๋ยและใช้ยาฆ่าแมลงมากขึ้นๆ

ความรู้ที่ไม่พอเพียงไม่สามารถอธิบายความเพียงพอได้

ผมมีปัญหาเรื่องที่จะอธิบายแนวทางเหล่านี้

เพราะกระแสบ้าเงินมันแรงเหลือเกิน

ทั้งๆที่ทำแบบเราก็ใช่ว่าจะได้เงินน้อยกว่ารึก็ไม่ใช่

มันยังได้ความหลากหลาย ความยั่งยืน ที่พวกปลูกพืชเชิงเดี่ยวไม่โงหัวฟัง

ทำอย่างไรชาวสวนยางพาราจะปลูกยาง3แถว ปลูกไม้พื้นถิ่นแทรก1แถว

อย่าว่าแต่ชาวสวนยางเล๊ยยย แม้แต่องค์การสวนยางก็ไม่คิดประเด็นเหล่านี้

ยังฝึกอบรมชุดความรู้แข็งกระด้างอย่างดื้อดึง

ไม่คำนึงถึงความยั่งยืนอย่างแท้จริง

สักวันคงจะลมพายุพัดสวนยางล้มระเนระนาด

เรื่องความเข้าใจเกี่ยวกับต้นไม้นี่ยากจริงๆนะเธอ

แม้แต่โฉมยงเองก็สั่งให้คนงานตัดต้นไม้โตๆข้างบ้านไปหลายต้น ต้นมะขาม ต้นมะม่วงหิมพานต์ ต้นมะกล่ำอายุนับสิบปี ให้ร่มเงาให้ดอกให้ผลมาแล้วด้วย เพียงอ้างว่าใบมันหล่นใส่หลังคาบ้าน เห็นวิธีแก้ปัญหาแล้ว..ปวดหัวใจ ทำไมถึงไม่คำนึงถึงอายุและเวลาต้นไม้กว่าจะโตได้ ผมยังต้องมาอธิบายให้พี่ๆน้องๆเข้าใจว่าทำไมถึงปลูกไม้อื่นแทรกไม้โตเร็ว เขามองว่ามันได้เงินไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ถ้าปลูกเต็มพื้นที่ล้วนๆน่าจะอู้ฟู่มากกว่า แต่อย่างว่าละครับ คนไม่ได้ปลูกกับมือเขาไม่รู้อะไรหรอก ผมละอยากให้น้ำท่วมพวกนี้ตาช้กกว่านี้อีกสักพันเท่าจังเลยยย

ยากจริงๆครับ ที่จะอธิบายเรื่องมูลค่ากับคุณค่าสามารถทำร่วมกันได้

จากสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่เที่ยวนี้ คนบางกอกอาจจะคิดลู่ทางเผ่นออกมาหาพื้นที่ปลอดภัยกว่าที่อยู่เดิม เรื่องนี้ช้าไม่ได้แล้ว ข้อมูลเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิงจะขาดแคลนภายในระยะเวลา20-30ปีข้างหน้า นักอุตสาหกรรมต่างชาติออกมากว้านพื้นที่เพาะปลูกในย่านเอเซียหลายปีแล้วละครับ ประเทศพม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา อินโดนีเซีย ถูกนายทุนต่างด้าวเข้ามาทำสัญญาเช่าระยะยาวไปจำนวนมาก เขาเหล่านี้ต้องการเอาพื้นที่การเกษตรมาปลูกพืชพลังงานทดแทน ด้วยเหตุนี้ ในอนาคตราคาอาหารจะแพงและขาดแคลน ความมั่นคงด้านอาหารก็จะคลอนแคลนอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

