ขอความเห็นผู้รู้ในลาน
ตั้งใจไว้ว่า พวกงานอดิเรก ของเล่นต่างๆ จะเป็นอะไรที่ ราคาย่อมเยา ไม่สร้างความเดือดร้อน แก่เงินโรงเรียน (กงสี) จะใช้เฉพาะเงินเก็บส่วนตัว ที่ได้รับจากเงินที่ปรึกษา เดือนละพอกินพอใช้เท่านั้น ที่ผ่านๆมาก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่ของเล่น หรืองานอดิเรกชิ้นใหม่ คือเรื่อง ทำนาทดลอง อาจต้องโอนให้เป็น โครงการของโรงเรียน และใช้เงินโรงเรียนเสียแล้ว เพราะรู้สึกว่าชักจะเกินกำลัง (กระเป๋า ส่วนตัว)
เดิมตั้งใจไว้ว่า จะทำนา ปลูกข้าว กับทำสวนป่า เล็กๆไว้เป็นให้เด็กนักเรียนได้มาศึกษา หาความรู้ กับภูมิปัญญาไทย การจะพาเด็กนักเรียนมาทัศนศึกษา เข้าสังเกตการณ์ ลงมือปฏิบัติ ก็ต้องวางแผนเรื่องสถานที่ พอสมควร เพื่อความสะดวก และรวมถึงความสวยงามด้วย จึงได้วางผังที่นา ไว้เป็นสัดส่วน ได้เนื้อที่ทำนา ประมาณสองไร่ นอกนั้น จะเป็นที่ปลูกป่า และพืชผักต่างๆตามฤดูกาล ตามที่ได้เคยเขียนเอาไว้ในบล๊อค ชื่อ วันเริ่มต้น หลังจากรอผู้รับเหมาถมดินชุดแรกอยู่ สามอาทิตย์ ก็ยังไม่มาเสนอราคา คงเป็นเพราะฝนฟ้าตก จนทำไม่ได้ หรือไม่ ก็ยังติดงานที่อื่นอยู่ เวลาดำนาปลูกข้าวก็ใกล้เข้ามา จนแม่ใหญ่ใจร้อน ไปหาผู้รับเหมารายใหม่ มาตีราคา เจ้านี้ ค่อยว่องไวหน่อย ให้งานไปแค่สองวัน เขียนแบบ ส่งราคามาเร็วทันใจ แต่เล่นเอา แม่ใหญ่ หัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม (เนื่องจากไม่เคยทำเรื่องถมดินมาก่อน ) ผู้รับเหมา เสนอราคามาที่ สามแสนเศษๆนิดหน่อย ใบเสนอราคาที่ส่งมา ทำมาโดยละเอียดตามหลักวิชาการ มีการคำนวณดินที่ใช้ถมถนน กว้าง ขนาด 6 เมตร ยาว 100 เมตร ถนนสูง 1.40 เมตร ถนนยาวเข้าไปถึง สระน้ำด้านหลัง โดยใส่ท่อระบายน้ำ ให้ด้วย 3 จุด และคำนวณดินที่จะใช้ถมที่ที่จะเตรียมไว้ปลูกบ้านเรือนไทย เนื้อที 5.00*40.00*1.40 เมตร รวมทั้งเตรียมที่ทำนา แต่งคันนาให้เป็นที่เรียบร้อย
