หนูเจี๊ยบ แห่งโรงพยาบาลพุทธราช

23 ความคิดเห็น โดย นักการหนิง เมื่อ 23 มกราคม 2009 เวลา 10:25 (เย็น) ในหมวดหมู่ เรื่องเล่าจากลานดีดี #
อ่าน: 1912

วันนี้หนูเจี๊ยบแห่งโรงพยาบาลพุทธราช  โทรมาปรึกษาเรื่องเขียนบล๊อก  อืม ใจสั่งมาสำคัญมากเนอะ  เลยมาเปิดพื้นที่ให้หนูเจี๊ยบลองอ่านดูเนอะ  ถอดบทเรียนตัวเองก่อนดีไหม…………..

และเราก็ปรึกษาเรื่องการทำสุนทรียสนทนากัน ที่จริงหนูเจี๊ยบน่าจะเป็นที่ปรึกษาให้นักการหนิงมากกว่า เพราะ หนูเจี๊ยบเขาลงมือทำในหน่วยงานของตนเอง  ที่สำคัญคือ ขยายผลไปถึงญาติคนไข้ด้วยซ้ำ ว่างๆ วันไหนจะเข้าไปเป็นกำลังใจให้หนูเจี๊ยบตอนที่น้อง ดอกอะไรกับญาติคนไข้

เป็นกำลังใจให้กับคนเก่งของเรา  นี่ถ้าผ่านวงน้ำชาสักรอบน่าจะไปฉลุย  โลด…………

วันนี้ดอกอะไรกันทางโทรศัพท์  พรุ่งนี้คือวันที่ 5 ก.พ.52 จะไปดอกอะไรที่บ้านคุณหมอจอมป่วนกับคุณหมอสาวตา อิอิ

การเรียนรู้ผ่านเครือข่าย เป็นการต่อยอดความรู้ที่น่าสนใจ  นอกจากนั้นยังมีกระบวนการ เติมรักเติมใจให้กันและกันโดยมิต้องร้องขอ

 


สุนทรียสนทนาอีกครั้ง

16 ความคิดเห็น โดย นักการหนิง เมื่อ 12 มกราคม 2009 เวลา 9:46 (เย็น) ในหมวดหมู่ เรื่องเล่าจากลานดีดี #
อ่าน: 1919

วันก่อน(จำวันที่ไม่ได้)    นักการอิ่มและนักการหนิงได้จัดสุนทรียสนทนาอีกครั้ง    ตานี้ใช้ห้องเล็กที่เคยหมายปองไว้    วันนี้สมาชิกที่เคยร่วมสุนทรียสนทนา  ไม่มากนัก  ทีมนักการอิ่มบางส่วนไปจัดนิทรรศการ  เนื่องจากไม่เป็นการบังคับหลายคนจึงเลือกที่จะทำงาน  มีสมาชิกหน้าเดิม เช่น เจี๊ยบ ตุ๋ย เอ๋ จากสำนักการช่าง  ส่วนอิ้ดวันนี้ต้องวิ่งเสนองานตามใบสั่ง

วันนี้นักการหนิงนำผ่อนพักตระหนักรู้ 30 นาที ต่อจากนั้นเป็น Voice Dialogue  และสุนทรียสนทนา การมีความสุขในชีวิตประจำวัน

จอมป่วนถามว่า ใครปฏิบัติธรรมมั่ง  เพื่ออะไร  เพื่อนิพพานไหม  แล้วหลังจากออกจากวัดแล้ว จิตเป็นอย่างไรบ้าง  มีคนพูดถึงภาวะจิตและการปฏิบัติภายหลังจากกลับบ้านและทำงาน  ก็ยังพบว่าตัวเองไม่สามารถรักษาภาวะจิตได้

การนั่งสมาธิเป็นการควบคุมให้จิตนิ่ง หรือเป็นการตามดูจิตและดึงกลับมาอยู่กับตัวเอง

นักการหนิงเอง  เล่าให้ฟังว่าตนเองเคยปฏิบัติธรรมและพบภาวะเดียวกันคือไม่สามารถรักษาภาวะจิตได้  ขณะนี้ใช้สุนทรียสนทนา สนทนาธรรม ในโอกาสต่างๆ และสนทนากับคุณประทับ สามี  และเล่าเรื่องแม่สามี  ว่า…………

เมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา ได้ไปหาแม่สามี  แม่เป็นคนหัวเราะง่าย หัวเราะเก่ง และแม้จะอยู่กับผู้คนแม่ก็มักจะคิดถึงแต่เรื่องขำขำ ……… เห็นชัดว่าแม่ปล่อยวางเป็น  และหาความสุขได้ด้วยตนเอง  เห็นชัดถึงความใสของแม่  ในขณะที่ทานอาหารเย็นด้วยกัน   ทุกครั้งคุณประทับ ไม่เคยสังเกตแม่    วันรุ่งขึ้นได้เดินทางไปเชียงรายเพื่อกลับบ้าน  นักการหนิงได้คุยกับคุณประทับ ว่า  “แม่เขาใสนะ  เขาไม่คิดหาความทุกข์มาใส่ตัว  เขาทำบุญ  เที่ยว และทำกิจวัตรประจำวันอย่างไม่เป็นทุกข์………..”   คุณประทับ ฟังและใคร่ครวญ   จนวันสุดท้ายเดินทางกลับพิษณุโลก    เขาพูดว่าเห็นแม่แล้วให้ได้คิด  ว่าคนเราเกิดมาต้องเกิดแก่เจ็บตาย   แต่จะอยู่อย่างไรให้มีความสุข  ต่อไปจะไม่เศร้าแล้ว  แม้จะเจ็บป่วย คนเราอย่างไรก็ต้องตาย  แต่ระหว่างที่ยังดำรงชิวิตอยู่ควรจะอยู่อย่างมีความสุข  ไม่เศร้า  ไม่คิดหาความทุกข์มาใส่ตัว  ไม่กังวล………..

วงสนทนาคุยว่าที่จริงแล้วธรรมะและความสุขเป็นเรื่องง่ายๆ  ทำไมต้องยึดติดพิธีกรรมอะไรมากมาย

นักการอิ่มพูดถึงสุนทรียสนทนาที่ทำผ่านมาเพื่อเป็นการหล่อเลี้ยงผู้คนในองค์กร  แต่ต้องแล้วแต่ความสมัครใจ เพราะสิ่งเหล่านี้ต้องเข้าร่วมวงเอง  สมาชิกหลายคนบอกกล่าวว่าดีมาก  และจะมาร่วมกิจกรรมให้สม่ำเสมอ โดยเฉพาะคนจากสำนักการช่าง  ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

 

ถอดบทเรียน

1. สุทรียสนทนาใช้ได้กับชีวิตการทำงาน

2.  ผู้คนมักมองข้ามเรื่องราวอะไรบางอย่างที่สำคัญไป

3. ใจอิ่มและหล่อเลี้ยงคนรอบข้าง  เป็นความสุขอย่างหนึ่ง

 

 


สุทรียสนทนา ศาสตร์และศิลปะแห่งการหันหน้าเข้าหากัน ….สำหรับชุมชน วันที่สอง

30 ความคิดเห็น โดย นักการหนิง เมื่อ 6 มกราคม 2009 เวลา 11:39 (เช้า) ในหมวดหมู่ เรื่องเล่าจากลานดีดี #
อ่าน: 2260

 

วันนี้ไก่มาแล้ว    ไก่จึงทำผ่อนพักตระหนักรู้ด้วยการอ่านเรื่องโมโม่   เกือบ 40 นาที….. มีคนกรนด้วย  ไชโย   ไชโย ประสบความสำเร็จ

 

 

และเริ่มกิจกรรม   การวาดภาพความสุขที่ประทับใจ  ครั้งนี้ให้จับคู่เล่า และเมื่อคนแรกเล่า  คนที่สองฟังอย่างตั้งใจ  แล้วเล่าทวนเรื่องที่คนแรกเล่า  และผลัดกัน  ทำให้ได้รู้จักคนอื่นมากขึ้น