แล้วประเทศไทยเรานี่ละจะเป็นอย่างไรบ้าง

ที่ดินเปลี่ยนมือให้ต่างด้าวไปไม่น้อยในรูปแบบหุ้นส่วนข้ามชาติ

นอกจากจะระดมปลูกพืชไร่เชิงเดี่ยวแล้ว

พื้นที่ป่าภูเขาก็มีคนเข้าไปสร้างรีสอร์ท

ป่าไม้ถูกลักลอบตัด

ป้องกันให้ตายก็เอาไม่อยู่หรอกนะครับ

ยางพารา อ้อย มันสำปะหลัง ไม้พยุง ขึ้นราคามากเท่าใด

ป่าไม้ก็ยับเยินขึ้นมากเท่านั้น

คนไทยมีชุดความรู้เปราะบางที่เป็นอันตรายต่อตัวเองและประเทศชาติ

ไทยจะล่มจม ก็  เ พ ร า ะ พี่ ไ ท ย นี่ แ ห ล ะ ก ด หั ว กั น เ อ ง

ความรู้ สำนึก สติปัญญา แห่งชาติอยู่ในระดับ > >

ยิ่งรัก ก็ยิ่งชังขึ้นทุกที

จ๋อม จ๋อม จ๋อม


คิดเล็กๆน้อยๆ

อ่าน: 1238

:: ในฐานะคนบ้านสวนที่สนใจปลูกไม้ไผ่

ดีกว่านั่งหายใจทิ้ง

มาคิดว่าถ้าจะเอาไม้ไผ่มาใช้บรรเทาทุกข์ให้แก่คนที่น้ำท่วมบ้าน

นอกจากจะเอาไม้ไผ่มาต่อแพอย่างที่กรมป่าไม้นำเสนอแล้ว

ถ้าเราเอาไม้ไผ่มาทำห้างชั้นสำเร็จรูปขนาด 6 ตารางเมตร

สูงชั้นแรก4 เมตร ชั้นที่ 2 สูง 6.30 เมตร ชั้นที่ 3สูง 8เมตร

ชั้นดังกล่าวปูด้วยฟากที่ถักเป็นแผ่นม้วนได้

:: ส่วนการตั้งพื้นก็เลือกทำเลที่ว่างข้างบ้าน-หลังบ้านมาเป็นจุดติดตั้ง

ใช้สว่านยนต์เจาะหลุม 4 หลุม ลึก 1 เมตร เสาเสริมค้ำยันไม่ต้องเจาะก็ได้

แล้วเอาเสาไม้ไผ่ฝังลงไป ยึดทุกด้านให้แน่นแข็งแรงต่อขึ้นไปเป็นชั้นๆ

แค่นี้ก็มีพื้นที่เก็บของใช้ไม้สอยได้อักโข

อุปกรณ์ใหญ่โตวางชั้นล่าง ชั้นกลางไว้เก็บของเบาๆ แบ่งมุมไว้ทำครัว

ชั้นบนสุดตบแต่งเป็นที่นอนชมดาว

ผนังด้านข้างใช้มุ้งที่เปิดปิดได้ทุกด้าน

ชั้นไม้ไผ่เอนกประสงค์นี้ทำง่าย ประกอบง่าย ราคาถูก

เหมาะกับงานเฉพาะหน้า

:: อธิบายยังไงก็คงไม่เข้าใจ

คนงานเผ่นไปกู้วิกฤติน้ำ

ไม่งั้นจะลองให้สร้างเป็นตัวอย่่าง

นอกจากนี้เศษบ้องไม้ไผ่ยังเอามาทดลองทำข้าวหลามได้

หวังว่าเรื่องนี้คงไม่ใช่

ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา นะเธอ

จ๋อม จ๋อม จ๋อม


ฉุกคิด! ฉุกคลิ๊ก!

อ่าน: 1343

ก่อนฝนตกใหญ่..ฝูงมดแก้ปัญหาอย่างไร อ พ ย พ กั น ไ ป ที่ ไ ห น  มีใครแนะนำ มีใครวางแผน เนื่องจากสังคมมดเป็นแบบไปไหนไปด้วยกัน อพยพแบบยกโขยง ทำ ไ ม เ ลื อ ก ข น ไ ข่ ไ ป ด้ ว ย  ทำ ไ ม ไ ม่ ห นี ไ ป แ ต่ ตั ว  แล้วค่อยไปอออกไข่เอาใหม่  มดไม่สมบัติใดๆให้ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เมื่อลูกพี่สั่งย้าย ทุกคนก็บ่ายหน้าเดินทางอย่างเป็นระเบียบแข็งขัน ที่สำคัญก็คือกองทัพมดเหล่านี้ อพยพก่อนที่ภัยจะมาถึง ทำไมมดจึงมีระบบเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพสูงมาก เทคโนโลยีของมนุษย์ยังด้อยกว่าของมดมากนัก

