๒.สู่เส้นทางสายไหม
อ่าน: 1570
โรงแรม เมื่อเราไปถึงเมืองจีนเขาจัดที่พักให้เราอย่างดี ที่ซีอานเราได้พักที่โรงแรมไฮแอตซีอาน ท่านณัฐวุฒิบอกว่าถ้าอ่านเป็นภาษาจีนต้องอ่านว่าโรงแรม ไหฟัต ฮิฮิ…ที่โรงแรมนี้เมื่อเราไปถึงไม่มีคนมาปรบมือต้อนรับ แต่ที่หน้าโรงแรมจะมีน้ำพุ ผมฟังเหมือนเสียงปรบมือที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่รู้ว่ามีใครสังเกตบ้างหรือเปล่า พอเราย้ายจากไฮแอตซีอานไปที่หลานโจวเราพักที่หนิงวูซวงโฮเตล คราวนี้จะมีพนักงานโรงแรมมายืนต้อนรับที่หน้าประตูโรงแรม พอท่านอัยการสูงสุดลงจากรถพนักงานก็จะปรบมือต้อนรับ พอเรากลับก็มายืนเข้าแถวยกมือบ๋ายบาย ที่หลานโจวตึกที่เราพักอยู่ไปทางด้านในสุดดูเหมือนจะยกตึกด้านที่พวกเราพักให้เฉพาะคณะพวกเราเลย เพราะตึกที่เราพักเขาเขียนว่า “VIP BUILDING NINGWOZHUANG HOTEL” ที่เจี่ยยู่กวงและที่ตุนฮวงก็เช่นเดียวกัน ดูค่อนข้างจะให้เกียรติพวกเรามากอย่างที่เจี่ยยู่กวงเราพักกันที่โรงแรมกำแพงเมืองจีนในโรงแรมก็บอกว่าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ก็เคยประทับ ส่วนที่ตุนฮวงเราพักที่ตุนฮวงโฮเตลเมื่อพวกเราจะกลับเจ้าหน้าที่โรงแรมจะมาถ่ายรูปร่วมกับคณะของพวกเราด้วย แล้วรีบออกมายืนเข้าแถวยาวหน้าโรงแรมโบกมือให้กับพวกเรา ผมเห็นหลายคนมองตาละห้อย อย่าให้บอกเลยว่าใครบ้าง มันบาป…..เฮอะๆๆ
อาหารการกิน การเป็นแขกบ้านแขกเมืองนี่เหนื่อยเอาการเหมือนกัน เพราะแต่ละแห่งจะมีประธานสภาประชาชนมณฑล อย่างต่ำก็รองสภาประชาชน อัยการสูงสุดมณฑลหรือรองอัยการสูงสุดผู้รักษาการมาต้อนรับคณะของเรา ดังนั้นอาหารแต่ละมื้อจึงเป็นอาหารอย่างดี อย่างต่ำจะต้องมี ๑๖ อย่าง อย่างมากถึง ๒๑ อย่าง มีทั้งการเลี้ยงรับรองเป็นทางการและไม่เป็นทางการ แต่ก็เหนื่อยพอๆกัน ก่อนทานอาหารทุกมื้อถ้าเป็นการเลี้ยงแบบทางการก็จะมีการกล่าวต้อนรับกับ “กัมเปย” เหล้าอู่เหลียงเย่ ชนแก้วกันจนร่างกายอบอุ่น เพราะขณะที่เราเดินทางไปตามเส้นทางสายไหม อากาศจะหนาวประมาณ ๑-๑๒ องศาเซลเซียส อาหารที่เขาสั่งมาต้อนรับพวกเราก็จะมีอูฐ แกะ กระต่าย หมู อาหารทะเล ผัก ผลไม้ ผมติดใจผักกรอบอร่อยมาก ทั้งๆที่รู้ว่าเขาใส่ปุ๋ยธรรมชาติ เอิ้ก…
เราทึ่งกับการทำเส้นบะหมี่ที่ใช้มือดึงแล้วออกมาเป็นเส้นเท่าๆกัน ทั้งมีขนาดเล็ก ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ที่เมืองหลานโจว ผมแอบไปถามพนักงานเสริฟคนที่น่ารักที่สุดนั่นแหละ แฮ่ะๆๆ ได้ความว่าเขาเรียกว่า “ลาเมี่ยน” ซึ่งแปลว่า “บะหมี่ดึง” ท่านสังเกตไหมว่าชื่อลาเมี่ยนคล้ายๆกับชื่ออะไรที่เด็กไทยยุคใหม่ชินกันดี บะหมี่ราเม็งไง
ที่เมืองฉานซีท่านประธานสภามณฑลฉานซีท่านบอกว่า ที่เมืองนี้แอปเปิ้ล อร่อยที่สุด ผมได้ทดลองแล้วต้องยอมรับว่าเป็นแอปเปิ้ลที่อร่อยที่สุดเท่าที่ผมเคยได้รับประทานมา เพราะทั้งหวาน กรอบและหอม ส้มจักรพรรดิก็อร่อยลูกขนาดหัวแม่โป้งเท้าข้างในไม่มีเมล็ด หวานดี เพราะความที่ชอบทานผมจึงขอสรุปว่าอาหารที่เขานำมาเลี้ยงเราอร่อยทุกอย่าง
