ลานบ้านชลบถพิบูลย์

กันยายน 27, 2011

ฉันจะบิน บินไป ไกลแสนไกลไม่หวั่น

เลโอนาร์โด ดาวินชี ศิลปินเอกของโลกที่ได้รับการยอมรับว่าอัจฉริยะในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะการผสานความฉลาดทั้งสมองซีกซ้ายและซีกขวาของเขาให้สัมพันธ์กันนำมาซึ่งรากฐานของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นบนโลกใบใหญ่นี้

หนึ่งในรากฐานที่สำคัญที่ดาวิชีศึกษาคือ การบิน ซึ่งดาวินชีได้ศึกษาการบินของนกและนำมาใส่จินตนาการต่อเพื่อสร้างเครื่องมือที่จะช่วยให้มนุษยืบินบนฟ้าได้ และแน่นอนการริ่เริ่มของเขานำมาซึ่งเครื่องนร้่อน เครื่องบินในเวลาต่อมา ดังนั้นนกจึงกลายเป็นแรงบันดาลให้ศิลปินได้คิดสร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่ให้แก่มนุษยชาติ 

นกสำหรับครูออตเป็นสิ่งที่น่าอิจฉา เพราะมันสามารถบินได้อย่างเสรีบนอากาศ มองเห็นสิ่งต่าง ๆ จากมุมที่สูง ความสุขที่เห็นความอิสระทำให้เราอย่ากจะบินได้เหมือนนก ความคิดแบบนี้ไม่น่าจะแตกต่างจากเด็ก ที่เห็นนกแล้วคงอยากบินได้เหมือนนก

สัปดาห์นี้ครูออตจึงชวนเด็ก ๆ มาเป็นนกกัน  ครูออตชวนเด็๋ก ๆ ร้องเพลงนกน้อยถลาลม ”เจ้านกน้อยคอยบินสู่เวหา  แล่นถลาล่องลมเพลินฤดี  บิน บิน ถลา ถลา แล่นลม บินล่องบินลอย บิน ถลา ถลา แล่นลม   ” เมื่อเรื่องบินๆ อยู่ในหัวของเด็ก ๆ แล้วก็ไม่อยากที่จะชวนเขาสร้างสรรค์บิกนกของตัวเอง

เด็ก ๆ สัลบกันนอนและเขียนปีกแบบต่าง ๆ ให้เพื่อน การสลับกันทำงานจะช่วยให้เด็กยอมรับเพื่อนได้ง่ายขึ้นและร่วมมือในการทำงาน ซึ่งครูออตไม่ต้องลงแรงไปทำให้เลย เพียงนั่งดูอยู่ห่าง ๆ    เมื่อได้ปีกครบทุกคนแล้วก็ถึงเวลาที่ครูออตช่วยตัดปีกนก(ถ้าเด็กโตขึ้นมาหน่อยก็อาจจะให้ตัดเองได้ ช่วยฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กได้ดี)

เด็กทุกคนได้ปีกของตนเองแล้วก็ถึงเวลาตกแต่งปีกของตนเองให้สวยงาม เสมือนหนึ่งเป็นปีกของเครื่องบินลำใหญ่หรือปีกนกที่สวยงามหลากสี  ครูออตแอบตัดกระดาษเล็ก ๆ(เป็นขนนก) เอาไว้เพื่อให้เด็ก ๆ ติดขนกระดาษลงบนปีกของตนเอง(เช่นกันหากเด็กโตก็อาจจะให้ตัดเอง)

 

ถึงเวลานี้ เด็ก ๆ ต่างลงมือตกแต่งปีกของตนเองอย่างสนุกสนาน ในขณะทำเด็กบางคนสังเกตว่าปีกของตนเองบางเกินไปอาจจะไม่แข็งแรง หลายคนให้ครูออตติดกระดาษเพิ่มเพื่อให้มันแข็งแรง(กรณีนี้แสดงว่าเด็กรู้จักคิดเชื่อมโยงจากปีกกระดาษสู่ปีกนกจริงที่แข็งแรง และความแข็งแรงจะทำให้บินได้ ,,ในความคิดเด็ก)

เมื่อได้ปีกที่สวยงาม ตามใจปรารถนาของเด็ก ๆ แล้วครูออตเสริมปีกให้แข็งแรงและร้อยเชือกเพื่อผูกปีกติดกับแขนของเด็ก ๆ เมื่อปีกพร้อม ร่างกายก็พร้อม เด็ก ๆ วิ่งรอที่สนามเด็กเล่นเพื่อนทดสอบปีกของตนเอง โดยสมมติว่าเป็นนกยักษ์ดังนั้นที่สนามเด็กเล่นเราจึงเห็นนกยักษืไร้เดียงสาบินกันให้ว่อน

 

“ครูออคคับ ทำไมผมบินไม่ขึ้น” อิอิ เจอคำถามแบบนี้จะตอบว่าจังได๋ดีน้อ ช่วยกันตอบนะครับ………………………

