ปลุกพลังบวก

3 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 14 มิถุนายน 2011 เวลา 8:44 (เช้า) ในหมวดหมู่ เรื่องที่เรียนรู้ #
อ่าน: 1271

เข้าไปเจอ you tube เรื่องปลุกพลังบวก  แม้จะเก่าแล้ว แต่มันดีจริงๆ  อยากเอามาแบ่งปัน

http://www.youtube.com/watch?v=alPxjS57ow0&feature=feedrec_grec_index


แปลเพลงเก่า ให้เป็นกลอน

11 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 12 มิถุนายน 2011 เวลา 5:56 (เย็น) ในหมวดหมู่ งานอดิเรก #
อ่าน: 1642

วันอาทิตย์ อยู่ว่างๆ วาดรูปไปสองรูป  แต่ไม่ได้อย่างใจ   เลยหาอย่างอื่นทำ   ซึ่งก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าเปิดเวป “ลานปัญญา”

ไม่ได้เปิดแค่วันเดียว  ใครต่อใครเขียนมามากมาย   อ่านแทบไม่ทัน  โดยเฉพาะ  ”ขาประจำ”   ที่แม่ใหญ่ สมัครเป็นแฟนคลับอยู่  เป็นคนหนึ่งที่เขียนเร็วมากๆ  และต้องรีบอ่าน  เพราะเธอขู่ว่า ถ้าไม่มีคนอ่าน เธอจะลบไม่ให้เปลืองที่ในลาน

คนๆนี้  ได้มีโอกาสเจอตัวเป็นๆมาแล้ว     ตอนเจอ และฟังวาจาคารม  ก็สะกิดใจว่า เหมือนใครหว่า รู้สึกคุ้นๆ  ยิ่งอ่านความคิด ความอ่าน  ในลาน อุแม่เจ้า ช่างมีอะไรคล้ายกันมากๆ ทั้งแนวคิดเรื่องฝรั่งมังค่า   ความปากคอจัดจ้าน   ความเป็นศิลปิน  ความเป็นนักเขียน ความเป็นนักวิทยาศาสตร์  ความเป็นนักเพลง เป็นนักเลง (อ้อ “นัก”  สุดท้ายนี้ไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่) และยังเป็น นักอะไรต่อมิอะไรอีกเหลือจะพรรณา

มาสะดุด  อยู่ที่  บล๊อคสุดท้าย เกี่ยวกับเพลง “Perhaps love is….” ที่มีชื่อแม่ใหญ่ไปอ้างอิงนิดหน่อย    และอ่านจากคอมเมนท์ ก็มีคนอยากทราบความหมาย เลยนึกสนุก  เอาความเป็นอดีตครูสอนภาษาอังกฤษ  กับเคยเป็น คนชอบเขียนกลอนเล่นๆ สมัยเรียนอยู่โบราณคดี มาผสมกัน  ก็เลยมีผลผลิตออกมาดังต่อไปนี้ (ผิดถูกอย่างไร ใครจะท้วงติง ตามสบาย  เพราะบางตอนก็ต้องให้ กลอนพาไปเหมือนกัน)

Perhaps love is like a resting place
A shelter from the storm
It exists to give you comfort
It is there to keep you warm
And in those times of trouble
When you are most alone
The memory of love will bring you home\

บางทีรัก คงจะคล้ายให้ที่พัก
เมื่อพายุกระหน่ำหนัก โถมเข้าใส่
เพื่อให้ปลอด รอดพ้นจากผองภัย

ความทรงจำ นำรักให้ ได้กลับมา

Perhaps love is like a window
Perhaps an open door
It invites you to come closer
It wants to show you more
And even if you lose yourself
And don’t know what to do
The memory of love will see you through