 

 

กิจกรรมที่สอง  World Café  เป็นการแบ่งกลุ่มพูดคุยกัน  ประมาณ 5 - 6 คน  ซึ่งในวันแรกได้ซักซ้อมนักการทุกคนให้แยกกลุ่มในลักษณะ Home Base  เพื่อเหนี่ยวนำกิจกรรมในกลุ่ม   อิ่มให้ตัวกวน คือ อะไรทำให้เราสามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข    มีเงื่อนไขว่ามีคนหนึ่งเป็นดอกไม้  คนที่เหลือเป็นผีเสื้อ   ดอกไม้ไม่ต้องเปลี่ยนกลุ่ม  ผีเสื้อโบยบินไปดอมดมดอกไม้ดอกอื่น   เมื่อเข้ากลุ่มใหม่ดอกไม้เป็นผู้เล่าให้ผีเสื้อฟังว่ารอบที่แล้วมาคุยกันว่าอย่างไร   แล้วจึงให้ผีเสื้อพูดคุยเพิ่มเติม 

 

 

กลุ่มที่นักการหนิงเข้านั้น  เริ่มต้นด้วยการล้อมวงเป็นกลุ่มและคุยกันเป็นกลุ่ม  สักพักหนึ่งเริ่มมีคนแยกกันคุยกันสองคน  นักการหนิงเลือกที่จะพูดทีหลังด้วยการเติมเต็มในเรื่องของการให้  และพยายามดึงสองคนที่แยกคุยกันกลับเข้ามาในคุยกันเป็นกลุ่มเหมือนเดิม……….  ไม่สำเร็จ  แต่ก็เพียงสองคนที่แยกไป  คนที่เหลือก็ยังคงเป็นกลุ่ม  …………มี อสม.ยกมือขอเป็นดอกไม้ในกลุ่ม   Home Base   กลุ่มนี้จึงไม่สำเร็จ   นักการหนิงก็ต้องเป็นผีเสื้อ  โบยบินไปดอมดมดอกไม้ดอกอื่น 

 

รอบที่สองนักการอิ่มให้ผีเสื่อเปลี่ยนกลุ่ม  และพูดคุยในหัวข้อเดิม  รอบที่สอง   ไม่มีคนแยกคุยกันแต่ยังมีคนคอยสอดแทรกระหว่างที่คนในกลุ่มแสดงความคิดเห็นบ้าง   นักการหนิงก็ต้องใช้สมาธิในการนิ่งฟังอย่างตั้งใจ  รอบนี้นักการอิ่มให้คนในกลุ่มเสนอตัวเป็นดอกไม้ใหม่ที่ไม่ใช่คนเดิม  รอบนี้จึงยกมืออย่างฉับไว…..  สำเร็จ

 

รอบที่สาม มีหนุ่มชาวชุมชนดีอินทร์เข้ามาในกลุ่ม  มีพี่จินตนา  พี่สุนันท์   ครานี้เกิดเรื่องมหัศจรรย์ขึ้น  กลุ่มนี้ไม่ได้คุยตามหัวข้อที่ได้รับมา  แต่คุยกันเรื่องทำชุมชนอย่างไรให้มีความสุข  รองรับคนได้ทุกกลุ่มทุกวัยในชุมชน โดยมีดีอินทร์เป็น  Best Practice  การแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และเริ่มแลกเปลี่ยนความรู้สึกในวันนี้ …….. เป็นไปตามธรรมชาติ    การเล่าและการฟังเป็นไปอย่างธรรมชาติ    

 

·        พี่จินตนาบอกว่าความรู้สึกเหมือนนำใจออกมาล้างและใส่กลับเข้าไปใหม่   รู้สึกใจเอี่ยมขึ้น                

 

·        พี่สุนันท์รู้สึกว่าตัวเองมีค่าและไม่ท้อที่จะเพื่อชุมชน 

 

·        และคนอื่นๆ อีกหลายคน…..มีสิ่งดีดีออกมาจากใจ

 

