การขยายผลเกษตรประณีต ๑ ไร่

อ่าน: 3009

             เมื่อวานนี้เรา มีโอกาสดีที่ได้ไปร่วมการเสวนา “การขยายผลเกษตรประณีต ๑ ไร่ ไปสู่ ๑ ล้านครัวเรือนในภาคอีสาน ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวตกรรม” กับทางเทคโนธานี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) กับ คุณสถาพร ซ้อนสุข หัวหน้าโครงการเกษตรเพื่อสุขภาพ และคณะ ที่ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริ ของพ่อจันทร์ที ประทุมภา ปราชญ์ชาวบ้าน ที่หลาย ๆ ท่านคงรู้จักกันดี  ในการเสวนาครั้งนี้เป็นโอกาสทองของเราที่ได้เรียนรู้จากสุดยอดปราชญ์ชาวบ้านของภาคอีสานหลาย ๆ ท่านนอกเหนือจากพ่อจันทร์ที เช่น พ่อผาย สร้อยสระกลาง ที่ในช่วงที่ผ่านมาออกทีวีในเรื่อง “เราจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้อย่างไร”  พ่อคำเดื่อง ภาษี  พ่อไพรัตน์ ชื่นศรี  และ ท่านอื่น ๆ ที่เป็นผู้รู้จากการปฏิบัติจริงอีกหลายท่านที่มาร่วมเสวนาในครั้งนี้ อ่านต่อ »


วุฒิอาสาร่วมพัฒนาชุมชน (๕) แบ่งกลุ่มแนะนำตามความเชี่ยวชาญ

อ่าน: 3338

      ในช่วงท้ายของการทำประชาคมกับชุมชนบ้านใหม่ในครั้งนี้ หลังจากการสอบถามถึงปัญหาและความต้องการของชุมชนแล้ว  ท่านประธานวุฒิอาสาฯ ได้จัดให้มีการแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ เพื่อให้วุฒิอาสาให้คำแนะนำตามความเชี่ยวชาญของวุฒิอาสา เช่น กลุ่มการทำบัญชีและบริหารธุรกิจ กลุ่มการเขียนโครงการ กลุ่มการเกษตร กลุ่มงานประดิษฐ์ เป็นต้น เพื่อให้สามารถปรึกษาหารือและให้คำแนะนำได้อย่างใกล้ชิด รวมทั้งการวางแผนที่จะลงพื้นมาให้การสนับสนุนในครั้งต่อไปได้ตรงประเด็นความต้องการของชุมชนมากขึ้น

        อ่านต่อ »


วุฒิอาสาร่วมพัฒนาชุมชน (๔) ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชนบ้านใหม่

ไม่มีความคิดเห็น โดย Panda เมื่อ 1 กันยายน 2010 เวลา 18:37 ในหมวดหมู่ สังคม ครอบครัว ชุมชน #
อ่าน: 2200

      

     สิ่งที่ผมและ ดร.พรรณี รวมทั้งผู้แทนจากเทคโนธานี มทส. ชื่นชมอีกอย่าง ในการไปสัมผัสการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ โรงเรียนบ้านใหม่ไทยเจริญ ในครั้งนี้ก็คือ การได้รู้ ได้เห็น ความใส่ใจ ทุ่มเทของ ครูสงคราม เปรี่ยมกระโทก รองผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านใหม่ไทยเจริญ ในการให้ความร่วมมือกับชุมชน เป็นกำลังหลักในการจัดการองค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นให้เป็นระบบ ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างเป็นระบบ  และจัดตั้งศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน ที่เป็นที่ศึกษาของทั้งนักเรียนและชุมชน  ผมคิดว่านี่จะเป็นจุดเชื่อมโยงกับชุมชนบ้านใหม่ ที่ทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และเทคโนธานี จะสามารถเข้าไปประสานการให้การสนับสนุนต่อไปได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเกษตรอินทรีย์ เกษตรประณีต ๑ ไร่  นวตกรรมทางการศึกษาต่าง ๆ รวมทั้งเรื่องของสื่อการศึกษาออนไลน์หรืออินเทอร์เน็ต


