ชีวิตธรรมดา ภาคเด็กน้อยค่อยๆ ก้มประนมกร 1

1274 ความคิดเห็น โดย นักการหนิง เมื่อ 5 ธันวาคม 2008 เวลา 10:02 (เย็น) ในหมวดหมู่ เรื่องเล่าจากลานดีดี #
อ่าน: 7673

อ่านเรื่องราวชีวิตของหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็น Logos  จอมป่วน น้ำฟ้าและปรายดาว และคนอื่นๆ อีก และรับปากกับน้ำฟ้าและปรายดาวไว้ว่าจะเล่าเรื่องตัวเองให้ฟังบ้าง และต้องส่งการบ้านพ่อครูอีก   

 

    เรื่องราวของตัวเอง เป็นเรื่องของคนธรรมดา ธรรมดา คนหนึ่งจริงๆ แต่โชคดีมากๆ ที่เส้นทางชีวิตทำให้เป็นคนธรรมดาเช่นวันนี้ 

     แม่และอำม้า(ยาย)เล่าให้ฟังว่าเกิดมาตัวกลมเชียว แก้มยุ้ย ไม่ร้องไห้ ไม่งอแง เลี้ยงง่าย ยายรักมาก ตอนเล็กๆ สองสามเดือน ยายนอนแล้วอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นสองแขนเขย่าไปมา  ประกอบกับเสียงของอำม้า  หนุ้งหนิ่ง  หนุ้งหนิ่ง   เสียงหัวเราะเอิ๊ก เอิ๊ก  เอิ๊ก  พร้อมกับฝากรักอำม้าเต็มหน้าเลยค่ะ  ทุกคนลงความเห็นว่า ให้ชื่อหนุ้งหนิ่ง  ก็แล้วกัน  มาเพี้ยนเป็นหนุงหนิงตอนเรียนประถมหกสมัยนั้นการ์ตูนหนุงหนิงดัง แต่ที่บ้านยังเรียกเหมือนเดิม หกเดือนขึ้นไปตัวหนักมากไม่มีใครอยากอุ้ม  มีแต่คนชอบดึงแก้ม

 

     แม่เป็นคนงาม  ผอมบาง จิตใจดี  ความคิดดี อ่อนโยน แต่เข้มแข้ง อดทน  ทำงานหนัก มั่นคง จิตนั้นแข็งแกร่งนัก แม่เลิกกับพ่อประมาณอายุ 30 ปี แม่ไม่เคยมีคนใหม่ บอกแต่ว่าคนอื่นจะไม่รักลูกแม่ รังแกลูกแม่   แม่เป็นคนงามมากๆ  คนมาชอบเยอะ  แต่แม่เลือกที่จะเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูก   แม่เลือกเป็นเช่นนี้มาจนขณะนี้แม่อายุ 72 ปี   

    จำได้เสมอว่ามีคนมาหยอกว่าขอเป็นพ่อได้ไหม  ตาเขียวปั๊ดเลยค่ะ  โกรธมาก ควันออกหู  ไฟประลัยกัลป์ ออกจากตาเลยหล่ะค่ะ  มีบางคนพูดไม่พูดเปล่าจับแขนอีก  กัดซะเลย   เรื่องนี้หยอกกันได้ที่ไหน  ใช่อะเปล่า

     จำความได้น่าจะประมาณ 4 - 5 ขวบ

 

    ค่ำคืนหนึ่ง ได้ยินเสียงพ่อกับแม่ทะเลาะกัน ด้วยเสียงอันดัง ตกใจมาก ร้องไห้ขึ้นดัวยเสียงอันดัง  ป้าอยู่ตรงนั้นดุด้วยเสียงอันดังเช่นกัน ให้หยุดร้องไห้ จำคลับคล้ายคลับคลา ว่าร้องไห้เสียงเบาลง  แล้ววันรุ่งขึ้นพ่อก็เดินออกบ้านพร้อมกับพี่สาว น้องสาว และผู้หญิงอีกคนหนึ่งของพ่อ……. จำได้ว่าวิ่งวุ่นวาย เพื่อยื้อยุดให้พ่อ พี่สาว และน้องสาวไม่ไปจากชีวิตเรา ไม่สำเร็จ ก็วิ่งวุ่นวายขอไปกับพี่สาวและน้องสาว  แต่แม่ไม่ให้ไป งง งง  งง และ งง…………… ตกใจ เสียใจ เสียขวัญ

 

     หันไปหาแม่  จำไม่ได้ว่าแม่ร้องไห้ไหม จำได้แต่ว่าแม่เม้มปากบางๆ ของแม่แน่น  เหลือเราสองคนรวมทั้งยายเป็นสามคน  แม่กอดไว้แน่นแล้วปลอบใจ…………..

     แม่เริ่มขายของ เริ่มจากของชำ   และตัดเย็บเสื้อผ้า แม่เป็นช่างตัดเสื้อผ้าที่ฝีมือดีที่สุดในอำเภอ เพราะแม่ไปเรียนตัดเย็บเสื้อผ้าที่โรงเรียนซิงเกอร์ที่กรุงเทพ สมัยนั้นแทบไม่มีโรงเรียนสอนตัดเสื้อผ้า  ช่วยแม่ขายของ ทำงานบ้าน หยิบจับสิ่งของตามที่แม่สั่ง 

 

