ชวนมาอ่านกันหน่อย
อ่าน: 2291นั่งรอลูกชายไม่รู้จะทำอะไรนอกจากหาอะไรอ่าน แล้วก็เลยเข้าไปหาอาจารย์กู ไล่ๆอ่านอะไรที่อยากอ่านแล้วไปเจอเรื่องของหมอคนหนึ่ง สะดุดใจกับเรื่องชื่อว่า จะเป็นผู้เดียวกับคนที่รู้จักเขารึไม่ แล้วเป็นการรู้จักผ่านหนังสือหรอกนะ มิใช่รู้จักตัวเป็นๆ จึงเปิดเข้าไปอ่านดู ปรากฎว่าเป็นบทสัมภาษณ์ที่มีความเห็น ความคิดที่น่าสนใจเล่าเอาไว้ อ่านแล้วรู้สึกดีกับเจ้าของเรืองราวที่ถูกสัมภาษณ์จึงเก็บเกี่ยวเอามาไว้ที่นี่
ที่ไปเก็บเกี่ยวมาไว้นี้ เพื่อใช้อ่านและพิจารณาเปรียบเทียบความเหมาะควรในการดำรงตนประเมินตนว่า ณ ปัจจุบัน ฉันเองดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาทแค่ไหนเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ มิได้มีเจตนาให้ใครที่เข้ามาอ่านรู้สึกไม่ดีต่อคำว่า “โรค” ด้วยว่าการเป็นโรคหรือป่วยไข้นั้น มันเป็นแค่ผล หาใช่เหตุไม่
ไม่ใคร่เข้าใจว่า ทำไมคนมักจะกลัวผล แต่ไม่กลัวเหตุ ลองไปอ่านดูละกันนะ อะไรที่เป็นประโยชน์สำหรับการแก้เหตุของตน ก็นำไปปรับใช้เอาเอง เพื่อไม่ให้เกิดผลที่หลงไปกลัวมันกันอยู่
อันที่จริงความกลัวนะจัดการได้ไม่ยากหากเข้าใจตัวเอง และถ้ากลัวให้ถูกเรื่อง ผลที่ไม่ต้องการมันก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะจัดการเหตุได้ตรง ชวนไปอ่านกันค่ะ เรื่องราวอยู่ที่นี่ค่ะ
« « Prev : วัคซีน
Next : กลัวไตไม่่ดี กินผักก็ให้ระวังด้วย » »
6 ความคิดเห็น
อ่านแล้วค่ะ ดีมากเลย
คุณหมอท่านใช้เวลาแค่สัปดาห์เดียวในการเปลี่ยนความคิดและจิตใจตัวเอง
สุดยอดจริงๆค่ะ
คล้อยตามนะคะว่าเป็นเรื่องที่ปรับทำได้ไม่ยาก
ยกเว้นอากาศ…รู้สึกว่าถ้ายังต้องอยู่อย่างนี้ ต้องหาโอกาสไปสูดอากาศดีๆ เป็นระยะๆ แทนน่ะค่ะ
วิธีการหายใจของท่านก็คล้ายของโยคีค่ะ
ดีจังเลยค่ะที่พี่สาวตาเอามาแนะนำ…ขอบคุณนะคะ
ขอบคุณค่ะ น้องสาวตา(หวาน) ตามไปเก็บมาอ่านแล้วค่ะ
#1 คนใจเหี้ยมไงน้อง(ท่านว่าไว้ในคำสัมภาษณ์) ก็เลยเด็ดขาด กล้าลงมือทำ สัปดาห์เดียวเห็นผล เป็นตัวอย่างคนใจเด็ดเลยน่อ
จะหาอากาศดีๆ ก็ต้องให้โอกาสตัวเอง พาตัวเองไปในที่ให้อากาศดีๆบ่อยๆให้ได้ หรือเล็งให้เห็นที่ๆมีอากาศดีๆใกล้ตัวให้เจอ แล้วแวบไปให้ได้ทุกวัน เอางานไปนั่งทำได้ยิ่งดีใหญ่
#2 น่าสนใจวิธีคิดของท่านนะค่ะ แม่ยกขา
ทำใจได้ยังไง เอาชนะความเจ็บปวดเหลือขนาดเลยนะค่ะนั่นนะ อึดจนนับถือน้ำใจเลยค่ะ
เรื่องของท่านสอนเรื่อง ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ของจริงเลยค่ะพี่ หลั่งน้ำตาเพราะความเข้าตาจนแล้วก็ฮึดสู้ ที่จริงมันก็ดี แต่ว่าเจ็บปวดเหลือใจเชียวแหละกว่าจะสู้ไหวนะ
ความกลัวที่ผลโดยที่ไม่กลัวที่เหตุ เพราะเหตุที่มีความกลัวเลยมองข้ามไปที่ผล
#5 พอมองข้ามไปที่ผล ก็เลยยิ่งกลัวไปใหญ่ ไม่ยอมหันหน้าค้นหาเหตุ หนีห่างปล่อยเหตุไว้ไม่แก้ เลยยิ่งใกล้ๆผลเข้าไปใหญ่ จนผลกลายเป็นเนื้อเดียวกับตน สะสมผลร้ายๆไว้ในตัว คิดดูเอาค่ะว่ามองย้อนอดีตแล้วรู้สึกอย่างไรมั่งกับตัวเอง ตัดสินตัวเองอย่างไร สรรเสริญ ชื่นชม อภัยให้ รึว่า ลงโทษ ล้วนเป็นผลจากความกลัวตั้งกะเริ่มนะแหละค่ะ
เรื่องนี้คนเป็นหมอเองก็รู้ซึ้ง ว่าฤทธิ์ของตัวนะทำให้เกิดอะไร จึงหันหลังมาเปลี่ยนแปลงตัว ซึ่งเกือบจะสาย แต่โชคดีที่ไม่สาย ด้วยความใจเด็ดของท่านเอง ทางสว่างแห่งชีวิตจึงได้มา…..และท่านได้บอกเน้นเรื่อง….อากาศนะสำคัญสำหรับสุขภาพนะ