 

 

กันยายน 24, 2011

จัดการความไม่กล้าด้วยสีดำ

เด็กไทยสมัยนี้กล้าขึ้น กล้าพูด การคิด กล้าแสดงออก กล้าทำ กล้าคิดโดยเฉพาะในเรื่องดีดี ปรากฎการณ์แบบนี้ครูออตเห็นว่าเป็นเรื่องดี เรื่องที่น่าส่งเสริมเพราะจะกล้าเพียงอย่างเดียวไม่ได้ มันต้องกล้าในสิ่งที่ดีสิ่งที่ถูกต้องด้วย จึงจะทำให้สังคมเราเดินทางไปสู่สังคมอุดมฮัก

แล้วเด็กที่ไม่กล้าล่ะ ควรทำอย่างไรดี?  เรื่องนี้เห็นทีนักการศึกษาต้องช่วยกันขบคิดว่าเราจะมีกระบวนการอย่างไรที่จะคอยกระตุ้นให้เรากล้าแสดงออกในความคิด ความรู้สึกของตนเอง ครูออตในฐานะที่อยู่กับศิลปะก็เห็นว่า ศิลปะน่าจะเป็นทางสายหนึ่งที่จะช่วยให้เด็กกล้าแสดงออกมากขึ้น

เด็กที่ขาดกลัว ไม่ว่าจะกลัวสิ่งที่ตัวเองวาดออกมาจะถูกหรือผิด คิดกังวล คิดสับสนในความคิดของตนเอง มักแสดงออกผ่านเส้นที่ขาด ๆ กระท่อนกระแท่น  ไม่สม่ำเสมอหรือขีดกลับไปกลับมา พฤติกรรมแบบนี้พบเห็นได้ในชั่วโมงศิลปะ และนั้นเป็นเรื่องที่เราต้องเปลี่ยนแปลงให้เขามั่นใจในตัวเองมากขึ้น กล้าแสดงออกในสิ่งที่ตนเองเห็น ตนเองรู้สึก

ในห้องเรียนวันนี้มีพี่น้องมาเรียนด้วยกัน 2 ครอบครัว  คนพี่กล้าขีดกล้าเขียน แต่คนน้องจ้องมองพี่ตลอดเวลาว่าพี่จะเขียนอะไร ดังนั้นจึงเห็นสิ่งที่คนน้องเขียนนั้นถูกลบแล้วเขียน ลบแล้วเขียนอยู่ตลอดเวลา วันนี้ครูออตจึงเปลี่ยนการวาดรูปในวิชาศิลปะนี้ใหม่โดยเปลี่ยนจากการวาดรูปธรรมดาที่คุ้นเคยเป็นการวาดภาพหมึกแบบศิลปินจีน

การเขียนภาพหมึกจีนนั้น ศิลปินจะเฝ้ามองธรรมชาติอย่างเข้าใจ ช่างสังเกตและจับอารมณ์ความรู้สึกให้ได้ ดังนั้นการรับรู้ความรู้สึกผ่านสายตาจึงสำคัญเมื่อนำมารวมกับอารมณ์ ที่จะคอยกระตุ้นสมองให้สั่งการข้อมือในการวาดภาพจึงได้ภาพที่เฉียบคม ฉลับพลัน ทันที นิ่ง งดงามและเรียบง่าย  การวาดรูปแบบนี้ช่วยให้คนวาดมั่นใจในการวาดมากขึ้น การวาดในครั้งแรก ๆ อาจจะยากแต่เมื่อฝึกฝน ศิลปินก็จะมั่นใจในตัวเองขึ้น

ชั่วโมงศิลปะคราวนี้ครูออตก็ไม่ปล่อยให้ความไม่กล้าอยู่กับเด็ก ๆ นานไป จึงลวงเด็ก ๆ ให้ออกจากห้องเรียนสี่เหลี่ยมหันออกมามองสวนสวยข้าง ๆ ห้องเรียน ให้เด็กเฝ้ามองต้นไม้ ใบไม้ที่ตนเองพบ ทั้งที่อยู่บนต้น ใบที่ร่วงลงดิน และใบที่อยู่บนดิน และวาดภาพเหล่านั้นด้วยสีหมึก เมื่ออธิบายกิจกรรมแล้ว ช่วงเวลานี้จึงปล่อยให้เด็ก ๆ บรรเลงเพลงศิลปะเพียงลำพัง เพื่อให้เด็กมีสมาธิในการทำงาน(ขออนุญาตไปจิบกาแฟก่อนนะครับ)

 