    และแม่ก็เริ่มส่งไปโรงเรียนชั้นป.ขี้ไก่ เรียกตามคนอื่น ก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงเรียกอย่างนั้น  สงสัยเป็นเพราะแบ่งพื้นที่ในบริเวณบ้านมาทำโรงเรียน  ในบ้านคนสมัยนั้นเลี้ยง เป็ด ไก่ ห่าน ตามพื้นลานบ้าน ขี้ไก่คงเยอะค่ะ ชื่อโรงเรียนครูแก่จันแดง   หรือครูแก่จันทร์แดง  (ไม่มีใครเขียนถึงเลยเนาะ หาใน Google ไม่เจอค่ะ)  ครูสอนโดยการมอบก้านธูปให้นักเรียนประจำตัวคนละหนึ่งก้านเอาไว้ชี้ตัวหนังสือ บ่ายๆ ล้างหน้านอนหลับ เย็นๆ ล้างหน้าปะแป้ง นั่งสามล้อประจำตำแหน่งกลับบ้าน  มีชั่วโมงเล่น ปีนต้นไม้  ที่เด็ดสุดในโรงเรียนนี้คือ…….ห้องสุขา เป็นหลุมกว้างยาวจำไม่ได้  มีไม้กระดานพาดเป็นร่อง เป็นคู่ๆ พอดีกับขนาดของการนั่งยองๆ ของเด็ก  ข้างล่างเต็มไปด้วยอุนจิ  หนอน แมลงวัน เป็นสังคมที่มีการเกื้อหนุนกันดีมาก  5 5 5  นึกภาพเองนะคะเล่ามาขนาดนี้แล้ว ถ้าเด็กคนไหนตกลงไปละก็ เป็นพระสังข์ทองเลยหล่ะค่ะ   เรียนไปเรียนมา ห้าขวบความสามารถก็แตกฉานอ่านหนังสือแตกเปรียะ  คงเป็นเพราะที่บ้านหนังสือของแม่และของน้าๆ เยอะด้วยมั๊ง

     บ้านอยู่ข้างวัดประจำอำเภอ ชื่อวัดกาสา  เป็นวัดที่มีวิหารและโบสถ์ทรงเหนือๆ  ไม่ผอมสูง เสียดายไม่มีภาพเก่าๆ และวัดก็รื้อโบสถ์และวิหารหลังเก่า เพื่อสร้างขึ้นใหม่ ทรงก็เลยละม้ายมาทางภาคกลาง  น่าเสียดายนะคะ  และที่วัดกาสาก็มีสิงห์อยู่หน้าโบสถ์ ตอนนี้ก็ไม่มีแล้ว   วัดกาสาก็มีบ้านเรือนตั้งอยู่หน้าวัด ข้างวัด  เด็กๆ ที่อาศัยอยู่ละแวกนั้นจะรู้จักกันหมดและจะเป็นเพื่อนกัน เป็นเพื่อนข้ามรุ่น กันก็มี  หลายๆ คนภายหลังก็ผันเข้ามาเป็นนักสื่อสารมวลชน เช่นเจ๊นก นิรมล เมธีสุวกุล  อ้ายยุทธ ยงยุทธ์ ติยะไพรัช 

 

     บ้านอยู่ข้างวัด เห็นภาพการทำบุญ ที่ยิ่งใหญ่และน่าสนุก คือตานก๋วยสะลาก ชอบมีขนมและของกินเยอะ  คนเยอะ มีการละเล่นพื้นเมือง ที่ชอบมากคือ ดูและฟังซอ 

 

    ซอเป็นการเล่าเรื่อง คล้ายละครวิทยุ  มีคนซอประมาณ 4-5 คน การซอเป็นการขับซอประกอบเพลง ที่มีท่วงจังหวะและทำนองเฉพาะ ไว้วันหลังจะหามาให้ฟังนะค่ะ  เด็กที่อยู่ข้างวัดที่ไม่มีพี่มีน้องอยู่ด้วย ซึมซับ รับฟัง เฝ้าดู เฝ้าฟัง  วันๆ หนึ่ง ก็ซอเองได้  เป็นเรื่องเป็นราวเหมือนมืออาชีพนั่นแหล่ะ  เรื่องราวทำนองไม่มีผิดเพี้ยน  หนักๆ เข้าก็แต่งเรื่องเองซะเลย   ช่วงไหนไม่มีงานวัด คนแก่ๆ แถวละแวกบ้านคงเหงาหู ก็มาขอให้ซอให้ฟัง  แล้วเช่นนี้จะเหลือไหม ช่างซอน้อยก็โชว์ฝีมือซะสุดฤทธิ์  วันดีคืนดี แควนๆ ไม่ขอก็ซอให้ฟัง หน้าตาเฉยซะอย่างงั้นแหละ  แควนๆ ก็มี อำม้า (ยายของตัวเอง )  แม่ อุ้ยยอง แม่นา อีกหลายจำไม่ได้ค่ะ จะกลับไปถามแม่ก่อนนะคะ หลายท่านเสียชีวิตไปแล้วค่ะ

      นอกจากเป็นช่างซอแล้ว  ยังสถาปนาตัวเองเป็นนักร้องแผ่นเสียงทองคำ  ร้องเพลงให้แควนๆ ฟัง เพลงร่วมสมัยของแม่ร้องได้หมดเพราะแม่ชอบฟังเพลง  นักร้องขึ้นร้องเพลงทีหนึ่งได้ยินสามบ้าน แปดบ้าน  มีเพลงหนึ่งที่ร้องทีไรกินใจมากๆ แถมยังไม่พอไปกินใจอุ้ยยอง  คนข้างบ้านด้วยค่ะ  แม่เล่าให้ฟังว่า  วันหนึ่งลูกสาวตัวดีเล่นหม้อข้าวหม้อแกงซึ่งเป็นเครื่องบั้นดินเผา ชุดสำหรับเด็ก เล่นนะคะแต่จุดไฟจริงๆ  เม่เลยตีให้   ตีเจ็บมากๆ  ร้องไห้เสียงดังพอๆ กับที่ขับซอนั่นแหล่ะค่ะ   แฟนคลับโดดผางออกมาปกป้องเลยค่ะ  อุ้ยยองนั่นเองจะบอกว่าอย่าตีมันมาก  มันน่าสงสาร ฟังมันร้องเพลงซิ น่าสงสารออก  เพลงที่โดนใจอุ้ยยอง คือเพลงธรณีสายเลือด” …….  