ยังมีมดบางประเภทที่ไม่เดือดร้อนกับน้ำท่วม

เพราะไปทำรังอยู่บนต้นไม้

จะลำบากบ้างตอนที่มีลมกระโชกแรง

มดแดงเป็นมดที่สุภาพสตรีทั่วโลกอิจฉา

เพราะเอวมาตรฐาน เคยเห็นมดแดงตัวไหนลงพุงไหมละครับ

จุดเด่น >> อพยพล่วงหน้า ยกโขยงขนไข่ไปด้วย รู้จุดที่ปลอดภัยไปอาศัยพักพิง ถึงจะมีคำพังเพย น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา แสดงว่ามดบางกลุ่มที่อาศัยอยู่ในที่ราบลุ่มกว้างใหญ่ น้ำท่วมมาก็หนีขึ้นต้นไม้ใบหญ้า แต่ก็คงจะมีบางตัวที่ถูกลมพัด หรือหนีไม่ทัน มดตัวเบาลอยน้ำได้ จึงตกเป็นเหยื่อของปลา ตัวที่ลอยไปเกาะต้นไม้รอดชีวิต น้ำลดก็จะมาเอาคืนปลาที่แถกตายค้างโคก

ก่อนน้ำท่วมพื้น ไส้เดือน ตะขาบ กิ้งกือ รู้ตัวล่วงหน้าก่อนไหม มี ศู น ย์ เ ตื อ น ภั ย ห รื อ ร ะ บ บ เ ตื อ น ภั ย ห รื อ เ ป ล่ า ท่านยึกยือเหล่านี้หนีภัยน้ำท่วมอย่างไร ก็คงมีบ้างที่ประสบเคราะห์กรรม ส่วนใหญ่เราจะเห็นวิธีเอาตัวรอด อ พ ย พ ไ ป แ ต่ ตั ว  แบบตัวใครตัวมัน ไม่ห่วงใยญาติโกโหติกาใดๆ ทุกท่านตกลงกันว่าต่างตัวต่างไป ถ้าพ้นภัยค่อยมาจี๋จ๋ากันใหม่ แพร่สายพันธุ์ให้อยู่ยงคงกระพันกันต่อไป

จุดเด่น >> ตระกูลท่านยึกยือจะอพยพแบบตัวใครตัวมัน มีกติกาว่า..ถ้าแยกกันหนีน่าจะสะดวกและไปได้เร็ว แต่ก็สังเกตเห็นว่า..สัตว์ที่อาศัยอยู่ในพื้นต่ำผิวดินเหล่านี้  จะมีรหัสพิเศษ มักจะหนีไปหาที่ปลอดภัย ไม่มีตัวไหนลังเลแม้แต่นิดเดียว ตัดสินใจเด็ดขาด ไม่สงสัยในระบบสื่อสารกับธรรมชาติ กลุ่มยึกยือโผล่ออกมาจากหลุม พากันวิ่ง ดิ้นกระแด่วคลืบคลานไปยังทิศทางที่ปลอดภัย แปลกแท้ๆทั้งที่ ไม่ มี ตา ม อ ง ไ ม่ เ ห็ น แต่ไส้เดือนก็เดินไปยังทิศทางที่เหมาะสม ไม่ต้องอาศัยโทรศัพท์ โทรทัศน์ ป้ายชี้บอกทิศ ระบบในตัวมีประสิทธิภาพอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นความรู้ที่พอเพียง พึ่งตนเองได้ในยามวิกฤติจริงๆ

ก่อนฝนท่วมใหญ่จะมาถึง ปลาหมอท้องแก่ที่อั้นไว้นานเต็มที วันที่อากาศจะร้อนจัด ท้องฟ้าแดดเปรี้ยง เค้าเมฆทะมึนมาแต่ไกล ท่านเชื่อไหมครับ แ ม่ ป ล า ห ม อ จ ะ พ า ก า ร ดิ้ น ก ร ะ แ ด่ ว ๆ ขึ้ น จ า ก ห น อ ง น้ำ ผ่านพื้นที่แห้งผากร้อนระอุตอนกลางวันนี่แหละ ทุกตัวตรงไปยังแม่น้ำ มากันเป็นฝูงเลยนะ แปลกแท้ๆ ป ล า ห ม อ รู้ ไ ด้ อ ย่ า ง ไ ร ว่ า จ ะ ต้ อ ง ไ ป ยั ง ทิ ศ ไ ห น รู้ระยะทางได้อย่างไร ก่อนหน้านั้นทำไมไม่พากันอพยพไปก่อน ทำไมต้องรอเดินทางในสภาพที่ไม่พร้อมเช่นนี้