เวลาผ่านไปเท่าไร ไม่มีใครสนใจ ทุกคนดื่มด่ำ  ทุกคนมีความสุข  ทุกคนมีพลัง ……… หลังจากนั้นนักการอิ่มก็นำเข้าสู่วงสนทนาโดยการเชิญชวนให้สมาชิกถ่ายทอดความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากการอยู่ร่วมกันในสองวัน  ติดตามได้ในลานซักซ้อมจินตนาการ  http://lanpanya.com/phiangpen/?p=24

 

 

ด้วยความที่ระยะเวลาในการบ่มเพาะสั้น  ทุกครั้งที่นักการอิ่มจะนำเข้ากิจกรรม  จะให้ทุกคนอยู่กับตัวเอง  ทบทวนใคร่ครวญเรื่องราวในอดีตที่สอดคล้องกับตัวกวนในกิจกรรมต่อไป   และให้ทุกคนจินตนาการถึงความสุข  ความอบอุ่น  ความรัก  ความหวังดี  ที่ได้รับจากกันและกัน  …. ประมาณ 5 นาที นักการอิ่มเฉลยว่าเป็นการนำสู่คลื่นอัลฟ่า  และเป็นการให้ทุกคนได้ทบทวน  บ่มเพาะข้อมูล…..  อืม

 

หลังจากนั้นอีกวันหรือสองวัน   ทีมนักการทั้งหลาย ทำ AAR  นักการหนิงเข้าร่วมช้า ต้องมาทบทวนกันอีกนิดหนึ่ง

 

                การฟัง  สร้างกำลังใจดีดีได้

 

                พี่นิด พูดแล้วมีคนฟัง ….  ทั้งๆ ที่ผ่านๆ มาพี่นิดพูดเรื่องที่เป็นปัญหาที่เกิดจากการดูแลชุมชน  กระทบกับสวัสดิภาพของพี่นิด ไม่มีใครสนใจแม้กระทั่งฟัง…………..  มุ่ยฟังพี่นิดอย่างตั้งใจ 

 

                สัมผัสได้ถึงธรรมชาติของชุมชนที่กรอบไม่หนา

 

                นักการทุกคนมีความสุข

 

                นักการเองได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้

 

                เล่าเป็น  ฟังเป็น  ใจมา( จริงๆ ) แลกเปลี่ยนได้โดยอัตโนมัติ  ไม่ต้องมีพิธีรีตองมากมาย

 

                ใจมา คือ  ใจที่เคารพผู้อื่น  เคารพประสบการณ์ผู้อื่น  เคารพความรู้   ศักยภาพของผู้อื่น  ชื่นชมความสำเร็จของผู้อื่น   เคารพความไม่รู้ของตนเอง  เคารพความอ่อนน้อมของการเรียนรู้ของตนเอง   น้อมรับความสำเร็จประสบการณ์ผู้อื่น ปรับใช้กับตัวเอง  ชุมชน สังคมของตัวเอง

 

                การสัมผัส  สัมพันธ์  เกิดทั้งภาษาพูด ภาษากาย

 

                กิจกรรม  World Café  น่าจะต้องทำถึงสามรอบเนอะ  เพราะสังเกตมาสอง สามครั้ง แล้วว่าการเรียนรู้  การปรับต้ว  การแลกเปลี่ยนเรียนรู้   น่าจะเกิดในรอบที่สองท้ายๆ และรอบที่สาม 

 

                เอะ ถ้ามีรอบที่สี่จะเกิดอะไรขึ้นหนอ  มากไปไหมหนอ  คนจะเบื่อไหมหนอ 

                               

                …………..

 

                ……….

 

                …..

 

กิจกรรมและถอดบทเรียนเหมือนขนมจีนกับน้ำยาอย่างไง  อย่างงั้นเลยแหล่ะ  และเหมือนที่พี่เมแห่งวงน้ำชาพูดไว้  การดูแลผู้อื่นคือการดูแลตัวเอง

 



Main: 0.052909851074219 sec
Sidebar: 0.1196300983429 sec