 

      บ้านอยู่ข้างวัด  ขายของได้ดี เพราะคนทำบุญที่วัดเสร็จก่อนจะกลับก็จะแวะซื้อของ  ภายหลังแม่ได้ผันสินค้ามาเป็นเครื่องจักสาน เครื่องบั้นดินเผา ของใช้ประจำบ้านเช่น ไม้กวาด เสื่อ กระถางกล้วยไม้ คนโท ฯลฯ ขายดี เพราะ เจ้าอื่นไม่ขาย มันไม่สวยดูดี แต่สินค้าเหล่านี้ เป็นสินค้าที่มีกำไร ถึงร้อยละสามสิบ ขึ้นไป  ไม่เหมือนของชำจัดร้านให้สวยได้ แต่ได้กำไรชิ้นละสลึง ห้าสิบตังค์  จริงๆ แล้วเราจะมองแต่ภาพภายนอกไม่ได้เลยเนาะ ต้องมองลึกๆ มองให้รู้จริง ^ ^

     

ทุกๆ เช้าต้องตื่นมานำสินค้ามาวางโชว์หน้าร้าน จัด Display ค่ะ  ขาประจำเป็นแม่บ้าน คนแก่  ส่วนถนนหน้าบ้าน ซึ่งเป็นสายหลักของอำเภอสมัยนั้นยังเป็นหินคลุกบดอัด ราดยางมะตอย  บางวันมีไฟฟ้า บางวันดับ วันไหนไฟฟ้าดับ เป็นโอกาสของแม่   ขาประจำจะหนักกว่าที่บ้านเพราะเขาอยู่ที่ถนนสายรอง ของรอง ไฟฟ้าจะไม่มีทั้งคืน เขาจะเดินข้ามถนนมาพร้อมกับตะเกียงน้ำมันก๊าดแบบเหนือ(จะหาภาพมาให้ดูค่ะ) มาเติมน้ำมันก๊าด แม่ค้าตัวน้อย เอาตั่งมาวางและเอาปิ๊บน้ำมันมาตั้ง ตวงขาย ทำวิกฤติให้เป็นโอกาส ตั้งแต่เด็กเลยค่ะ ^ ^

 

 

 

 

 


ตามหาพลังตัวเอง 3

3101 ความคิดเห็น โดย นักการหนิง เมื่อ 29 พฤศจิกายน 2008 เวลา 11:18 (เช้า) ในหมวดหมู่ เรื่องเล่าจากลานดีดี #
อ่าน: 18725

อ่าน คิด ใคร่ครวญ บ่มเพาะ ตื่นรู้ และปัญญาปฏิบัติ 

วาดเส้นอยู่พักหนึ่ง ไม่ค่อยสบายก็เลยพักผ่อนเป็นหลัก  และเริ่มหาปากกาสีๆ มาวาดรูป วาดภาพโลดแล่นอยู่ในจินตนาการที่เกิดจากการบ่มเพาะ ภาพไข่ไดโนเสาร์ วงกลมแห่งความกล้า ต้วยูกับการใครครวญ อมิกดาลา คลื่นสมอง คลื่นสมองที่ตื่นรู้ ด้วยสีต่างๆ ด้วยหัวใจที่ตื่นเต้น  ตื่นรู้

จากนั้นก็รวบรวม ปากกาสีๆ สมุดจดบันทึก ที่เกี่ยวข้องกับ KM  ปัญญาปฏิบัติ เล่ม 1 เล่ม 2 เล่ม 3   เล่ม 3 ได้มาจากสามีที่ทำงานไฟฟ้าฝ่ายผลิตให้สมุดไดอารี่ พร้อมถุงผ้าใบเล็ก  โอ้โฮ  ใช้ได้เลย ถูกใจมากเหมือนฟ้าบันดาล ทุกอย่างใส่ลงไปในถุงผ้าใบเล็กพอดี้ พอดี  ว่าแล้วก็หิ้วถุงผ้าใบนี้ ไปร่วมถอดบทเรียน KM วิถึสู่องค์กรที่มีชีวิต ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2551 ที่เทศบาลนครพิษณุโลก แค่หิ้วเข้าไป  ก็โดนไปหลายคน พอดึงอุปกรณ์ต่างๆ ออกมา โดนอีกหลายคน พอหลายคนเห็นภาพวาดก็โดนอีก ที่แน่ๆ อิ่มโดนแล้วโดนอีก ว่าแล้วก็ไปอ้อนคุณสามีขอไดอารีและถุงน้อยอีก 1 ชุด  อิ่มขออ่ะ  ว่าแล้วอิ่มก็ห้อตะบึงไปซื้อปากกาสีๆ  เอากัน