จุดเด่น >> ปลาที่จับได้มีไข่เต็มท้อง เราไม่ค่อยเจอปลาเพศผู้อพยพในลักษณะนี้ หรือปลาตัวผู้หลบหนีไปก่อนหน้าแล้ว ปลาท้องแก่ น่าจะอุ้ยอ้ายกว่าปลาท้องว่าง แสดงว่าการอพยพแบบมีไข่ในท้องคงมีเหตุผลที่เราไม่รู้ เหมือนกับมดขนไข่ ทำไมไม่ไปไข่เอาใหม่ ที่สังเกตเห็นอีกเรื่องหนึ่ง ปลาจะอพยพตอนหัวลมหนาวมาครั้งแรกๆ ปลาที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำขนาดเล็ก คงรู้ตัวว่าน้ำจะเหือดแห้ง จึงตัดสินใจอพยพไปหาแหล่งน้ำใหม่ ปลาอาศัยกลิ่นจากแห่งน้ำใหญ่เป็นเครื่องบอกทิศ จึงกระโดดขึ้นจากแอ่งน้ำเหือดยามค่ำคืน ดิ้นกระแด่วไปยังทิศแม่น้ำ ชาวนาจับเคล็ดลับนี้ได้ พากันไปขุดหลุมลึกประมาณ1ศอก ดักหน้ามุมที่ปลาจะขึ้น แล้วไปดำน้ำเอาโคลนจากแม่น้ำที่อยู่ใกล้เคียงมาลูบปากหลุมที่ขุดไว้ ปลาได้กลิ่นก็พากันออกเดินไปตกหลุมนอนกองกัน ปลาที่เข้าเครื่องมือดักปลารูปแบบต่างๆ ล้วนมีความรู้ไม่พอใช้ ทำให้แพ้ภัยมนุษย์ขี้โกง

ก่อนฝนท่วมใหญ่ ปลวกที่อาศัยอยู่ใต้ดิน จะมีวิธีอุดรูภายในรังหรือเปล่าผมก็ไม่ทราบได้ สังเกตเห็นว่า จอมปลวกบางแห่งก็ยังอยู่เย็นเป็นสุขต่อมาได้ แสดงว่าในระหว่างที่น้ำท่วมผิวติน ระบบดินใต้น้ำไม่อันตรายต่อปลวกมากนัก ถ้าน้ำไม่ท่วมถาวรปลวกก็ยังพอประคองตัวอยู่ได้ ยังมีปลวกบางชนิดจะอพยพขึ้นไปอาศัยอยู่บนต้นไม้ ไปทำรังเป็นก้อนกลมๆสีดำอยู่ตามคาคบต้นไม้ กลายเป็นปลวกที่ปลอดภัยกว่าประเภทอื่น ถ้าเปรียบกับนุษย์คงจะเทียบได้กับพวกที่อาศัยอยู่บนคอนโดกระมัง

จุดเด่น >> ปลวกเหมือนกัน แต่มีวิธีแก้ปัญหาไม่เหมือนกัน วิทยาการของปลวกมีหลากหลาย อยู่ที่สายพันธุ์ไหนจะเลือกฝึกฝนทักษะให้เหมาะสมกับชาติพันธุ์ของตนเอง เรื่องนี้สังคมมนุษย์ก็คล้ายๆกับปลวก ประเทศฮอลแลนด์อยู่ในระดับต่ำกว่าน้ำทะเล ก็มีวิธีต่อสู้กับสภาพแวดล้อม ณ ที่ตรงนั้น ฟิลิปปินส์เจอมรสุม ไต้ฝุ่น ทั้งปีทั้งชาติ ก็มีชุดความรู้สู้ภัยพิบัติของเขาเอง ประเทศญึ่ปุ่นประเทศอินโดนีเซียตั้งอยู่บนรอยเลื่อนไหลของเปลือกโลก จึงเจอแผ่นดินไหวอยู่เนืองๆ งานด้านปกป้องภัยพิบัติจึงเป็นวาระแห่งชาติ เขาไม่เอาเวลามีค่าของสังคม มาทำเรื่องแยกค่ายแยกสีตีกันเผาบ้านเมืองเหมือนพวกสิ้นคิดในบางประเทศ ยามประเทศเกิดภัยพิบัติจึงไม่มีระบบอะไรมาบริหารจัดการภัยพิบัติ