การทำตามแบบนี้ จะต้องใช้ดินเป็นพันๆคิวที่เดียว แม่ใหญ่ส่ายหัวดิกๆ ไม่ได้ว่าเขาเสนอราคาเกินเหตุหรอก ดูจากจำนวนดินที่เขาคำนวณออกมาแล้ว มันก็มากจริงๆ เพราะที่นาเป็นที่ลุ่ม ลึกกว่าถนนตั้ง 1.40 ม. แต่มันเกินงบ ที่คิดจะทำเป็นงานอดิเรกเสียแล้ว ได้ลองปรึกษา ผู้รับเหมาว่า จะทำอย่างไร ให้งบประมาณ ลดลงไปสักครึ่งหนึ่งจะได้หรือไม่ ผู้รับเหมาก็เลยลองคำนวณดูว่า ถ้าจะเอา งบประมาณเป็นตัวตั้งก็ได้เหมือนกัน แต่ถนนที่คิดไว้จะสูง 1.40 เท่าถนนด้านหน้า ก็จะลดลงมาที่ 70 ซ.ม. แทน แต่รูปร่างทุกอย่างก็ยังคงเป็นตามผังเดิมที่แม่ใหญ่วางไว้
เมื่อคืนนอนคิดอยู่คนเดียว ว่า ถ้าเราจะเปลี่ยนแผน คือไม่ทำถนนเข้าไปหาบ่อน้ำ แต่ถมที่ด้านหน้า เอาไว้ปลูกบ้าน โดยมีเนื้อที่ทำสนามหน้าบ้านเล็กน้อย ปล่อยท้องนาและสระว่ายน้ำไว้หลังบ้าน วิธีนี้จะเร็วและราคาถูกลงมากกว่าครึ่ง โทรไปปรึกษากับผู้รับเหมา เขาก็บอกว่า เขาทำให้ได้ง่ายและเร็วมาก แต่มันจะไม่ได้สวยสมใจตามฝันที่แม่ใหญ่วางไว้ ที่ว่าบ้านทั้งสองหลังจะหันหน้าไปทางสระน้ำ และมีท้องนา มาเป็นฉากหน้าของบ้าน
แม่ใหญ่ ถ่ายรูปผังทั้งสองแบบ มาลงไว้ในบล็อคนี้แล้ว ยังตัดสินใจไม่ได้ ว่าจะใช้ผังเก่า(แบบถนนสูง 70 ซ.ม) หรือผังใหม่ ที่เอาบ้านไว้ด้านหน้าดี อยากฟังความคิดเห็น ของผู้รู้ในลานสักหน่อย ขอเป็นวิทยาทานก็แล้วกัน แม่ใหญ่ต้องรีบหน่อยแล้ว เดี๋ยวทำนาไม่ทันหน้านานี้พอดี
« « Prev : เก็บของเก่า เอามาใช้
Next : แปลเพลงเก่า ให้เป็นกลอน » »
8 ความคิดเห็น
ถนนส่วนบุคคลไม่มีใครมาวิ่งสวน ยาวก็แค่ร้อยเมตร ทำกว้าง ๓ เมตร สูงกว่าหัวคันนาสัก 10 ซม. ก็พอนะแม่ใหญ่ ผมว่า (ถูกลง 4 เท่าทันที)
ส่วนบ้านนั้น อีกทางเลือก คือ ไม่ต้องถมเลยยังได้ ปล่อยให้น้ำมันนองเล่น มีปลาแหวกว่าย ปลูก ธูปฤาษี และพืชน้ำอื่นๆให้คลึ้ม เช่นมะกอกน้ำ สโน แล้วทำเป็นสะพานเดินชมธรรมชาติน้ำแฉะ ก็สวยไปอีกแบบนะผมว่า คำคืนอาจมีหิงห้อยมาบินบีบไฟให้แยงตาเล่น
ผมเคยขายแนวคิดให้คนไปทำสวนสัตว์ที่ชื้นแฉะ ก็ยังขายไม่ออก ผมว่าทำออกมาจะแหวกแนวดี มีกบ เขียด อึ่งอ่าง คางคก ปลาตีน ปู หอย กุ้งเดินดินก็มีนะ เป็นต้น ลูกอ๊อดว่ายในแอ่งโคลนตื้นเป็นกลุ่มดูน่ารักมาก พื้นที่รอบๆ บ้านแม่ใหญ่นี้ผมว่าถ้าปรับวิกฤตเป็นโอกาสก็น่าพอไหว กลายเป็นที่ศึกษาชีววิทยาของเด็กๆ ได้อีกด้วย ของกินพืชน้ำก็ปลูกเสริมได้ เช่น บอน สโน ผักบุ้ง สันตวา กระจอง ผักใบพาย สารพัดนะครับ