เราได้ลองกินอุ้งตีนอูฐ คนอื่นไม่รู้แต่ผมลองทุกอย่างที่ขวางหน้า ทราบแต่ว่าท่านอัยการสูงสุดท่านมังสวิรัติ ท่านพยายามหลีกเลี่ยงเนื้อทุกชนิด ผมได้แต่ภาวนาในใจว่าแม้เจ้าภาพรู้แล้วว่าท่านมังสวิรัติก็อย่าจัดแต่ผักอย่างเดียวมาก็แล้วกัน โชคดีที่เจ้าภาพเขาก็ชอบเนื้อ ฮิฮิ เราก็เลยยังได้ทานเนื้อแต่ว่าก็ว่าเหอะได้อาศัยใบบุญท่าน อสส.จึงได้ทานอาหารดีๆ แพะย่างทั้งตัว,อุ้งตีนอูฐผมว่าคล้ายๆกับคากิ มาถึงเมืองไทยยังนึกถึงล่ามแปลให้ฟังว่าอาหารที่เขายกมาเป็นแพะ ภาษาอังกฤษที่อัยการจีนบอกก็คือ Lamp เรารู้ดีก็เลยว่าอ๋อ แปลว่าแกะ แต่พอกลับมาศึกษาเรื่องราวของเมืองจีนจึงรู้ว่า อาหารขึ้นชื่อที่เขาสั่งให้เราทานคือ “แพะยา”หรือ”ย่าวหยาง” เพราะบนภูเขาดินแดงมีสมุนไพรเยอะ แพะที่ปล่อยให้หากินตามเชิงเขาก็จะกินสมุนไพรพวกนี้เข้าไปเขาก็เลยเอาแพะมาทำอาหารบำรุงร่างกายคนอีกต่อหนึ่ง นี่ดีนะไม่ได้กินหมูสมุนไพร เพราะถ้ากำลังกินอยู่แล้วได้ฟังชื่อหมูที่เอาเข้าปากอาจจะคายทิ้งทันทีเพราะอาหารที่ว่าเรียก “เจวี๋ยหมาจู” ฮ่าๆๆๆ
ผู้คน เวลาผมไปไหนมาไหน ผมก็ชอบสังเกตไปเรื่อยๆตามสิ่งที่พบเห็นบางครั้งเพื่อนถามว่าสิ่งที่ผมพูดถึงไปเห็นที่ไหนเพราะเขาไม่ได้สังเกต ที่เมืองจีนจะมีผู้คนหลากหลายแต่ผมถ่ายภาพมาไม่หมด เช่น ที่ปักกิ่งจะมีขอทานออกมาเพ่นพ่านตอนกลางคืน เดินตื๊อขอเงินทั้งคนแก่ กลางคนและเด็ก การขอก็ขอแบบไม่สนใจว่าคนถูกขอจะรำคาญหรือไม่รำคาญ ถ้าไม่ให้บางทีก็ถูกหยิก ในกรุงปักกิ่งผมเจอคู่บ่าวสาว ๒ คู่ มาถ่ายภาพงานแต่งงานนอกสถานที่ ก็เลยไปถ่ายภาพกับเขามาด้วยและยังเห็นกางเกงของเด็กจีนจะมีการผ่าหน้าถึงด้านหลัง เวลาเด็กปวดอึก็นั่งยองๆถ่ายได้เลยไม่ต้องถอดกางเกง เด็กชาวจีนทั้งเด็กเล็กเด็กหนุ่มเด็กสาว แก้มจะเป็นสีชมพูที่เขาเรียกว่าแก้มแดงเป็นลูกท้อเพราะอากาศหนาว ผมถ่ายภาพความน่ารักของเด็กมาหลายภาพ บางครั้งก็จะเห็นคนชรามานั่งปล่อยอารมณ์อยู่ในสวนสาธารณะ ไอ้ที่กอดจูบกันตัวเป็นเกลียวบนเก้าอี้นั่งข้างถนนในกรุงปักกิ่งแบบไม่แคร์สายตาผู้คนก็หลายคู่ ชาวจีนเขาไม่มองกันเหมือนกับจะถือว่าเรื่องเอ็งข้าไม่เกี่ยว(ภาพประกอบเจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวนั้นเขามาถ่ายรูปงานแต่งงานกันครับ แต่เราสงสัยว่าเจ้าบ่าวเป็นเด็กหรือเป็นผู้ใหญ่ ฮ่าๆ)
มาดูความน่ารักของเด็กกันครับ
ดูการแสดง ที่เมืองซีอานเขาพาเราไปทานอาหารเย็นแล้ว พาไปดูการแสดงระบำสมัยราชวงศ์ถัง ต้องยอมรับว่าสวย ที่โรงระบำเขามีให้ทานอาหารด้วย เหมือนดินเนอร์และมีการแสดงไปในตัวโต๊ะจะหันข้างให้กับเวที ผมแทบไม่ได้นั่งเพราะอยากถ่ายรูป ที่การแสดงนี้ที่ผมประทับใจมากคือการเป่าขลุ่ยจีนลักษณะเป็นแพคล้ายแคนแต่เป่าแบบเม้าท์ออร์แกน เสียงแหลมสูง เป็นความสามารถเฉพาะตัวการแสดงชุดนี้เรียกเสียงปรบมือได้นานที่สุด
อีกชุดที่เราได้ดูคือที่ปักกิ่ง เป็นเหมือนงิ้ว ความสามารถของผู้แสดงดีมาก โฆษกเป็นผู้หญิงมีเค้าว่าสวยมากเมื่อ ๒๐ ปีที่แล้ว ที่นี่เราได้เห็นความสามารถในการเล่นดนตรี เครื่องดนตรีสี่ชิ้น คนเล่นสี่คนแต่ละคนเล่นดนตรีของคนอื่นด้วยเล่นของตัวเองด้วย ไม่รู้เขาแยกประสาทยังไง ระหว่างการแสดงมีการล้อเลียนคนไทยด้วย จบการแสดงยังมีของที่ระลึกให้ท่านอัยการสูงสุดและให้ท่านลงนามในสมุดเยี่ยม
ความคิดเห็นสำหรับ "๒.สู่เส้นทางสายไหม"