ถ้าเราเรียนรู้จากสัตว์หลายๆประเภท

เราจะเห็นระบบชีวิตและสังคมที่น่าทึ่งในเหตุผลของการพึ่งตนเอง

ซึ่งต่างจากมนุษย์เราที่อ้างว่าฉลาดมีความรู้ มีทรัพย์สมบัติ

ยามเกิดภัยพิบัติเราจะเห็นวิธีแก้ปัญหาของมนุษย์อย่างน่าเวทนา

ที่อ้างว่าเจริญและมีความสมบูรณ์พูนสุขเป็นแค่ภาพลวงตาที่เปราะบาง

โครงสร้างสังคมของมนุษย์ยังห่างชั้นสังคมของสัตว์ตัวเล็กๆมากนัก

โดยภาพรวม มนุษย์ยังไม่มีความรู้ที่สะอาดพอจะมาชำระจิตใจกระดำกระด่าง..

จ๋อม จ๋อม จ่อม >>


คิดเผื่อเลือก

อ่าน: 1583

การบ้านฝากชาว สสสส.ที่ประชุมเรือนรับรอง ผบ.กองทัพเรือวันนี้คร๊าบบบบ

“ประเด็น ชีวิตคน บนพื้นฐานทรัพยากรวิถีไทย ทำยังไงถึงจะเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน”

——————————————————————————————————————

>> ถ้าบางกอกและจังหวัดบริวารกลายเป็นนครใต้บาดาลอย่างนี้อีก

เราควรจะเตรียมการอะไรไว้บ้าง

เช่น การบ้านระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว

น่าจะเป็นหัวข้อวิทยานิพนธ์

น่าจะเป็นหัวข้อโสเหล่ วงกาแฟ วงเจ๊าะแจะ และวงกะเปิ๊บกะป๊าบ

น่าจะเป็นโจทย์ของ องค์กรสาธารณะ เครือข่ายจิตอาสา ฯลฯ

น่าจะเป็นโจทย์ของหน่วยราชการ หน่วยงานที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้

น่าจะเป็นแผน ส่วนครัวเรือน ส่วนชุมชน ส่วนองค์กรชุมชน

น่าจะเป็นหัวข้อการเรียนการสอนในภาควิชาที่เกี่ยวข้องเรื่องสังคม

น่าจะเป็นหัวข้อ การวิจัย การพัฒนา

น่าจะเป็นบทละคร ภาพยนต์ นิยาย หนังสือ เพลง ตำรา นิทาน การ์ตูน

น่าจะมีคนรวมรวมรายละเอียด เบื้องหลัง ที่ทุกภาคส่วนรำพึงรำพัน

ใครหนอจะอาสา  เขียนจดหมายเหตุประเทศไทยในส่วนนี้

เก็บให้หมด ทั้งเรื่องดี เรื่องบ่ดี และเรื่องมิดีมิร้าย

ยกตัวอย่าง ประเทศญี่ปุ่นเจอภัยพิบัติบ่อยๆ ทำให้ทุกภาคส่วนช่วยกันคิดละเอียดละออ มีแผนตั้งรับต่างๆล่วงหน้า การออกแบบบ้านเรือน ของใช้ในบ้านเล็กๆบางๆเบาๆ ฝึกซ้อมการเผ่นเป็นหมวดหมู่ มีการซ้อมใหญ่เป็นระยะๆ มีการเตรียมการทั้งประเทศอย่างเป็นระบบ ทำอย่างไรประเทศเราจะเดินไปถึงตรงจุดนั้นอย่างเขาบ้าง

บริบทของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ภัยพิบัติบ้านเราน่าจะเอาเรื่องน้ำเป็นโจทย์ใหญ่ ควรจะเรียนรู้ล่วงหน้าอย่างไร ไม่ใช่จ่อมจมอยู่กับ “น้ำมาปลากินมด น้ำลดตอผุด” ปีนี้น่าจะเคลื่อนจิตสำนึกให้กระชับและเกี่ยวพันกับวิถีชีวิตในปัจจุบัน เช่น

“น้ำมา มองหาเรือ”

“น้ำน้อยย่อมแพ้ภัย มวลน้ำใหญ่ชนะกำแพง”

“น้ำเสีย น้ำมันเก่า น้ำเน่า จะเข้าไปมาแบบการขายตรง”