เล่ม 1 ได้มาจากมหกรรม KM ภูมิภาคครั้งที่ 1 วันที่ 28-29 กันยายน 2550

เล่ม 1ได้มาจากมหกรรม KM ครั้งที่ 1 วันที่ 28- 29 กันยายน 2550 วันนี้มีความหมายมากได้รู้จ้กครูบาสุทธินันท์ พี่อึ่งอ๊อบ อาจารย์บีแมน อาจารย์ภูคา ไม่แน่ใจว่าป้าจุ๋มด้วยได้ และใครๆ อีกหลายคนรวมทั้งเฮฮาศาสตร์ เล่มนี้ได้ใช้ในการบันทึก เรื่องราว กระบวนกร ที่สวนป่าครูบาสุทธินันท์ ที่ อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2551 ที่นีรู้จักพี่หมอเจ๊ หมอเบิร์ด พี่สร้อย คุณสิงห์ป่าสัก ลุงเอก พี่บางทราย ใครๆ อีกหลายคน และที่สำคัญคือถูกระตุ้นพลังในหัวใจ ที่นิ่งเงียบมาหลายๆ ปี

เล่ม 2 ได้มาจาก KM วิถีสู่องค์กรที่มีชีวิต ที่สถาบันขวัญเมือง ที่เชียงราย วันที่ 15-18 ตุลาคม 2551 เล่มนี้มีเรื่องราวมากมาย

ปากกาสี สี ที่มาสร้างอารมณ์ ความรู้ สร้างกระตุ้นการทำงานของสมองซีกขวา

เล่มที่ 3 ได้มาจากสามี พร้อมถุงผ้าใบเล็ก ค่ะ

นี่แหล่ะค่ะ ของโดนๆ

ไข่ไดโนเสาร์ที่ได้มาจากอาจารย์วิศิษฎ์ วังวิญญู สถาบันขวัญเมือง แต่คนที่วาดนะเป็นหนิงเอง อย่างไรก็ติชมได้นะคะ

ทุกอย่างบรรจุในถุงผ้าใบเล็กใบนี้ค่ะ   โดน ๆ ๆ กันหลายคน  มือที่เห็นก็เป็นมือของคนที่เดินข้างๆ มาสิบกว่าปี ค่ะ

ประกวดตั้งชื่อถุงใบนี้ด้วยค่ะ ใครตั้งชื่อได้โดนใจมากที่สุด ได้รางวัลจากหนิง


ปัญญาปฏิบัติการ 2

5 ความคิดเห็น โดย นักการหนิง เมื่อ 28 พฤศจิกายน 2008 เวลา 4:39 (เย็น) ในหมวดหมู่ เรื่องเล่าจากลานดีดี #
อ่าน: 1389

หนิง  หายไปจากลานดีดี เป็นเกือบเดือน

ไม่มีอะไรมากค่ะ 

  • เป็นภูมิแพ้กำเริบ  นิดหน่อย  เดือนนี้เลยต้องพักผ่อน ฟิตร่างกาย บำรุงร่างกาย   ดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ
  • ชุบตัวในข้อมูล  ใคร่ครวญ ทบทวนและอ่านๆ ๆ ๆ
  • ถอดบทเรียนKM วิถีสู่องค์กรที่มีชีวิต  ที่วงน้ำชา  จังหวัดเชียงราย  เมื่อวันที่ 15- 18 ตุลาคม 2551  ได้มาหลายหน้ากระดาษแต่ยังไม่ครบ เพราะช่วงไหนที่ In กับกิจกรรมมากๆ ก็ไม่ได้จดบันทึกไว้
  • Dailogue เล็กๆ กับอิ่มและพี่น้องๆ  สองสามรอบ  เมื่อวันที่ 25 พย.นี้ เวลา 13.30 น. ก็นัดถอดบทเรียน KM วิถีสู่องค์กรที่มีชีวิต  อิ่มเขาเชิญคนในเทศบาลฯ มาฟัง มีคนสนใจประมาณ 30 กว่าคน  จากหลายส่วนงาน
  • ก็คุยกันแบบสบายๆ  อิ่มถ่ายทอดความรู้ที่ได้จากสถาบันขวัญเมืองแบบย่อๆ  ประกอบภาพวาดที่คุณผึ้งวาดไว้ที่ห้องนั่งเล่น
  • KM กับองค์กรการจัดการตัวเอง  Model ปลาทู ของ นพ.วิจารณ์  
  • ทฤษฎีประสิทธิภาพการเรียนรู้ ห้าอันดับ
  • กระบวนการเกิดญานทัศนะ
  • และเปิดกิจกรรมเล็ก ๆ ด้วยการให้วาดรูป  ที่สื่อถึงภาวะที่ทำให้เราเรียนรู้ได้ดี  และภาวะที่ทำให้เรียนรู้ไม่ได้ดี  เมื่อวาดเสร็จก็ให้จับคู่กับคนที่ไม่ค่อยได้คุยกันหรือสนิทกัน ผลัดกันเล่าให้ฟัง
  • กิจกรรมการรำลึกถึงชีวิตที่ผ่านมา  ให้ทุกคนหลับตาอยู่กับตัวเองสักพัก แล้วแจกกระดาษ ให้ค่อยๆ ฉีกตามช่วงจังหวะของชีวิต    ให้จับคู่กับคนที่ไม่ค่อยได้คุยกันหรือสนิทกัน ผลัดกันเล่าให้ฟัง  มาถึงช่วงนี้ หลายๆ คนเริ่มเล่าและฟังได้ดีขึ้น ใช้คำว่าเริ่ม IN พออิ่มให้จบการเล่าเรื่อง หลายคนก็ยังติดพันอยู่
  • หนิงจับคู่กับพี่ปุ้ย คนที่ผ่านมาเราคิดว่าเขาไม่น่าสนใจ  อืม เขาทำได้ดี เล่าเรื่องได้ดี เราเปิดปุ๊ป เขาก็เปิดปุ๊ป   อืม