บางทีรัก อาจจะเป็น เช่นหน้าต่าง
และประตู ที่เปิดกว้าง อยู่ข้างหน้า

ยามสับสน ขอเชิญให้ ใกล้เข้ามา
ความทรงจำ นำรักพา มาด้วยกัน


Oh, Love to some is like a cloud
To some as strong as steel

บางคนว่า ความรักเบาราวปุยเมฆ
แต่บางคนว่าเหมือนเหล็ก ที่แกร่งกั้น

For some a way of living
For some a way to feel

บ้างว่าเป็น ทางชีวิตสืบเผ่าพันธุ์
บ้างว่าเป็น เหมือนฝัน ผ่านอารมณ์

And some say love is holding on
And some say letting go
And some say love is everything
And some say they don’t know

บ้างอยากจะยึดยื้อถือเอาไว้
บ้างปล่อยไปตามทางที่เหมาะสม
บ้างยกเป็นทุกอย่างแสนชื่นชม
บ้างโง่งมไม่รู้จัก รักเป็นไง


Perhaps love is like the ocean
Full of conflict, full of pain
Like a fire when it’s cold outside
Thunder when it rains
If I should live forever
And all my dreams come true
My memories of love will be of you

บางที่รักอาจเป็นมหาสมุทร
ที่แสนสุดลึกล้ำช้ำชอกจิต
เป็นไฟเย็นหรือเป็นน้ำอมฤต
สายฟ้าฟาดมืดมืด ทุกทิศทาง

แต่ถ้าฉันได้อยู่คู่นิรันดร์
และความฝันเป็นจริงทุกสิ่งอย่าง
ความทรงจำรักฝากไว้ไม่เลือนราง
จะขอวางหัวใจไว้ที่เธอ


ขอความเห็นผู้รู้ในลาน

8 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 11 มิถุนายน 2011 เวลา 10:51 (เช้า) ในหมวดหมู่ งานอดิเรก, ชีวิตกับโรงเรียน, เรื่องที่เรียนรู้ #
อ่าน: 1966

ตั้งใจไว้ว่า  พวกงานอดิเรก ของเล่นต่างๆ  จะเป็นอะไรที่  ราคาย่อมเยา  ไม่สร้างความเดือดร้อน แก่เงินโรงเรียน (กงสี) จะใช้เฉพาะเงินเก็บส่วนตัว ที่ได้รับจากเงินที่ปรึกษา  เดือนละพอกินพอใช้เท่านั้น    ที่ผ่านๆมาก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ  แต่ของเล่น หรืองานอดิเรกชิ้นใหม่ คือเรื่อง ทำนาทดลอง   อาจต้องโอนให้เป็น โครงการของโรงเรียน และใช้เงินโรงเรียนเสียแล้ว  เพราะรู้สึกว่าชักจะเกินกำลัง  (กระเป๋า ส่วนตัว)  

 

เดิมตั้งใจไว้ว่า จะทำนา ปลูกข้าว กับทำสวนป่า เล็กๆไว้เป็นให้เด็กนักเรียนได้มาศึกษา หาความรู้ กับภูมิปัญญาไทย   การจะพาเด็กนักเรียนมาทัศนศึกษา เข้าสังเกตการณ์ ลงมือปฏิบัติ   ก็ต้องวางแผนเรื่องสถานที่  พอสมควร  เพื่อความสะดวก  และรวมถึงความสวยงามด้วย    จึงได้วางผังที่นา  ไว้เป็นสัดส่วน  ได้เนื้อที่ทำนา ประมาณสองไร่   นอกนั้น จะเป็นที่ปลูกป่า และพืชผักต่างๆตามฤดูกาล  ตามที่ได้เคยเขียนเอาไว้ในบล๊อค  ชื่อ  วันเริ่มต้น หลังจากรอผู้รับเหมาถมดินชุดแรกอยู่ สามอาทิตย์  ก็ยังไม่มาเสนอราคา คงเป็นเพราะฝนฟ้าตก  จนทำไม่ได้ หรือไม่ ก็ยังติดงานที่อื่นอยู่    เวลาดำนาปลูกข้าวก็ใกล้เข้ามา  จนแม่ใหญ่ใจร้อน  ไปหาผู้รับเหมารายใหม่  มาตีราคา   เจ้านี้  ค่อยว่องไวหน่อย  ให้งานไปแค่สองวัน  เขียนแบบ ส่งราคามาเร็วทันใจ  แต่เล่นเอา แม่ใหญ่ หัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม (เนื่องจากไม่เคยทำเรื่องถมดินมาก่อน )  ผู้รับเหมา  เสนอราคามาที่ สามแสนเศษๆนิดหน่อย   ใบเสนอราคาที่ส่งมา ทำมาโดยละเอียดตามหลักวิชาการ มีการคำนวณดินที่ใช้ถมถนน กว้าง ขนาด 6 เมตร  ยาว 100 เมตร ถนนสูง 1.40 เมตร  ถนนยาวเข้าไปถึง สระน้ำด้านหลัง  โดยใส่ท่อระบายน้ำ ให้ด้วย  3 จุด  และคำนวณดินที่จะใช้ถมที่ที่จะเตรียมไว้ปลูกบ้านเรือนไทย เนื้อที 5.00*40.00*1.40  เมตร รวมทั้งเตรียมที่ทำนา แต่งคันนาให้เป็นที่เรียบร้อย 

