บ้านชานเมือง (8) 35 ปีแห่งความหลัง
35 ปี แห่งความหลัง
ที่มอบช่อดอกไม้ให้เธอ
ยังคงเหมือนเดิมมิเปลี่ยนแปลง
ขอมอบดอกไม้หลากสีให้เธอ
มั่นคงเสมอไม่เปลี่ยนแปลง
รวมบันทึก 35 ปีแห่งความหลัง
35 ปี แห่งความหลัง
ที่มอบช่อดอกไม้ให้เธอ
ยังคงเหมือนเดิมมิเปลี่ยนแปลง
ขอมอบดอกไม้หลากสีให้เธอ
มั่นคงเสมอไม่เปลี่ยนแปลง
รวมบันทึก 35 ปีแห่งความหลัง
ดอกไม้ที่มีหลายสีที่บ้านชานเมืองก็คือ ดอกเข็ม มีทั้งสีแดง สีแสด สีชมพู และสีขาว มีทั้งเข็มไทย เข็มเทศ เข็มอินเดีย (ฟังคนเอามาปลูกว่า…อิอิ) ดอกเข็ม เป็นดอกไม้ที่จำได้ว่า ในตอนเป็นเด็กนักเรียนคุณครู บอกว่าจะใช้เป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งในหลายชนิด สำหรับใช้ในการไหว้ครู แล้วจะทำให้เรามีปัญญาเฉียบแหลมเหมือนเข็ม อีกอย่างคือดอกหญ้าแพรก จำได้ว่าจะทำให้สมองและปัญญาเราแตกฉานมากมายเหมือนดอกหญ้าแพรก ไม่ทราบว่าสมัยนี้ยังใช้กันอยู่หรือเปล่า
ขอให้ทุก ๆ ท่าน จงมีปัญาที่เฉียบแหลมเหมือนเข็มนะครับ
ในช่วงหยุดยาว 3 วันที่ผ่านมาของคนวัยทำงาน สำหรับ สว. อย่างเรากลับเป็นช่วงที่เดินทางเข้ากรุง เพื่อไปทำธุระสำคัญหลาย ๆ อย่าง เราเดินทางกลับมาถึงบ้านชานเมือง ในช่วงบ่ายของเมื่อวาน เมื่อคืนเข้านอนเร็วกว่าทุก ๆ คืนที่ผ่านมาเนื่องจากสองคืนที่ผ่านมานอนไม่ค่อยหลับ ด้วยสาเหตุหลาย ๆ อย่างตามแบบ สว.
เช้าวันนี้ตื่นขึ้นมา เดินออกไปรดน้ำต้นไม้ ได้รับความสดชื่นจากการได้เห็นดอกไม้ต่าง ๆ เบ่งบานชูช่อล้อแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้า โดยเฉพาะดอกกุหลาบหลากสีที่เจ้าของนำมาปลูกไว้ตามมุมต่าง ๆ ของบ้าน อ่านต่อ »
เมื่อวานลูกคนเล็กพาสอง สว. เดินทางจากบ้านชานเมืองโคราช แต่เช้าเวลา 8.00 น ไปขึ้นรถทัวร์ที่ บขส. ได้ออกเดินทางเวลาประมาณ 8.30 น. ถึงเมืองกรุงฯ หมอชิต 2 เที่ยงวันพอดี ลูกคนกลางพร้อมคู่หูมารอรับ พาไปรับประทานอาหารกลางวัน ก่อนไปเยี่ยมญาติสองสามแห่ง ตอนเย็นนัดญาติบางครอบครัวมารับประทานอาหารร่วมกัน
วันนี้แม่และลูก ๆ เดินทางออกไปธุระเรื่องตัดเสื้อผ้าไว้สำหรับงานสำคัญช่วงปลายปีนี้ ผมเลยขอพักผ่อนอยู่ที่ บ้านกลางเมืองของลูก
ได้ยินว่าท่านหลินฮุ่ย นัดเจอกับ คุณป้าแห่งชาติ (ป้าจุ๋ม) เพื่อพาไปพบช่างตัดเสื้อผ้า เจ้าประจำของป้าจุ๋ม มาเมืองกรุงทีไร ชาวภูธรอย่างเราก็ได้อาศัยความเอื้อเฟื้อจาก ชาวเฮฮาฯ ใน กทม. อย่างดี….ขอบคุณหลาย ๆ เด้อครับเด้อ
เมื่อฝนหายลมหนาวเริ่มมา ทำให้ตลาดนัดหน้าบ้านเริ่มคึกคักขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีผู้คนมาจับจ่ายซื้อของมากขึ้น มีสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น นั่งอยู่ที่หน้าบ้านเห็นผู้คนหลากหลายวัยมาตลาดนัด บ้างก็มากันทั้งครอบครัวพ่อแม่ลูก เท่าที่สังเกตมักเป็นครอบครัวใหม่ เพิ่งมีโซ่ทองเชื่อมโยงคนแรกจึงมากันครบ บ้างก็มากันเป็นคู่ มีทั้งคู่ตายาย ซึ่งบางคู่ขับรถมาจอดตารออยู่ที่รถปล่อยให้ยายไปจับจ่ายซื้อของคนเดียว แต่บางคู่ก็น่ารักมากเดินไปชมตลาดและซื้อของด้วยกัน ที่มาเป็นคู่อีกแบบหนึ่งที่เป็นวัยรุ่น มักจะซ้อนรถจักรยานยนต์กันมา แน่นอนครับมาแบบนี้ต้องเดินชมและช๊อปด้วยกันตลอดเวลา บางคู่ก็กลัวจะพลัดหลงกัน จึงต้องเดินจึงมือกันตลอดเวลา คู่ที่เดินจูงมือกันแต่วัยต่างกันมากอีกแบบหนึ่งที่เห็นก็คือ ยายมากับหลาน (ดังในภาพบน) ที่ยายจูงหลานบ้าง หลานจูงยายบ้าง แล้วแต่กรณี ที่มาคนเดียวส่วนใหญ่ก็จะเป็นวัยทำงานแวะมาหลังจากเลิกงาน หรือเป็นแม่บ้านที่อยู่บริเวณนั้น เดินมาหรือขี่จักรยานมาก็มี
