อาม่าเล่าเรื่อง (๗) เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสของชีวิต
อากงทำงานเป็นเสมียนทำบัญชีที่ร้านใหญ่ในสมัยนั้น ก็อาจจะเทียบได้ว่าเป็นระดับผู้จัดการในสมัยนี้ มีรายได้เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายในครอบครัวได้อย่างสบาย แต่อยู่มาวันหนึ่งเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น คืออากงเกิดปัญหากับผู้ร่วมงานในร้านคนหนึ่งจนถึงขั้นทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรง ในที่สุดทั้งสองคนถูกให้ออกจากงานทั้งคู่ ชีวิตอากงจึงพลิกผัน จากการมีงานอาชีพที่ดี มีรายได้หรือเงินเดือนที่ดี กลายเป็นคนตกงานทันที……เรื่องนี้ น่าจะเป็นข้อพึงสังวรณ์สำหรับทุกคนว่า ชีวิตคนเรานั้นตั้งอยู่ในความไม่แน่นอน อาจจะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ……แต่อากงก็ใช้วิกฤตชีวิตครั้งนี้ให้เป็นโอกาส โดยการเปลี่ยนแปลงชีวิตจากการเป็นลูกจ้างคนอื่นมาเป็นนายของตนเอง อากงเริ่มต้นทำธุรกิจของตนเอง ด้วยการไปเช่าห้องแถวเปิดร้านขายเสื้อผ้าและของใช้ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันเป็นของตนเอง และในช่วงเช้ายังนำเสื้อผ้าและของใช้บางส่วนไปขายที่บริเวณตลาดสดเพื่อเพิ่มรายได้อีกด้วย…..ตลาดสดนี้ในปัจจุบันมีการรื้อถอนไปแล้ว เป็นบริเวณที่เปลี่ยนเป็นลานย่าโมในปัจจุบัน
การเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งใหญ่อีกหนของครอบครัวอากงอาม่า เกิดขึ้นเนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ ๒ (เริ่มในยุโรป ปี พ.ศ. ๒๔๘๒ แต่ในประเทศไทย กองทัพญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกที่ประจวบคีรีขันธ์และอีกหลายจังหวัดในภาคกลาง ในวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ฝ่ายสัมพันธมิตรเริ่มส่งเครื่องบินเข้ามาทิ้งระเบิดในพระนคร การทิ้งระเบิดครั้งแรก เมื่อวันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๕ เวลาประมาณ ๐๔.๐๐ น. หลังจากนั้น ในวันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๕ รัฐบาลก็ได้ประกาศสงครามกับอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศสอย่างเต็มตัว อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเรื่อง สงครามโลกครั้งที่สองในประเทศไทย ในวิกกิพีเดีย) ทำให้ต้องอพยพครอบครัวออกจากเมืองโคราช
ภาพถ่ายที่หน้าร้าน ของครอบครัวเรา (ปี พ.ศ. ๒๔๙๒)
อาม่าเล่าให้ฟังว่า ช่วงเกิดสงคราม มีการทิ้งระเบิดลงที่บริเวณสถานีรถไฟนครราชสีมา มีคนตายจำนวนมาก และมีศพของบางคนกระเด็นขึ้นไปพาดอยู่บนหลังคาตู้รถไฟ หรือแม้แต่หลังคาของสถานีรถไฟก็มี มีระเบิดอีกลูกถูกทิ้งลงมาที่บริเวณวัดหนองบัวรอง แต่ไม่ระเบิด ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิของพระและสิ่งศักดิ์สิทธิต่าง ๆ ที่อยู่ในวัดนั่นเอง
ทางการขอให้ประชาชนที่อยู่ในบริเวณตัวเมืองอพยพออกไปอยู่บริเวณรอบนอกเมืองหรือต่างอำเภอเพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะคนต่างชาติ รวมทั้งคนจีนทั้งหมดจะถูกบังคับให้ต้องอพยพออกจากบริเวณตัวเมือง เพื่อความปลอดภัยของทั้งฝ่ายตนเองและประเทศไทย อากงเดินทางจากบ้านเช่าในตัวเมืองออกไปที่สำรวจดูสภาพและสถานะการณ์ ที่บริเวณที่เป็นอำเภอปักธงชัยในปัจจุบัน ซึ่งห่างออกไปประมาณ ๓๐ กิโลเมตร โดยไปกับเพื่อน ๆ แล้วจึงตกลงใจย้ายครอบครัวมาเช่าห้องแถวและทำมาค้าขายอยู่ที่ บ้านไม้หรือห้องแถวที่สร้างสูงสามชั้น โดยเจ้าของให้เช่าเฉพาะชั้นล่าง (รูปภาพ) เป็นบ้านของผู้มีอันจะกินหรือเศรษฐีคนหนึ่งในบริเวณนี้ในสมัยนั้น (ชื่อนายทองอยู่) บ้านไม้แถวสามชั้นนี้ยังคงมีเหลืออยู่บางส่วนจนถึงปัจจุบัน แต่บางส่วนถูกรื้อและสร้างเป็นตึกปูนแทนไปแล้ว ช่วงที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ พี่วรากร (พี่ชายคนที่ ๓) อายุราวหนึ่งขวบเท่านั้น ผมเป็นลูกคนแรกที่เกิดที่บ้านสามชั้นนี้ รวมทั้งน้อง ๆ อีกหลายคน
« « Prev : อาม่าเล่าเรื่อง (๖) ช่วงสร้างครอบครัว
Next : อาม่าเล่าเรื่อง (๘) ชีวิตที่บ้านไม้สามชั้น » »
1 ความคิดเห็น