การทำตามแบบนี้   จะต้องใช้ดินเป็นพันๆคิวที่เดียว   แม่ใหญ่ส่ายหัวดิกๆ   ไม่ได้ว่าเขาเสนอราคาเกินเหตุหรอก  ดูจากจำนวนดินที่เขาคำนวณออกมาแล้ว  มันก็มากจริงๆ  เพราะที่นาเป็นที่ลุ่ม ลึกกว่าถนนตั้ง 1.40 ม. แต่มันเกินงบ ที่คิดจะทำเป็นงานอดิเรกเสียแล้ว    ได้ลองปรึกษา  ผู้รับเหมาว่า จะทำอย่างไร ให้งบประมาณ  ลดลงไปสักครึ่งหนึ่งจะได้หรือไม่  ผู้รับเหมาก็เลยลองคำนวณดูว่า  ถ้าจะเอา งบประมาณเป็นตัวตั้งก็ได้เหมือนกัน  แต่ถนนที่คิดไว้จะสูง    1.40  เท่าถนนด้านหน้า   ก็จะลดลงมาที่ 70 ซ.ม. แทน   แต่รูปร่างทุกอย่างก็ยังคงเป็นตามผังเดิมที่แม่ใหญ่วางไว้

เมื่อคืนนอนคิดอยู่คนเดียว ว่า  ถ้าเราจะเปลี่ยนแผน  คือไม่ทำถนนเข้าไปหาบ่อน้ำ  แต่ถมที่ด้านหน้า  เอาไว้ปลูกบ้าน โดยมีเนื้อที่ทำสนามหน้าบ้านเล็กน้อย   ปล่อยท้องนาและสระว่ายน้ำไว้หลังบ้าน    วิธีนี้จะเร็วและราคาถูกลงมากกว่าครึ่ง           โทรไปปรึกษากับผู้รับเหมา เขาก็บอกว่า  เขาทำให้ได้ง่ายและเร็วมาก  แต่มันจะไม่ได้สวยสมใจตามฝันที่แม่ใหญ่วางไว้  ที่ว่าบ้านทั้งสองหลังจะหันหน้าไปทางสระน้ำ  และมีท้องนา มาเป็นฉากหน้าของบ้าน

แม่ใหญ่ ถ่ายรูปผังทั้งสองแบบ   มาลงไว้ในบล็อคนี้แล้ว    ยังตัดสินใจไม่ได้ ว่าจะใช้ผังเก่า(แบบถนนสูง 70 ซ.ม) หรือผังใหม่  ที่เอาบ้านไว้ด้านหน้าดี    อยากฟังความคิดเห็น  ของผู้รู้ในลานสักหน่อย  ขอเป็นวิทยาทานก็แล้วกัน     แม่ใหญ่ต้องรีบหน่อยแล้ว เดี๋ยวทำนาไม่ทันหน้านานี้พอดี

 

 


เก็บของเก่า เอามาใช้

4 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 8 มิถุนายน 2011 เวลา 11:55 (เช้า) ในหมวดหมู่ ชีวิตกับโรงเรียน #
อ่าน: 1482