ช่วงปลายฝนต้นหนาว อากาศเริ่มเย็นลง ต้นไม้ได้รับความชุ่มชื่นจากฝนและอุณหภูมิที่ต่ำลง ทำให้เราได้เห็นไม้ดอกต่าง ๆ เริ่มแข่งขันกันออกดอกชูช่อ ให้ความร่มรื่นและชื่นบานแก่เจ้าของและผู้มาเยือน
ช่วงปลายฝนที่บ้านชานเมืองปีนี้ มีพายุ ลมฝนเข้ามาสู่ประเทศไทยและมีอิทธิพลต่อบริมาณน้ำของภาคต่าง ๆ ของประเทศกันถ้วนหน้า วันไหนฝนตกหนัก ถนนหน้าบ้านกลายเป็นทางน้ำไหลไปเกือบครึ่งถนน สาเหตุเนื่องจากมีการถมที่เพื่อ สร้างบ้านเรือนใหม่ โดยถมที่ให้สูงกว่าพื้นที่ข้างเคียงเดิม แถมไม่มีการจัดทำท่อระบบายน้ำที่ดีพอ การไหลของน้ำจึงมีปัญหา ทำให้เกิดน้ำท่วมขังเมื่อเวลามีฝนตกหนัก เหตุการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องที่ชาวเมืองใหญ่ โดยเฉพาะชาวกรุงบางพื้นที่คุ้นเคยกัน ตอนนี้ก็ระบาดมาถึงเมืองใหญ่ ๆ ในต่างจังหวัดกันด้วยแล้ว ทางองค์กรปกครองท้องถิ่นน่าจะมีมาตรการเพื่อป้องกันได้(ถ้าสนใจหรือใส่ใจ) อ่านต่อ »
เช้าวันอาทิตย์ ออกไปเดินที่สนามหญ้าเห็นดอกปีบหล่นเกลื่อนอยู่บนพื้นจำนวนมาก จึงแหงนมองดูต้นปีบที่ นำมาปลูกตอนที่ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านนี้ โดยนำกล้าไม้ต้นเล็ก ๆ สูงเพียงไม่กี่นิ้วมาปลูก แต่ตอนนี้กลายเป็นต้นปีบที่โตและสูงมากกว่า 8 เมตรแล้ว ปีนี้เป็นปีแรกที่ผมได้มีโอกาสเห็นดอกปีบจำนวนมากร่วงลงสู่พื้นพร้อม ๆ กัน อาจจะเป็นเพราะเพิ่งมีโอกาสอยู่บ้านในช่วงนี้ หลังจากต้นปีบโตจนมีดอก ทำให้นึกทบทวนถึงวันเวลาผ่านไปเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ สิบปีของการออกมาอยู่ที่บ้านนี้ กล้าไม้ขนาดเล็กเจริญเติบโตจนเป็นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ออกดอกส่งกลิ่นหอมให้เราได้รับความสดชื่นและได้ชื่นชมความงามของมัน การปลูกต้นไม้ในบริเวณบ้านนอกจากจะให้ความร่มรื่นและทำให้มีจิตใจแจ่มใสแก่ผู้อยู่อาศัยแล้ว ยังถือว่าเป็นการช่วยลดโลกร้อนได้อีกด้วย
วันอาทิตย์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้เวลาว่างยามเช้านั่งพักผ่อน รับอากาศที่สดชื่น ที่โต๊ะหินล้อมรอบด้วยไม้ดอกไม้ใบต่าง ๆ ที่ปลูกไว้ ก็เป็นการพักผ่อนที่มีความสุขได้ง่าย ๆ ในวันหยุด ที่บ้านชานเมือง
วันนี้นำรูปบริเวณบ้านในช่วง ปี 2003 มาให้ชมเปรียบเทียบกับในปัจจุบัน (ปี 2009) จะเห็นได้อย่างชัดเจนถึงความเปลี่ยนแปลงครับ
จากที่มีสนามหญ้ากว้างและมองเห็นบ้านข้างเคียงได้ชัดเจน ปัจจุบันมองไม่เห็นเพื่อนบ้านแล้ว การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี ย่อมขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่ในหลาย ๆ อย่าง ก็ขึ้นอยู่กับเราด้วยที่จะจัดการให้เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด เช่นเดียวกับชีวิตเราย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่เราก็สามารถที่จะจัดการให้การเปลี่ยนแปลง เกิดขึ้นในทิศทางใดด้วยตัวของเราเองได้ด้วยเหมือนกัน
วันนี้ฝนตกโปรยปรายลงมาในช่วงเช้าและบ่าย ทำให้ต้นไม้ดอกไม้ในบริเวณบ้านดูสดชื่นเป็นพิเศษ เดินออกไปหน้าบ้านเพิ่งสังเกตว่า บริเวณประตูหน้าบ้านมีเถาของต้นสายน้ำผึ้งเลื้อยมาปกคลุมและกำลังออกดอก มีทั้งดอกตูมและดอกบาน ส่งกลิ่นหอมในยามเย็นและค่ำคืน จึงเก็บรูปมาฝากครับ