วุฒิอาสาร่วมพัฒนาชุมชน (๓) พบปราชญ์ชาวบ้านที่ชื่นชอบ

1 ความคิดเห็น โดย Panda เมื่อ 1 กันยายน 2010 เวลา 13:52 ในหมวดหมู่ สังคม ครอบครัว ชุมชน #
อ่าน: 2614

      ในการไปร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชุมชนบ้านใหม่ในครั้งนี้ ผมได้พบกับ  ปราชญ์ชาวบ้านที่ผมชื่นชมอย่างไม่คาดคิดมาก่อน ปราชญ์ชาวบ้านท่านนี้ ผมได้เคยนำเรื่องราวของท่านไปใช้เป็นตัวอย่างในการเรียนการสอนนักศึกษา ในเรื่องของการสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง ให้สามารถพึ่งตนเองได้จากการนำพืชป่าอย่างเช่นผักหวานป่ามาปลูกไว้เพื่อใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน เป็นบำนาญชีวิต  การส่งเสริมให้ชุมชนทำเกษตรอินทรีย์ (ไมใช้สารเคมี) การประสานความร่วมมือร่วมใจในการพัฒนาหมู่บ้านของสามประสานคือ ชาวบ้าน พระสงฆ์ และ ครูนักเรียนจากโรงเรียนในพื้นที่ของตน  ที่รู้จักกันชื่อ สามประสานแบบ บ้าน วัด โรงเรียน หรือ บวร นั่นเอง

       อ่านต่อ »


วุฒิอาสาร่วมพัฒนาชุมชน (๒) บทเรียนจากบ้านใหม่

อ่าน: 3003

        จากการได้เข้าร่วมรับรู้ รับทราบและแลกเปลี่ยนกับผู้นำชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน และชาวบ้าน ชุมชนบ้านใหม่มาสองครั้ง รู้สึกชื่นชมในความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านใหม่เป็นอย่างมากที่ ร่วมกันพัฒนาชุมชนจนได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่ระดับอำเภอไปจนถึงระดับประเทศ ซึ่งมีการสรุปบทเรียนไว้สั้น ๆ คือ การพัฒนาอย่างยั่งยืนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงเกิดจากชุมชนต้อง…..

  • มีความรู้ ความเข้าใจในสิ่งที่ทำ
  • สามารถวิเคราะห์ต้นทุน คุณค่าเดิมของชุมชนที่มี
  • จัดตั้งกลุ่ม ร่วมวางกฎกติกา
  • ลงหุ้น  ใช้แหล่งทุนของชุมชน
  • คืนทุน เน้นการออม
  • แบ่งปันทักษะ ความรู้  ตลาด
  • มีเวทีพัฒนาศักยภาพแกนนำ

    

      อ่านต่อ »


วุฒิอาสาร่วมพัฒนาชุมชน (๑) บ้านใหม่

1 ความคิดเห็น โดย Panda เมื่อ 31 สิงหาคม 2010 เวลา 20:24 ในหมวดหมู่ การศึกษา การเรียน การสอน, สังคม ครอบครัว ชุมชน #
อ่าน: 2795

          หลังจากที่วุฒิอาสาธนาคารสมอง โคราช ได้ร่วมประชุมปรึกษากับ ผู้แทนจาก สำนักพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีการคัดเลือกชุมชน ๔ แห่งจาก ๔ ตำบล ในจังหวัดนครราชสีมาเพื่อเป็นชุมชนนำร่องที่จะเข้าไปช่วยสนับสนุนการดำเนินการตามแผนชุมชน เพื่อพัฒนาตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง  พวกเราได้ลงพื้นที่จริงเพื่อเก็บข้อมูลเบื้องต้นไปแล้วเมื่อกลางเดือนสิงหาคม ชุมชนหนึ่งก็คือ ชุมชน บ้านใหม่อุดม ม. ๒ ตำบลบ้านใหม่ อ. หนองบุญมาก ที่ในครั้งแรกที่เราเข้าไป ได้พบกับ ครูภูมิปัญญาไทย ที่มีความสามารถยิ่ง คือ แม่จินดา บุษสระเกษ ที่จบแค่ ป. ๗ แต่มีความรู้ความสามารถ อย่างชนิดที่ ดร. พรรณี (Lin Hui) ยกให้เป็น ดร. จินดา เลยทีเดียว