ในโรงเรียนที่มีครูผู้หญิงมากๆ มักจะหนีเรื่องนินทา กาเล    กันไม่ค่อยพ้น  เนื่องจากเป็นปกติวิสัยของมนุษย์ที่ชอบมองแต่คนอื่น  ไม่มองดูตัวเอง  แม่ใหญ่ต้องไปหยิบเอาเนื้อหาเรื่อง  “สัตว์สี่ทิศ”  เข้ามาทำเป็นกิจกรรมให้ ครูรู้จักเรา   รู้จักเขา  หัดมองตัวเอง  และเข้าใจคนอื่น อยู่เป็นประจำทุกปี   กิจกรรมที่นำมาใช้ก็หนีไม่พ้นเรื่อง สัตว์สี่ทิศ   เพราะใช้เมื่อใดก็ได้ประโยชน์เมื่อนั้น          เป็นการกระตุกต่อมคิดครูได้ ไม่น้อยเลย

แม่ใหญ่เคยเข้าสัมนา กับอาจารย์ วิศิษฐ์  วังวิญญู  อาจารย์ ประชา หุตานุวัตร  และไปเข้าจิบน้ำชา กับ  ดร. วรภัทร  ภู่เจริญ มาก่อน  ทั้งสามกระบวนกร ชั้นเซียนนี้   ล้วนแล้ว แต่นำเรื่องสัตว์สีทิศ  เข้ามาใช้ในการละลายพฤติกรรมผู้เข้าอบรมสัมนา ด้วยวิธีการต่างๆกัน   ในเวป gotoknow.org  หรือแม้แต่ในเวปลานปัญญาเอง  ก็มีคนเขียนเรื่อง “สัตว์สี่ทิศกันมาแล้วมากมาย 

แต่วันนี้  แม่ใหญ่ ขอเล่า  “สัตว์สี่ทิศ” เวอร์ชั่นที่แม่ใหญ่   เพิ่งนำมาใช้กับ ผู้ช่วยครู  ของโรงเรียน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ปีนี้มี  ผู้ช่วยครูเข้ามาใหม่หลายคน  ยังไม่ค่อยได้ทำความรู้จักกัน เพราะเพิ่งเปิดเทอมได้ไม่นาน   และโอกาสที่จะทำความรู้จักกันก็น้อย  เพราะผู้ช่วยครู ไม่มีโอกาสเข้าประชุมแผนก ทุกสัปดาห์เหมือน ครูประจำชั้น   ดังนั้น แม่ใหญ่ จึงได้ขอเชิญผู้ช่วยครูทั้งหมด 12 คน มาพูดคุยกัน เมื่อวานนี้  ในช่วงบ่ายโมงถึงบ่ายสองโมง ซึ่งเป็นเวลาเด็กหลับพอดี

การวางแผนกิจกรรมต้องให้กระชับเพราะมีเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง  ดังนั้น แม่ใหญ่ จึงเริ่ม

  • กิจกรรมที่ 1   “รู้เรา”   ด้วยการนำเอา  ลักษณะนิสัยของสัตว์ทั้งสี่ทิศ   มาแจกให้ทุกคนอ่านเงียบๆ   5 นาที   และให้นึกว่า ตัวเองมีลักษณะนิสัย   เหมือนสัตว์ตัวใดในสี่ชนืดนี้ โดยให้ความจำกัดความกว้างๆ  ไว้ว่า

                               1. กระทิง นิสัย เน้นเป้าหมายเป็นหลัก ลงมือทำไปก่อน เดี๋ยวดีเอง ใจร้อน แต่ขยัน
           เกลียดคำว่าทำไม่ได้     ต้องทำได้

                                2. หนู นิสัย ห่วงใยสัมพันธภาพ เกรงใจเพื่อน    ข้อเสียคือ ปากกับใจไม่ตรงกัน           
           ถ้าหนูกลัวแล้วจะดื้อสุดขีด เก่งเรื่องเจรจา แคร์เรื่องคนที่ตัวเองรัก  