“กระสอบทรายที่รัก ตอนนี้อกหักเป็นแถบ”

“น้ำตาผสมน้ำไหลปล่อยมันไปไหลลงทะเล”

“สู้ๆๆนะค่ะ ฮือๆๆ”

“เอาความขมขื่นไปทิ้งเจ้าพระยา เอาน้ำตาไปทิ้งที่ไหนดี”

“น้ำล้น คนบ่มีน้ำกิน”

“น้ำมา หอบผ้าเผ่น”

“น้ำท่วม อกอ่วมทั่วหน้า”

“น้ำมา จระเข้ งู ก็มา”

“น้ำเน่าเอาขยะมาให้เชยชม”

“น้ำมาชีวาล๊อกแล๊ก”

“ลงเรือน้อย ลอยหนีปลิง”

“คนมึนงง ยิ่งกว่ากระทงหลงทาง”

“น้ำมากใช้ไม่ได้ น้ำใจช่วยด้วย!”

“หมดสภาพ แต่ไม่หมดกำลังใจ”

“น้ำมา ไฟฟ้าดูด”

“น้ำมา ประปาเหม็น”

“น้ำมาก ปัญญาน้อย จ๋อมแน่ๆ”

“น้ำกัดเจ็บ กัดเท้าเน่าเฟอะ”

“โรคมากับน้ำ แต่ไม่กลับไปกับน้ำ”

“กระสอบทรายหายาก หุ่นกระสอบหาง่าย”

“รักนะ ..จ๋อม จ๋อม จ๋อม..”

“ท่าเตียน ท่าช้าง ท่าพระจันทร์ วันนี้หมดท่า”

“บางพลัด พลัดหลงที่นาคาที่อยู่”

“ที่นี่มีน้ำบริการให้สูบฟรี”

“รักกันไว้เถิด เราเกิดน้ำท่วมด้วยกัน”

“น้ำหลาก ชาวสสสส.หันหน้ามาประชุมกัน”

“เอาน้ำมาล้างก๊วนสีแดงสีเหลืองสีช้ำเลือกช้ำหนอง ออกไปจากใจคนไทยหน่อยเถอะ”

“เอาแต่ทะเลาะกัน น้ำมันเลยหมั่นไส้”

“เห็นยังเรื่องอะไร สำคัญ สมควร สมน้ำหน้า”

แผนภัยพิบัติแห่งชาติฉบับประชาชน ควรจะมีไหมละครับ

วาระแห่งชาติฉบับประชาชน ควรจะมีไหมละครับ

จ๋อม จ๋อม


เมนูก้นครัว

อ่าน: 1663

ลุงเอกส่งข่าวผ่านไอโฟน

บอกว่าจะมีรายการนัดพบนักศึกษาโค่ง สสสส.ทุกรุ่น

เพื่อระดมสมองหาเรื่อง..เอ๊ยยย - - หาวิธีช่วยเหลือภัยน้ำท่วม

ที่ห้องรับรอง ผบ.กองทัพเรือ วันที่ 28 อ้าว ! ก็พรุ่งนี้นะสิ

ผมซื้อตั๋วไว้แล้ว..นึกว่าจะเลื่อนรายการก็เลยคืนตั๋วววว

จึงขออนุญาตระดมสมองผ่านทางบล็อกลานปัญญานะครับ..

เรื่องนี้>>เห็นทีจะต้องปรับปรุงข้อเสนอแนะเสียแล้ว

เมื่อวานโฉมยงไปตลาดแล้วซื้อข้าวเม่าใหม่มาฝาก

ข้าวเม่า..หมายถึงข้าวเปลือกที่เกี่ยวมาใหม่ๆ

ชาวบ้านเอาไปคั่วในกะทะให้สุก

แล้วเอามาตำๆๆๆ ฝัดเอาเปลือกออก

เราก็จะได้ข้าวตำสีเขียวๆแข็งๆหอมๆ

ถ้าหยิบใส่ปาก..ต้องรอให้น้ำลายทำปฎิกริยา ข้าวเม่าก็จะอ่อนนิ่มกินอร่อย แบบใจเย็นๆคำต่อคำ ถ้าเป็นเด็กอีสานจะเคยกินข้าวเม่าที่ว่านี้ ผมลองกินกับกล้วยไข่ก็อร่อยไปอีกแบบ ที่จะแนะนำก็คือให้เอาข้าวเม่านี้ผสมกับข้าวต้ม หมายถึงผสมต้มไปด้วยกัน เราก็จะได้ข้าวต้มหอมข้าวใหม่ อร่อยชื่นใจมื้อข้าวอย่างคาดไม่ถึงเชียวแหละ ลองดูะคร๊าบบบบ