ผ่านไปไม่กี่สิบนาที ครูออตกลับมาแอบดูนักเรียนแต่ละคนทำงาน  ซึ่งมองไปอีกฟากเห็นกระดาษที่ถูกวาดสีหมึกลงไป ตากเต็มพื้น และหากดูเรียงลำดับไปทีละชิ้นเราจะพบว่า เส้นของการวาดของเด็ก ๆ มั่นคงและสม่ำเสมอขึ้น และภาพวาดเหล่านั้นช่างเดียงสาไม่ต่างจากศิลปินพู่กันจีนเอาเสียเลย

 

เมื่อได้ผลงานเป็นที่พอใจและเยอะขนาดนี้ ครูออตจึงชวนเด็ก ๆ เอาผลงานของตนเองไปติดที่ผนัง เพื่อโชว์ผลงานให้ทุกคนได้ชม ได้รู้ว่าพวกเรากล้ามากขึ้น กล้าตัดสินใจ กล้าขีดเขียน แล้ววันหนึ่งความมั่นใจของเด็ก ๆ คงจะเพิ่มขึ้นเหมือนกิจกรรมการวาดสีหมึกในวันนี้

เจอกันกิจกรมครั้งต่อไป 

มิถุนายน 1, 2010

Green Art

กระแส “โลกร้อน” กำลังมาแรง การช่วงชิงและเกาะกระแสเพื่อนำมาเป็นเครื่องมือในการสอนศิลปะจึงถือว่าเป็นโอกาสที่ครูจะได้ทดลองกับเด็ก ๆ ที่น่ารัก

เพราะการสร้า้งโลกสีเขียวหากเรา “สร้างในหัวใจของเด็ก ๆ”  ตั้งแต่วันนี้เราจะได้โลกสีเขียวที่งดงามและออกดอกสีชมพูให้เราได้ชื่นชมไปอีกนานเท่านาน

เช้าวันนี้ครูออตพาเด็ก ๆ เดินไปที่สวนข้างห้องเรียนในบรรยากาศที่แดดร้อนและอากาศแทบจะหายใจเข้าเป็นไอร้อน ซึ่งสวนข้างห้องเรียนเป็นทั้งสนามเด็กเล่นของเด็ก ๆ แต่วันนี้อากาศร้อนจริง ๆ จนเด็ก ๆ ไม่อยากออกมาเล่นสนาม แม้ชีวิตเด็กกับสนามเด็กเล่นดูแยกกันไม่ออก แต่วันนี้โลกร้อนก็ส่งผลต่อ “วิถีการเล่นของเด็ก ๆ” เช่นกัน

ครูออตชี้ชวนให้เด็ก ๆ สัมผัสกับอากาศอันแสนร้อนและชี้ชวนให้เด็ก ๆ สัมผัสความเย็นของอากาศเมื่อเรามายืนใต้ร่มมะขามที่สนามเด็กเล่น ซึ่งเด็ก ๆ ประจักษ์กันถ้วนหน้าว่าต้นไม้ช่วยลดความร้อนให้เด็ก ๆ ได้ ดังนั้นครูออตจึงชวนเด็ก ๆ เก็บเมล็ดพันธุ์พืชที่หล่นอยู่รอบ ๆ สนามนั้น เมื่อได้เมล็ดพันธุ์พอประมาณเราจึงย้ายกลับเข้าไปทำงานกันที่ห้อง

วันนี้ครูออตชวนเด็ก ๆ วาดสวนของตนเอง และปลูกเมล็ดพันธุ์ที่เด็ก ๆ เก็บมาจากสนาม นำมาปลูกลงบนกระดาษ(ที่วันนี้ืคือสวนของเด็กๆ) โดยใช้กาวติดเมล็ดพันธุ์ลงไป ในขณะเดียวกันก็หาวัสดุอื่น ๆ มาเสริมเพื่อให้เด็ก ๆ สมมติมันเป็นเมล็ดพันธุ์พืชอื่น ๆ ตามแต่จินตนาการของเด็ก ๆ เมื่อเด็ก ๆ เข้าใจกิจกรรมแล้วต่างลงมือกันอย่างสนุกสนาน

เมล็ดพันธุ์ต้นไม้ที่เราเจอที่สวนข้างห้องเรียน วันนี้กลายมาเป้นอุปกรณ์ศิลปะที่แสนจะประหยัดเงินซื้อ

สีน้ำถูกนำมาใช้เพื่อสร้างสีสันในสวนของเด็ก ๆ

สวนของเด็ก ๆ ที่ลงมือประติดเมล็ดพันธุ์ลงไปในสวนเรียบร้อยแล้ว

เสร็จแล้วก็ลงสีตามใจปรารถนา ใครใคร่จินตนาการให้สวนของตนเองมีสีอะไรก็ตามใจไม่บังคับ

เด็ก ๆ กับผลงานที่ภาคภูมิใจ อย่างน้อยเขาก็ปลูกต้นไม้เพื่อโลกของเขาในอนาคต แม้จะเป็นต้นไม้ในหัวใจแต่ก็นับว่ามีคุณค่าเกินกว่าจะมองข้ามได้

Powered by WordPress