ถอดบทเรียนของถอดบทเรียน

  1. บางคนเป็นนักช๊อปปิ้งกิจกรรม หรือชอบทานมาม่า
  2. บางคนถามหา  Powerpoint   เพื่อขอคัดลอกไปเลย เพราะไม่มีเวลา
  3. บางคนไม่บอกอะไร ก็ลุกออกไป อือ!!
  4. บางคนไม่เคยใคร่ครวญ มีอาการกระสับการส่ายนิดๆ   เมื่อต้องอยู่กับตัวเอง
  5. บางคนไม่เคยได้ยินเรื่องราวเหล่านี้  ไม่ค่อยเข้าใจ แต่ฟังๆ ไปก็ดีเหมือนกัน โดยเฉพาะตอนทำกิจกรรม
  6. หลายคนบอกว่าดีมาก ทำให้รู้จักกันมากขึ้น ละลายน้ำแข็งในตัวเอง
  7. หลายคนพยักหน้าหงืกๆ บอกว่าครั้งหน้าเอาด้วย
  8. หลายคนบอกว่ารู้จัก KM แต่ยังไม่เคยทำอะไรกับ KM
  9. หลายคนเริ่มมีสัญญาใจเล็กๆ กับวงถอดบทเรียนวงนี้
  10. หลายคนบอกว่า แลกเปลี่ยนความรู้สึก  แลกเปลี่ยนอดีตของกันและกันได้  การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ก็น่าจะง่ายขึ้น
  11. ตัวหนิงเอง ได้ประสบการณ์ในการถอดบทเรียน กึ่งๆ กระบวนกร  และก็ยังจมจ่อม ใคร่ครวญ และทบทวนกับความรู้และบรรยากาศ  กระหายใคร่รู้  ใคร่ทำต่อ  การตื่นรู้นี้ช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์จริงๆ

จากการคุยกับทีมกระบวนกรน้อย  คือให้ทุกคนในทีมเข้าร่วมกิจกรรมด้วย  ฟังด้วย ใคร่ครวญ  ทำกิจกรรมด้วย  ทีมต้องสังเหตุผู้เข้าร่วมกิจกรรม กรณีผู้เข้าร่วมไม่มีคู่ก็  ทีมก็ต้องเข้าไปจับคู่ หล่อเลี้ยงให้เขามีความสุข …….  ความรักแสดงออกอย่างไร? ถ้ารู้ว่าแสดงออกอย่างไร เราแสดงออกก่อนได้ไหม?………………

      ขอบคุณ วงน้ำชา สถาบันขวัญเมือง ขอบคุณ อิ่มผู้หล่อเลี้ยงผลักดัน  และพี่น้องที่ไม่ถือยศตำแหน่ง  ขอบคุณจอมป่วนผู้เปิดโอกาส  ขอบคุณตัวเองที่มีพลังใจมากมาย  ขอบคุณทุกคนที่ร่วมกิจกรรม และขอบคุณองค์กรที่มอบสิ่งดีดีให้  วันนี้เท่านี้ก่อน  และวัยนี้ยามนี้รู้สึกอ่อนเยาว์ในหัวใจนัก


ปัญญาปฏิบัติการ๑

6 ความคิดเห็น โดย นักการหนิง เมื่อ 21 ตุลาคม 2008 เวลา 9:50 (เย็น) ในหมวดหมู่ เรื่องเล่าจากลานดีดี #
อ่าน: 1247

วันนี้ ดีดี อิ่ม ไปสุมหัวกับ จอมป่วน ว่าด้วย ทำอย่างไร อะไร กับองค์กร ตามที่ใจเต็มไปด้วยพลัง   ก่อนจะไปสุมหัวกับจอมป่วน ดีดี กับอิ่ม ก็คุยกันก่อนนะ เราอยากได้ห้องว่างๆ ห้องหนึ่ง เพื่อใช้ในการจัดกิจกรรมสุนทรียสนทนา   

  • ดีดี ประทับใจกับบรรยากาศที่ห้องนั่งเล่นที่เชียงราย  และที่ชอบอีกอย่าง   คือ   มีหนังสือที่น่าฝังตัวและก็อ่านๆ  ให้ชุ่มปอด  บอกอิ่มเลยว่า เราใช้เสื่อใบเตยปู  มีมุมเตรียมเครื่องดื่ม มุมเครื่องเสียง อิ่มก็บอกว่าน่าจะมีหมอนขวานนะ  อิ่มก็บอกว่าไม่งั้นเราก็ไปใช้ห้องที่หอสมุดก็ได้  แต่เห็นว่าน่าจะได้ใช้เป็นการชั่วคราว  ฝันๆ กันไป  แล้วก็ไปสุมขอนกัน

 