                               3. หมี นิสัย   ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ไม่ยอมเปลี่ยน มั่นคง ไม่ชอบเสี่ยง
             ทำ ทุกอย่างเป็นขั้นตอน  มองการณ์ไกล แต่แคบ รู้ลึกแต่ไม่กว้าง

                               4. อินทรีย์ นิสัย นก ชอบการเปลี่ยนแปลง มองกว้าง ภาพรวม vision ไกลแต่เบลอ
           ข้อเสีย คือ รู้ทุกเรื่องแต่ไม่ลงมือทำ รู้กว้างแต่ไม่ลึก 

 

เมื่อให้ครูรู้จักตนเองพอสมควรแก่เวลาแล้ว   แล้วก็มาต่อด้วย

  • กิจกรรมที่ 2   “รู้เขา”   ให้ครูมองหน้ากัน  ยิ้มให้กัน  เลือกจับคู่กับคนที่คุ้นเคยน้อยที่สุด  ให้เวลา สิบนาที  ในการเล่าเรื่องตัวเองให้คู่ฟังว่า  ตนเป็นใครมาจากไหน เรียนจบอะไรมา ทำงานห้องไหน  กับครูประจำชั้นชื่ออะไร  ทำไมมาทำงานที่นี่  แล้ว มีความสุขกับงานไหม แล้วลงท้ายบอกว่าตัวมีลักษณะนิสัยแบบสัตว์ตัวไหน ยกตัวอย่างที่ตัวเองเป็นเพื่ออ้างอิง

 

  • กิจกรรมที่ 3  “ ฟังแล้วบอกต่อ  ” ให้แต่ละคน  เล่าให้กลุ่มฟังว่า  คู่ของตนเป็นใครมาจากไหน เรียนจบอะไรมา ทำงานห้องไหน  กับครูประจำชั้นชื่ออะไร  ทำไมมาทำงานที่นี่  แล้ว มีความสุขกับงานไหม แล้วลงท้ายบอกว่าตัวมีลักษณะนิสัยแบบสัตว์ตัวไหน (กิจกรรมนี้  ใช้เวลาประมาณ  20 นาที   เพราะผู้เข้าประชุมมีทั้งหมด 12 คน เล่า คนละสองนาที ก็เข้าไป 24 นาทีแล้ว )

 

  • กิจกรรมสุดท้าย “วิเคราะห์ทีมงาน”  ให้แต่ละคน คิดว่า ครูประจำชั้นของตน มีลักษณะนิสัยเช่นไร  เมื่อทำงานร่วมกัน แล้วเกิดความเข้าใจกันเพียงใด  หรือมีปัญหาอะไรที่ทำให้ทำงาน  ไม่ราบรื่นบ้าง (กิจกรรมนี้ใช้เวลา  อีก ประมาณ 20 นาที เช่นกัน )

เวลามีน้อย โอกาสวิเคราะห์มีไม่มากนัก    รู้สึกผู้เข้าประชุมยังอยากคุยต่อ  แต่ต้องกลับไปปฏิบัติภาระหน้าที่   จึงบอกไว้ว่า  เดือนหน้า เรามาพบกันอีกที  มาพบกับแม่ใหญ่ มีแต่กิจกรรมสนุกๆให้เล่นกันนะ ไม่ต้องเกร็ง  เรามารู้จักกันไว้ ดีกว่า  เวลาทำงานด้วยกัน มันจะได้ราบรื่น  ถ้า  “รู้เขา รู้เรา”  “เข้าใจเขา เข้าใจเรา” “เอาใจเขามาใส่ใจเรา”  เรื่องยากๆก็จะเป็นเรื่องง่าย


 
 
 

 

 

 

 


เอาเบคแฮม มาอวดหมอเบิร์ด

7 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 7 มิถุนายน 2011 เวลา 12:50 (เย็น) ในหมวดหมู่ งานอดิเรก #
อ่าน: 1559

ขอแอบเขียนแบบไม่ค่อยวิชาการหน่อย  คงไม่ถูก Logos ตำนิว่าใช้ลานไม่คุ้มนะคะ  อยากเอาเบคแฮมขึ้นโชว์แบบเดี่ยวๆบ้าง  เพราะมันเป็นหมาแสนรู้มากๆ 