ภาพข้างบนเป็นภาพ บรรยากาศที่ ทีมของวุฒิอาสาฯ และทีมของสำนักพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลงพื้นที่ครั้งแรก เมื่อ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๓

     อ่านต่อ »


อาม่าเล่าเรื่อง (๘) ชีวิตที่บ้านไม้สามชั้น

อ่าน: 2692

        ชีวิตของอากงอาม่าและครอบครัวเรา ที่บ้านเช่าชั้นล่างของ ตึกแถวไม้สามชั้น ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ เป็นไปด้วยความยากลำบากพอสมควร  นอกจากเปิดเป็นร้านค้าขายของทั้งเสื้อผ้าและของใช้ต่าง ๆ  ทุกอย่างที่คิดว่าจะขายได้ อากงก็จะไปหามาไว้ที่ร้านเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่คนแถบ บริเวณตรงกันข้ามกับร้านจะเป็นที่ตั้งโรงเรียนของเอกชนซึ่งต่อมาคือ โรงเรียนมัธยมปักธงชัย หรือเรียกย่อ ๆ ว่า โรงเรียน มป. ที่พวกพี่ ๆ น้อง ๆ ของเรา รวมทั้งตัวผมด้วยได้เข้าเรียนกัน  อาม่าเล่าว่า ช่วงสงครามและหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ใหม่ ๆ  ขณะที่ผมยังเล็กอยู่ ครูใหญ่ของโรงเรียนมัธยมปักธงชัย มีความสนิทสนมกับครอบครัวเราและอาม่ามาก  ครูใหญ่จะแวะมานั่งคุยเป็นประจำ และจะได้รับบุหรี่จากอาม่าให้ไปสูบฟรี ๆ อีกด้วย เพราะที่ร้านจำหน่ายบุหรี่ โดยอาม่าจะมวนบุหรี่เองเพื่อไว้จำหน่ายด้วย นอกเหนือจากบุหรี่ที่ซื้อมาเป็นซองสำเร็จ และเมื่อผมได้เข้าเรียนในชั้นมัธยมที่โรงเรียนนี้ คุณครูใหญ่ท่านนี้เองที่มีความรอบรู้มาก รวมทั้งเรื่องการดูดวงและการตั้งชื่อ  และเป็นผู้ตั้งชื่อปัจจุบันให้ผม ดังนั้นถ้าสอบประวัติของผมเมื่อเรียนอยู่ในชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนชุณหะวัณวิทยาคาร ก็จะไม่พบครับ เพราะยังใช้ชื่อจีน นามสกุลจีน (แซ่ตัง) อยู่ในตอนนั้น…  อ่านต่อ »


อาม่าเล่าเรื่อง (๗) เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสของชีวิต

1 ความคิดเห็น โดย Panda เมื่อ 29 สิงหาคม 2010 เวลา 17:23 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา, สังคม ครอบครัว ชุมชน #
อ่าน: 2683

       อากงทำงานเป็นเสมียนทำบัญชีที่ร้านใหญ่ในสมัยนั้น ก็อาจจะเทียบได้ว่าเป็นระดับผู้จัดการในสมัยนี้  มีรายได้เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายในครอบครัวได้อย่างสบาย แต่อยู่มาวันหนึ่งเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น คืออากงเกิดปัญหากับผู้ร่วมงานในร้านคนหนึ่งจนถึงขั้นทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรง  ในที่สุดทั้งสองคนถูกให้ออกจากงานทั้งคู่  ชีวิตอากงจึงพลิกผัน จากการมีงานอาชีพที่ดี มีรายได้หรือเงินเดือนที่ดี กลายเป็นคนตกงานทันที……เรื่องนี้ น่าจะเป็นข้อพึงสังวรณ์สำหรับทุกคนว่า ชีวิตคนเรานั้นตั้งอยู่ในความไม่แน่นอน  อาจจะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ……แต่อากงก็ใช้วิกฤตชีวิตครั้งนี้ให้เป็นโอกาส โดยการเปลี่ยนแปลงชีวิตจากการเป็นลูกจ้างคนอื่นมาเป็นนายของตนเอง  อากงเริ่มต้นทำธุรกิจของตนเอง ด้วยการไปเช่าห้องแถวเปิดร้านขายเสื้อผ้าและของใช้ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันเป็นของตนเอง และในช่วงเช้ายังนำเสื้อผ้าและของใช้บางส่วนไปขายที่บริเวณตลาดสดเพื่อเพิ่มรายได้อีกด้วย…..ตลาดสดนี้ในปัจจุบันมีการรื้อถอนไปแล้ว  เป็นบริเวณที่เปลี่ยนเป็นลานย่าโมในปัจจุบัน

          การเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งใหญ่อีกหนของครอบครัวอากงอาม่า เกิดขึ้นเนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ ๒ (เริ่มในยุโรป ปี พ.ศ. ๒๔๘๒ แต่ในประเทศไทย กองทัพญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกที่ประจวบคีรีขันธ์และอีกหลายจังหวัดในภาคกลาง ในวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๔   ฝ่ายสัมพันธมิตรเริ่มส่งเครื่องบินเข้ามาทิ้งระเบิดในพระนคร การทิ้งระเบิดครั้งแรก เมื่อวันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๕ เวลาประมาณ ๐๔.๐๐ น. หลังจากนั้น ในวันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๕ รัฐบาลก็ได้ประกาศสงครามกับอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศสอย่างเต็มตัว   อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเรื่อง สงครามโลกครั้งที่สองในประเทศไทย ในวิกกิพีเดีย) ทำให้ต้องอพยพครอบครัวออกจากเมืองโคราช อ่านต่อ »


อาม่าเล่าเรื่อง (๖) ช่วงสร้างครอบครัว

2 ความคิดเห็น โดย Panda เมื่อ 28 สิงหาคม 2010 เวลา 14:03 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา, สังคม ครอบครัว ชุมชน #
อ่าน: 1946

        อาม่ามีครอบครัวเมื่ออายุได้ ๑๘ ปี (ถ้านับแบบคนไทยก็อายุเพียง ๑๗ ปี เพราะคนจีนจะนับอายุเมื่อเกิดมาก็จะมีอายุหนึ่งปี)  อาม่าเล่าว่า การมีครอบครัวเมื่ออายุ ๑๘ ปีในสมัยโน้นถือว่าช้าหรือแก่ไปแล้ว  ในสมัยโน้นการแต่งงานของลูกหลานจีนส่วนใหญ่เป็นการแต่งงานโดยผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตกลงและเห็นชอบกัน บางทีเจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่เคยเห็นกันมาก่อนก็มี เป็นลักษณะที่ต่อมาเรียกว่า “การแต่งงานแบบคุมถุงชน” ในกรณีของอาม่ากับอากง มีโอกาสได้เห็นกันและทำความรู้จักกันก่อน โดยเริ่มต้นจากการที่มี  แม่สื่อมาพูดคุยกับผู้ใหญ่ (พ่อแม่) ของทั้งสองฝ่ายคือ เล่ากงเล่าม่า  เมื่อทั้งสองฝ่ายเห็นดีด้วยก็จะมีการนัดแนะมาดูตัวกัน ส่วนใหญ่จะเป็นการพาผู้ใหญ่ฝ่ายชายและตัวฝ่ายชายที่จะเป็นเจ้าบ่าวมาที่บ้านฝ่ายหญิง เพื่อดูตัวฝ่ายหญิง โดยฝ่ายหญิงมักจะเป็นคนนำน้ำหรือน้ำชา และ ของว่างออกมาบริการ ระหว่างที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกัน

       อาม่าและอากง ต่างเคยเห็นกันมาบ้าง เพราะอาศัยอยู่บนถนนสายเดียวกัน แต่อยู่ห่างกันพอสมควร  และครอบครัวทั้งสองก็รู้จักกันพอสมควรเนื่องจากเล่ากงมีอาชีพเป็นช่างไม้เหมือน แม้ว่าคนหนึ่งเป็นช่างก่อสร้างบ้านอีกคนเป็นช่างทำเฟอร์นิเจอร์ก็ตาม

       อ่านต่อ »


อาม่าเล่าเรื่อง (๕) ชีวิตช่วงแรกที่อยู่เมืองไทย

ไม่มีความคิดเห็น โดย Panda เมื่อ 27 สิงหาคม 2010 เวลา 23:59 ในหมวดหมู่ สังคม ครอบครัว ชุมชน #
อ่าน: 2453

           ที่อยู่ เล่ากงเช่าบ้านอยู่บริเวณ นอกกำแพงเมืองโคราช  ด้านประตูชุมพล บริเวณ ที่ปัจจุบันคือสี่แยกหนองบัวรอง ในถนนโพธิ์กลาง  ในสมัยนั้น ที่บริเวณหน้าประตูชุมพลยังไม่มีการสร้างอนุสาวรีย์ย่าโม  บ้านเช่าเป็นห้องแถวเล็ก ๆ และบริเวณด้านหลังยังเป็นป่าเป็นสวนและเป็นที่นาอยู่มาก  เมื่อเล่าม่า เล่ากงที่เป็นพ่อแท้ ๆ กับอาม่า เดินทางมาถึงโคราชใหม่ ๆ ต้องไปอาศัยอยู่ในสวน ที่เป็นเพื่อนของเล่ากง(พ่อบุญธรรม) ที่มาอยู่เมืองไทยก่อน เพราะเล่ากงเช่าห้องเล็ก ๆ ห้องเดียวอยู่กับภรรยาที่เป็นคนไทย จึงไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้  ช่วงต่อมาจึงขอเช่าห้องติดกันเพิ่ม เล่าม่า อาม่าและเล่ากง ที่เป็นพ่อแท้ ๆ ของอาม่า จึงได้มาอยู่ในห้องติดกัน …..อาม่าเล่าว่า ภรรยาคนไทยของเล่ากง บ่น(ด่า) เล่าม่า เป็นภาษาไทย แต่เล่าม่าฟังไม่รู้เรื่อง ก็เลยทำเฉย ๆ  จนคนบ้านติดกัน ที่เป็นคนจีนที่มาอยู่ก่อน ฟังภาษาไทยออก สงสารเล่าม่า เลยมาชวน เล่ามาไปช่วยงานเย็บเสื้อผ้า โดยเฉพาะกางเกงจีนที่เรียกว่าสี่กี้  ในช่วงกลางวันที่เล่ากงออกไปทำงานนอกบ้าน การเย็บผ้าในสมัยนั้นใช้เย็บด้วยมือ (สอย)  ยังไม่มีจักรเย็บผ้าใช้กัน….ฟังเรื่องเล่านี้แล้วทำให้นึกถึงเรื่องเล่าของ ดร. อาจอง ชุมสาย ที่เล่าว่าสมัยตนเองเด็ก ๆ ไปอยู่ที่ฝรั่งเศสใหม่ ๆ โดนเด็กฝรั่งเศสด่าว่าอะไรมากมาย แต่ตนเองฟังไม่รู้เรื่อง ก็เลยไม่รู้สึกโกรธหรือเดือดร้อนแต่อย่างใด  ไม่นานคนด่าก็เลิกไปเอง  อาจารย์บอกว่า เวลาคนอื่นบ่นหรือด่าเรา ถ้าเราคิดว่าเสียงนั้นเป็นเพียงคลื่นชนิดหนึ่ง มันเดินทางมากระทบหูเราแล้วก็เปลี่ยนเป็นพลังงานรูปอื่นหรือหายไปเท่านั้น ไม่มีอะไร เราก็จะไม่รู้สึกโกรธหรือโต้ตอบ สามารถวางเฉยได้

ประตูชุมพล ก่อนการบูรณะ (ภาพจากวิกี้พีเดีย) อ่านต่อ »



Main: 0.12378001213074 sec
Sidebar: 0.14862513542175 sec