  • อืม   มีปัญหาอีกละซิ ใช้ห้องที่หอสมุดมันก็ต้องเดินทางเนอะ และเขาก็จะให้เราใช้แป๊บเดียว เพราะเขาจะให้ใช้เป็นห้องโยคะ 
  • ห้องประชุมหล่ะ  มีตั้งสามห้อง มีโต๊ะกั้น  จะไม่ได้อารมณ์  เหวย ทำไงดีฟะ กองสวัสดิการก็อยากฝึกการนำกิจกรรม  ก็ต้องใช้ที่ว่างในการฝึก  แถมที่ผ่านๆ ยังมีการแย่งห้องประชุมกันเป็นประจ้ำ จากงานจร ทั้งๆ ที่มีการจองห้องประชุมกันก่อน  ถ้าถึงวันสุนทรียสนทนา ถูกแย่งห้องจะทำอย่างไง   กระโดดกัดหูคนที่มาแย่งเลย ดีไหม ! !
  •  จอมป่วน ให้ข้อคิดว่าเราต้องทำงานภายใต้ข้อจำกัด   อืม! ถ้า Dialogue เป็นที่ไหนก็ได้นะ แม้จะมีรูปแบบของโต๊ะประชุม    เฮ้อ  Dialogue กันเก่งเสียขนาดนี้  จะที่ไหนได้ยังไง  ก็ยังไม่ใช่ตั๊กม้อน่อ  แถมยังไม่พอยังเสพติดบรรยากาศที่ห้องนั่งเล่นที่เชียงรายอีก  โห เรื่องใหญ่เลยนะนี่  ใครอยากรู้ว่าบรรยากาศที่เสพติดเข้าไปเป็นอย่างไงก็ลองไปดูซิ  วันที่  30 ตุลา -  ต้นๆ พฤศจิกา เขาจัด อิสระในความสัมพันธ์ ก็จะเข้าใจเองแหล่ะ ว่าทำไมดีดี ถึงเสพติดเสียขนาดนั้น  แค่เจอตู้หนังสือเข้าไปก็อ่อนระทวยแล้วง่ะ  ง่ะ
  • คุยกันไป คุยกันมาก็มาลงตัวที่ ห้องประชุมใหญ่ก็ได้ ใช้พื้นที่ทำกิจกรรมได้ด้วย และมีที่ว่างพอที่จะทำให้เราสามารถเดินๆ หมุน นั่ง ๆ นอน ๆ หรือ ฝึกกิจกรรมต่าง ๆได้  ถ้าถูกแย่งห้องก็กระโดดกัดหูคนที่บังอาจแย่งห้องเลยอะไรๆ ก็เริ่มลงตัวหล่ะ  ตานี้ที่จะทำ ทำไงดี 

  •  ขั้นตอนแรกก็เตรียมตัว  เปิดใจ เปิดพื้นที่ซึ่งกัน  และ ว่าน่าจะ สองคืนหนึ่งวัน หรือ สามคืนสองวัน  อะไรของตูฟะ  กลับหน้ากลับหลังกันหมด  นึกออกแล้วอ่านเจอในหนังสือว่า  อยากไม่ให้สมองเสื่อม ให้นับเลขถอยหลัง เดินถอยหลังบ้าง   เนี่ยไม่ได้พิมพ์ผิดนะ  แต่เป็นการฝึกไม่ให้สมองเสื่อมขั้นตอนต่อไป  ก็มาทำอะไรๆ กันต่อ แต่ยังไม่บอกว่าเป็นอะไร ปล่อยให้อยากจนน้ำไหลสามแหมะก่อน ถึงจะมาเหลาให้ฟัง 
  •  
  • ตานี้หล่ะ จะยืมกระบี่พี่อึ่งอ๊อบมาใช้ น้ำผักพลังรัก ไง  จอมป่วนจะได้ไปคุยทับพี่อึ่งอ๊อบได้ อิอิ

 

ถอดบทเรียน อ่ะ

  1. คุยกันแล้วก็ได้อะไร
  2. การทำงานภายใต้ข้อจำกัด   ตรงนี้ต้องยืมกระบี่พ่อครูบามาใช้ วันนั้นที่เราไปสวนป่า ถึงก็มืดก็ค่ำ  สวนป่าไม่ใช่โรงแรมหรือรีสอร์ท ที่นอนหมอนมุ้งก็มีกองไว้ให้เป็นตั้ง ห้องก็มี  กระท่อมก็มี เต๊ณฑ์ก็มี  มีแต่อาจารย์ประสาทกับอ.มนตรี จากขวัญเมืองเท่านั้นเองที่จัดห้องไว้ให้  ที่เหลือก็หาบ่อนนอนเอาเอง  ไปถึงก็ดึกแล้ว  พอทานข้าวต้มอย่างอร่อยๆ แล้วหนังตาก็หย่อน ความอยากพักผ่อนก็คืบคลานเข้ามาคุณขจิต ฝอยทองก็เริ่มพาอาจารย์ไปห้องพัก ตานี้หล่ะก็  แต่ละคนก็สะละวี่ กับการหาที่หลับที่นอน  เป็นที่หนุกหนาน ขัดๆ เขิน ๆ ค้อนนิดๆ กันพอสมควร  ตื่นมา ตอนแจ้งพ่อครูบาก็เฉลยว่า  เราต้องรู้จักบริหารจัดการภายใต้ข้อจำกัด  การไม่ลงตัว หรือไม่ใช่สูตรสำเร็จ  กราบพ่อครูบามางามๆ เลยค่ะ ไม่มีใครฉุกคิดสักนิดว่าทั้งชีวิตประจำวัน ชีวิตการทำง่านเราต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัด  สอนโดยไม่ต้องสอน ตั๊กม้อจริงๆ   
  3. ถ้ามีข้อจำกัด  แล้วพลังในหัวใจไม่มากพอก็น่าจะ ทำให้เกิดการ Block ในขึ้น  วันนี้ผ่านฉลุย  มีพลังบานเลยหล่ะ
  4. อืม  KM ถึงต้องมีคุณเอื้อไง  สำคัญนะคุณเอื้อ  เนี่ย    ปฏิบัติการขั้นต่อไปต้องทำให้คุณเอื้อ เอ๊ะ และเอ๊ะ เอ๊ะ

 

เป็นไงหล่ะ วิชาขี้โม้ของจอมป่วน   ยืมมาใช้หน่อยเดียวเอง   อยากอ่านตอนต่อไปแล้วซิ

 

 

 


ตามหาพลังตัวเอง ๒

2 ความคิดเห็น โดย นักการหนิง เมื่อ 21 ตุลาคม 2008 เวลา 10:19 (เช้า) ในหมวดหมู่ เรื่องเล่าจากลานดีดี #
อ่าน: 1341