ช่วงปลายฝนอย่างนี้ ผักสด ยอดผักต่างๆ เหมาะที่จะกินน้ำพริกยิ่งนัก

ถ้าคิดไปถึงพี่น้องที่ถูกปล่อยเกาะเฝ้าจ๋องๆอยู่ตามหมู่บ้านต่างๆ

แนะนำให้เอาปลาย่างมาแว็ปแล้วตำๆๆหรือเข้าเครื่องบด

เต็มเกลือเล็กน้อย ใส่พริกผงลงไปพอประมาณ

ป่นให้ละเอียดเข้าด้วยกัน

เราจะได้ปลาป่นที่พร้อมจะนำไปผสมน้ำอุ่นกลายเป็น..น้ำพริกปลาป่นตามประสายาก

ถ้าจะให้อร่อยกลมกล่อมก็หั่นมะเขือเทศ บีบมะนาว หรือหั่นตะลิงปิงใส่แทน

เติมน้ำปลาแล้วชิม

เด็ดผักที่ชอบมาจิ้มสดหรือลวกก็แล้วแต่ชอบ

ก็จะมีกับข้าวสลับกับมาม่าหรือปลากระป๋อง อาหารถุงที่จำเจ

ช่วงนี้มีสาคู มันมือเสือ  มันแกว เป็นผลไม้ทางเลือก

มะละกอ กล้วยหอม กล้วยไข่ กล้วยน้ำหว้า เลือกที่ผลแก่ตัดมาแขวนไว้

ช่วยให้มีผลไม้ในยามขัดสนได้

ผักกินใบทุกชนิดนำมานึ่ง แล้วตากให้แห้ง หรือจะอบก็ได้

ทำให้แห้งสนิทแล้วเก็บม้วนไว้ในที่แห้ง

ยามจำเป็นเอามาแช่น้ำร้อนนำไปต้ม ไปแกง ไปผัดได้

ในตลาดช่วงนี้มีคนเอาดักแด้มาขาย

ดักแด้อร่อยนะครับถ้าไม่ขย้อนว่าตัวมันเหมือนหนอน

ดักแด้เป็นตัวไหมที่สุกแล้ว

พรุ่งนี้จะลองทำเมนูเด็ด

จะทำข้าวผัดดักแด้เจี๊ยะกับส้มตำมื้อเที่ยง

ผลเป็นประการใดจะมาเล่าสู่กันฟังงงงงนะครับบบบบ

ช่วงนี้แห้วขยันไปเก็บเสาวรสมาคั้นน้ำใส่ตู้เย็นไว้

เช้า-สาย-บ่าย-เย็น แห้วก็จะถามแล้วเสริฟ

ชิมไปชิมมาก็คุ้นลิ้นรสเปรี้ยวๆหอมๆ

ชิมน้ำเสาวรสเข้มข้นแบบน้ำกรอกรูหนูเช่นนี้

แห้วบอกว่าสบายท้อง

ตั้งแต่มาจนถึงวันนี้ น้ำหนักลดลงไปได้ 2 ก.ก.

แห้วออกไปตลาดนัดซื้อเสื้อยืดโหลตัวละ5บาทมาใส่อวด

ก็ยังประเมินอะไนยังไม่ได้หรอก..จนกว่าจะถึงวันกลับบางกอก

โรงเรียนประกาศปิดยืดเวลาออกไปอีก

สบายแห้วอพยพเขาละ>>

มื้อเย็นที่ผ่านมาช่วยกันแกงคั่วหอยขม

เด็ดใบชะพลูสดใส่ลงไปค่อนข้างเยอะ

ยกมาราดแกงคลุกข้าว แถมยังคิดเผื่อไปถึงขนมจีนวันพรุ่งนี้

แห้วจะไปเด็ดยอดชะอมมาใส่ลงไปอีก

คำว่าครัวโลก มีที่ไปที่มาเช่นนี้เองหนอออ..

จ๋อม จ๋อม จ๋อม..



Main: 0.046415090560913 sec
Sidebar: 0.051286935806274 sec