ถ้าตกลง วันหลังผมจะชวนพี่ชายสุดที่รักไปช่วยกันสุมหัวออกแบบให้ ค่าจ้างไม่น่าแพงหรอกครับ สำหรับวณิพกเพนจรอย่างสองเรา อิอิ (พี่เขาเก่งเรื่องพื้นที่ชื้นแฉะด้วยนะ เพราะใช้มันบำบัดของเสียจากโรงงาน)
ริมถนนสองข้างน่าปลูกอะไรดีหนอ เอาหลายๆพันธุ์หน่อย ให้เด็กๆ ได้ศึกษา นานไปกลายเป็นอุโมงค์ต้นไม้ ถนนกว้างสามเมตร น่าปลูกได้ เพราะรถยนต์กว้างแค่ 1.6 เมตร เป็นอย่างมาก ข้อเสียคือ เงามันอาจไปบังข้าวในนา เลือกเอาไอ้ที่ใบโปร่งๆ ก็ดีครับ ..เอ้า มาช่วยแม่ใหญ่คิดกันให้สนุกสมองเร้ว
เนื่องจากจะให้เป็นแปลงศึกษาของเด็กด้วย ผมจึงใคร่ขอเสนอว่า ไม่ควรปลูกพืชเชิงเดี่ยว แต่ปลูกหลายๆ พันธุ์ โดยเฉพาะผลไม้ป่าอันหลากหลาย เช่น คอลแลน มะหาด มะม่วงหัวแมงวัน หวดข่า หว้า ตะคร้อง ตะคอง นางดำ (หมากเค็ง) มะไฟ ตะลิงปิง ไข่เน่า กัดลิ้น ขี้หมู มะตูม มะขวิด และอีกมหาสารพัน ทำเป็นพิพิธภัณฑ์ผลไม้ป่าไปเลยครับ รับรองว่านอกจากเด็กแล้วจะมีผู้ใหญ่มาเยี่ยมชมอีกมาก อยากรู้ผลไม้ป่ามากๆ ไปปรึกษาหลวงตาแก่ๆ ทีเคยเป็นพระธุดงค์ รับรองว่าจดไม่ทันแน่ครับ
หาพระธุดงค์แก่ๆ ไม่ได้ ก็บอกนะครับ ผมจะพามาหาหลวงพ่อแคนของผม ดูเหมือนว่าท่านจะรู้ผลไม้หมดป่าอีสาน ที่เราฟังแล้วได้แต่อ้าปากหวอว่าชีวิตนี้จะได้ลิ้มรส หลากหลายพันธุ์ที่ท่านว่า “อร้อยยย.อร่อยย” ไหมหนอ
อ้อ ..ขอแถม สมอ สมอภิเภก มะเหลื่อม( สมอจีน..อร่อยมาก ไม้ก็ดี เนื้อแข็ง) กระบก (ลูกดกมาก แถมทำไวน์อร่อย เม็ดกินได้) กระท้อนป่า
หนีบเอาพี่ชายสุดที่รักมาฝากสักคนได้ไหม อิอิ
พี่เขาคนฉลาดมาก ๆ ทนอะไรงี่เง่าไม่ค่อยได้ ขี้ใจน้อย sensitive เกลียดคนรวย ไม่ดูถูกคนจน รักผู้หญิงทุกคน แต่รักเดียวใจเดียวเสมอ มันมีอะไรขัดแย้งเสมอแหละแม่ใหญ่เอ๋ย
การเป็นศิลปินและนักวิทยาศาสตร์ในคนเดียวกันนี่ ใครไม่เคยเป็นไม่รู้หรอกว่ามันยากแค่ไหน ต้องไปถามดาวินชี หรือ ไอน์ไสตน์ คงพอบอกได้