ไคร่ครวญ บ่มเพาะ และตอบสนองต่อประกายไฟที่เริงร่าในความรู้สึก
* เลิกงานขับรถตั้งใจไปร้านหนังสือ อยากได้หนังสือการเขียนลายเส้น ขับๆ ไป เอ๊ะทำไมโล่งๆ ซิปแตก เหวยตั้งแต่เมื่อไรหว่า หมดกัน ไม่ต้องไปไหนแล้วกลับบ้านเป็นหนทางสุดท้ายที่ทำได้
* เปิดเน็ตเอาก็ได้ ก็ได้การเขียนลายเส้นพื้นฐาน ในตามติดๆ ๑ นั่นแหล่ะ
* ว่าแล้วก็ขีดๆ วาดๆ เป็นอย่างในตามติดๆ ๑ นั่นแหล่ะ
* ชุบตัวใน โยงใยที่ซ่อนเร้น ซะ 1 ชั่วโมง
- ตีหนึ่งแล้ว เมาหัวขนาด
- ตื่นมาด้วความเมาหัวเล็กๆ
- สัญญาเก่าผุดขึ้นมา เมื่อประมาณ ปี 2526 ไปเขียนวาดลายไทย ขอบอกว่า ไม่เคยหัดวาดลายเส้นเลย ไม่นานนัก ก็พบว่ากนกเป็นโปลิโอ บ้าง ไส้ดินสอไม่ดีบ้าง กระดาษไม่ดีบ้าง ชำเลืองดูของคนอื่น กนกเขาเป็นกนก เฮ้อ ไม่นานนักก็ขัดกลอนขัดบานประตูหน้ามันซะเลย กนกก็เลยเป็นกนกโปลิโออยู่ อิอิ
- ก็ไอ้เรามัน วาดวงกลม เส้นตั้ง เส้นนอน พูดง่ายๆ พื้นฐานยังไม่ผ่าน บังอาจไปเขียนถึงกนกกกก…
- วันนี้จะไปร้านหนังสือหาซื้อหนังสือการวาดลายเส้น สมุดวาดเขียน ดินสอใช้ 2 B ที่บ้านก่อน แล้วก็วาดเส้น วาดเส้น ๆ ๆ ๆ และก็วาดเส้น
- เมื่อคืนอ่านลานของพี่หมอเจ๊ กับพี่อึ่งอ๊อบ จอมป่วน เช้ามีปิ๊งแวบ เรื่องลมหายใจเดียวกัน ของกระบวนกรที่เชียงใหม่ พี่หมอเจ๊ จากกระบี่ หนูอิ่มจากพิดโลก พี่อึ่งอ๊อบจากเจียงใหม่ คุณหมอจอมป่วนจากพิดโลก กระบวนกรอะไรอย่างนี้ฟ่ะ มาจากคนละทิศละทาง แล้วก็คนละสำนักอีก ต้องมาร่ายรำให้เป็นกระบวนท่าที่ประสานสอดคล้องกัน ลมหายใจเดียวกันคือเคล็ดลับ ทำได้จะไดหว่า อะไรจะน่าตื่นเต้นปานนั้น อยากเห็นถอดบทเรียน จังเยยยย

พลังแห่งความรัก ความอบอุ่น ความสุข พลังแห่งตัวตนยังอบอวลอยู่ในเนื้อในตัว จิตตื่น และตื่นรู้ ชุ่มฉ่ำ ไคร่รู้ ไคร่เรียน และไคร่เห็น คนรอบข้างได้รับพลังดีดี


ตามหาพลังของตัวเอง ๑

3 ความคิดเห็น โดย นักการหนิง เมื่อ 20 ตุลาคม 2008 เวลา 7:59 (เย็น) ในหมวดหมู่ เรื่องเล่าจากลานดีดี #
อ่าน: 1396

วันนี้ ตามเรื่องคลื่นสมองติดๆ ได้จากวงน้ำชา  และวันนี้ก็ตามเข้ามาลานปัญญาติดๆ

อ่านลานเจ๊าะแจ๊ะ และตามหาพี่อึ่งอ๊อบ เมื่อบ่ายนี้คุยกับคุณหมอคนชอบวิ่ง  เล่าให้ฟังถึงน้ำผัก น้ำผลไม้ เพื่อการสัมผัสสัมพันธ์  ลานพี่อึ่งอ๊อบอยู่ไหนฟ่ะ  จะศึกษา น้ำผัก น้ำผลไม้ เพื่อการสัมผัสสัมพันธ์ 

ยังไม่ได้จัดการกับความรู้ที่ได้รับมาหรือถอดบทเรียนเลยค่ะ วันนี้มัวแต่ตามหา การเขียนสีน้ำมัน  เป็นความอยากที่มีนานแล้ว จนคิดว่าอายุก็เท่านี้แล้ว  ก็เลยซ่อนไว้ ไปวงน้ำชาในหัวข้อ KM กับกระบวนกร เมื่อวันที่ 15-18 ต.ค.นี้ ในวันที่ 17 กลางคืน อ.ใหญ่ให้เขียนธาราลิขิต คุยกับเสียงภายในตัวเอง  พบอะไรหลายอย่างที่เป็นตัวเองและเก็บซ่อนไว้ (Block) ดีใจมากเหมือนเจอเพื่อเก่า และมีความตื่นเต้น สนุกสนานในหัวใจ มีแรงบันดาลใจหลายเรื่อง  เช่น