บ้านแม่ใหญ่ และบ้านลูกสาวอยู่คนละบริเวณ  ห่างกันประมาณ ครึ่งกิโล  แต่ที่บ้านลูกสาวมีบ่อน้ำ  ดังนั้น มันจะต้องเดินทางไปอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณแทบทุกวันที่บ้านยายจิ๊ก  ขากลับก็จะเดินเชิดหน้าพา เจ้าสามขา (เพื่อนหมาที่เราไม่ค่อยอยากต้อนรับเท่าไหร่)  เข้ามาเดินเบ่งในบ้านเราด้วย 

เดิมเราอยากให้เบค อยู่ในเขตบ้าน หรือขังกรงไว้ เพราะเราเห็นเขาเป็นหมาบางแก้วที่ใครๆว่าดุ   แต่ไม่ประสบความสำเร็จ  สามารถปีนกำแพง ข้ามรั้ว  ได้ยังกับลิง ขังก็ไม่ได้  เคยทำได้ครั้งเดียว  พอมันรู้วันหลังจับไม่ได้เลย  เมื่อเรายอมแพ้ให้มันเป็นหมาอิสระ มันก็ไม่แสดงอาการดุไปกัดใคร ก็เลยวางใจ ปล่อยเลยตามเลย  เพิ่งมาสังเกตว่ามันมีรายการจองเวรกับคนเฉพาะบางคนที่มันไม่ชอบ  คือ เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการของโรงเรียน ที่คอยไล่ให้มันกลับบ้าน ไม่ให้มันเข้าไปในบริเวณโรงเรียน เพราะกลัวไปรบกวนเด็กนักเรียน  มันก็ยอมเชื่อฟัง ไม่ไปโรงเรียน แต่ถ้าแม่ใหญ่ ให้พวกธุรการเอางานเข้ามาส่งในบ้าน มันจะวางก้าม ทำตาเขียว และแอบแง๊บเขาจนขาเขียว  จนเดี๋ยวนี้เจ้าหน้าที่ธุรการไม่กล้าเข้าบ้านเลย

น่าสงสารที่ตอนมันเป็นหนุ่ม มันไปกัดกับหมาอีกตัวหนึ่ง และมันโดนกัด “ไข่” จนเราต้องเอาไปหาหมอ และหมอตัด ไข่ มันออก  มันจึงเป็นขันที ไปเสียแล้วตั้งแต่ในตอนนั้น

วีรกรรมอีกอย่างหนึ่งที่เพิ่งสังเกตเห็นก็คือ มันชอบเดินออกไปที่ร้านอาหารหน้าปากซอย  ทั้งๆที่เราก็มีอาหารให้มันกินไม่มีอดหยาก  คิดว่าคนแถวนั้นเขาคงเอ็นดูและให้อาหารมันด้วย  มันจึงชอบไปบ่อยๆ  วันหนึ่งแม่ใหญ่ขับรถเข้าซอยมา ขณะที่มันเดินสวนออกไป   เชื่อหรือไม่ว่า มันเอาหน้าหลบเข้าข้างทาง    เพราะมันนึกว่า  ถ้ามันไม่เห็นเรา  แล้วเราก็คงไม่เห็นมัน เหมือนกัน  มันร้ายจริงๆเลยเจ้าตัวนี้ 

ไหนๆก้เขียนเรื่อง หมาส่วนตัวไปแล้ว ก็ขอเอาความรู้เรื่อง  ประวัติหมาบางแก้ว  มาแบ่งปันกันหน่อย   ไปได้มาจากเวปหนึ่งในขอนแก่นนี่เอง      เห็นมีสาระน่ารู้เกี่ยวกับหมาพันธุ์นี้ จึงขอเอามาแชร์กับผู้สนใจเข้าไปอ่านดูได้ http://www.bangkaewkhonkaen.com/articles/484887/คอกสุนัขประกายบางแก้วขอนแก่น.html

 



Main: 0.69195008277893 sec
Sidebar: 0.28222513198853 sec