  • ปัญญาปฏิบัติในองค์กร   บ่ายนี้ก็เลยไป Dialog เล็กๆ กับคนชอบวิ่ง  ได้อะไร ๆ มาเหมือนเดิม ตั้งใจว่าจะไปDialog เล็กๆ  บ่อยๆ  ต้องปัญญาปฏิบัติกับอิ่ม และพี่น้องอีกหลายๆ ครั้งและกับคนอื่น ๆในองค์กร
  • งานศิลปะ  ว้าว  เป็นอะไรที่ติดค้างในใจมานาน และก็เก็บไว้ในซอกหลืบ ธาราลิขิตเข้าไปสะกิดออกมา อันนี้ทำเพือตัวเอง

การวาดภาพสีน้ำมัน  ไม่รู้ว่าใช่หรือป่าว  หรือ งานปั้น หรือ อื่นๆ  …..   เสียงคนข้างๆ (อิ่ม)  บอกว่าทำก่อนแล้วก็จะรู้เองว่าใช่หรือป่าว

วันนี้เลยเข้าไปหาข้อมูล  เขาบอกว่า  เริ่มต้นที่วาดเส้น 

  1. เส้นตั้งฉากหลายๆ เส้น  IIIII
  2. เส้นแนวนอนซ้อนๆ กันหลายเส้น
  3. เส้นเฉียงออก ////
  4. เส้นเฉียงเข้า 

เลยแถมวงกลมให้ด้วย

 วันนี้วาดเส้น เส้นตรงก็ไม่ตรง เส้นนอนก็นอนแบบงอไปมา เส้นเฉียงก็ช่องไฟ ไม่สม่ำเสมอ วงกลมก็เบี้ยว แบน ดีนะไม่บุบบิบบู้บี้

วาดเข้าไป สู้เขาสิ ดีดี

ไว้ให้จัดการกับหน้าลานดีดี เก่งก่อนนะ  ดีดี จะนำภาพไอ้เส้นที่ว่ามาใช้ชมเป็น ฝันตา  อิอิ!

 


พลัง ขอขอบพระคุณ และคารวะด้วยหัวใจคนชอบวิ่ง

7 ความคิดเห็น โดย นักการหนิง เมื่อ 19 ตุลาคม 2008 เวลา 4:05 (เย็น) ในหมวดหมู่ เรื่องเล่าจากลานดีดี #
อ่าน: 1407

วันนี้กลับบ้านมาด้วยพลัง อย่างมากมาย หลังจากที่ไปร่วมกิจกรรม KM ที่วงน้ำชา เชียงราย บ้านเกิด

  • รู้สึกถึง พลังแห่งสติปัญญาและความเฉลียวฉลาดของมวลมนุษย์
  • เรียนรู้ความสุข ความอบอุ่นที่สร้างสรรค์การเรียนรู้
  • กระตุ้นให้กลับไปสู่ความฝันเล็กๆ ที่ถูกลืมเลือนไปหลายๆ แล้ว
  • แต่ในที่นี้ ต้องขอบพระคุณ อ.ใหญ่แห่งวงน้ำชา และน้องๆ ห้องนั่งเล่น ที่ลืมไม่ได้คือคุณเม กับประโยคประกาสิต การดูแลผู้อื่นก็คือการดูแลตัวเอง
  • และที่ต้องขอบคุณมากๆ คือหมอเบิร์ด เจ้าของลานน้ำฟ้า และปรายดาว สำหรับรอยยิ้มและอาหารอร่อยๆ โดยเฉพาะห่อนึ่งไก่ อิ อิ อิ
  • ถัดมาๆ คือน้องสาวผู้น่ารัก น้องอิ่ม อิ่มสมชื่อ อิ่มเอิบด้วยความรัก ความเมตตา ความหวังดี ความมีพลังในการสร้างสรรค์สังคมที่ดี ๆ อิ่มเล็กๆ ในสังคนที่ซับซ้อนวุ่นวายนี้  อิ่มเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ในดลกใบนี้
  • ถัดมาอีก ๆ ที่ขอขอบคุณมากๆ ในที่นี้  คือพี่น้อง สุกัญญา จันทร์สิงห์ แห่งเทศบาลนครสองแคว ว้าว ๆ  เปิดทางให้ลานดีดี ได้เปิดลานดีดี ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยพลัง  พี่น้องที่มีให้ความรัก และความอบอุ่น และทักทอสานพลังรัก เฉกเช่นเดียวกับชือที่พวกเราในวงน้ำชาเรียกขาน คือ พี่น้อง
  • และที่ขอคารวะด้วยหัวใจ คือคนชอบวิ่ง  ผู้มีสายตาดุจอินทรีย์  มีความลุ่มลึก และมีความเมตตากรุณา  ผู้จุดประกายการสร้างสรรค์ การทำงานเพื่อองค์กรเทศบาลนครสองแคว  และเพื่อสังคม เพื่อนำพาคุณภาพดีดี ของชึวิต ของหัวใจ สู่สังคม ด้วยลานดีดีตัวเล็กๆ


บันทึกแรกของฉัน!

91 ความคิดเห็น โดย นักการหนิง เมื่อ 19 ตุลาคม 2008 เวลา 3:30 (เย็น) ในหมวดหมู่ เรื่องเล่าจากลานดีดี #
อ่าน: 1938

ขอขอบคุณลานปัญญา 

  • nning  ขอพื้นที่ลานเล็ก ๆ เป็น ลานดีดี เพื่อสรางสรรค์ พลัง ความรัก ความรู้ และพลังการรับใช้สังคม จากคนตัวเล็กๆ ในครอบครัวเล็กๆ
  • ลานดีดี มาจากชื่อตัวหน้าและชื่อตัวหลังของชิ่อจริง และขอสร้างสิ่งดีดีในลานดีดี



Main: 0.075663089752197 sec
Sidebar: 0.052080869674683 sec