อ้าว..

อ่าน: 1653

ในระหว่างการเรียนการสอนของบ่ายวันหนึ่ง นักเรียนกำลังทำความเข้าใจเนื้อหาบนกระดานอย่างตั้งใจ
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ของนักศึกษาคนหนึ่งก็ดังขึ้นในห้องที่ทุกคนกำลังขมักเขม้นกับโจทย์ที่กำลังทำ

… (ริงโทน เสียงเพลงฮิต) … ดังเป็นเพลงขึ้นมา

เสียงขลุกขลักที่เกิดจากเจ้าของมือถือเครื่องนั้นพยายามหามือถือเครื่องนั้นก็ดังขึ้น
… (เสียงหาของ ไปพร้อมๆ กับริงโทนเพลงฮิต)

สักครู่ สิ่งที่อาจารย์ที่หน้าห้องเห็นก็คือ โทรศัพท์สายนั้น แทนที่จะถูกรับหรือกดทิ้ง กลับถูกส่งไปเป็นทอดๆ ประมาณห้า หก ทอด
นักศึกษาที่นั่งติดๆ กัน ส่งมือถือที่ยังส่งเสียงริงโทนเพลงฮิตไปเรื่อยๆ เป็นแถวๆ อย่างรวดเร็ว

… (ริงโทน เสียงเพลงฮิต) … ยังดังอยู่ตลอด

“อ้าว…” นักศึกษาที่รับเครื่องมาเป็นคนที่ ๕ ที่ ๖ เริ่มงงว่าส่งมาให้ฉันทำไมกัน ไม่ใช่โทรศัพท์เรานี่นา พร้อมๆ กับเสียงฮา ของนักศึกษาทั้งห้อง และเสียง นศ. คนหนึ่งที่นั่งติดกับเจ้าของโทรศัพท์พูดว่า… “แล้ว…ทำไมไม่รับล่ะ ส่งไปทำไม?”

…. ไม่มีคำตอบ มีแต่เสียงหัวเราะของคนทั้งห้อง

—————————————————-

เจ้าของโทรศัพท์ อารามตกใจที่โทรศัพท์ดัง..แทนที่จะรับโทรศัพท์ กลับส่งโทรศัพท์ที่เป็นต้นเสียงออกไปให้เพื่อน แบบตกใจขาดสติ ไม่ได้ทันคิดอะไร เพียงแต่ต้องการกำจัดโทรศัพท์ออกจากตัวเท่านั้น

ส่วนเพื่อนที่รับโทรศัพท์ต่อกันเป็นทอดๆ ก็ไม่รู้อะไร เขาส่งอะไรมาก็ส่งต่อไปเรื่อยๆ แบบว่าไม่รู้ว่าส่งทำไม และส่งให้ใคร
กว่าจะรู้ตัวกันก็ผ่านไปหลายคน หลายทอด…

อันนี้แสดงว่าอาจารย์สอนเก่งมาก นักเรียนอยู่ในภวังค์ หรือเวทย์มนต์จนทำอะไรไม่ถูกไปหมดเลยนะเนี่ย ฮ่าๆๆๆ

แต่ถ้าจะมองอีกแง่หนึ่งก็คือ สิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากอาการขาดสติ และคิดน้อยก็เป็นได้

เจ้าของโทรศัพท์ก็ลนลาน พยายามปัดสวะออกให้พ้นตัว… (นิสัยนี้เป็นกันเยอะ ไม่ใช่แต่เด็ก ผู้ใหญ่ก็เป็น) ที่สำคัญคือเป็นแบบอัตโนมัติ..ทันที

คนรับโทรศัพท์มาเป็นทอดๆ ก็รับกันต่อๆ ไป… ไม่ได้รู้เรื่อง ไม่คิดอะไร มีคนส่งมา ก็ส่งไป…
การพินิจ พิเคราะห์ ลดลงไปจนเกือบไม่มี… เหลือเพียง reaction ล้วนๆ

มานั่งคิดๆ ดู ตัวเราเองหรือผู้ใหญ่ทั้งหลาย ก็คงเป็นแบบนี้..ทำตามเขาไปเรื่อยๆ ไม่มากก็น้อย..ไม่ยั้งคิด เห็นอะไรก็ทำตามนั้น แบบไม่มีเหตุผล…

เห็นเหตุการณ์วันนี้ เลยได้สติ มานั่งพิจารณาตัวเอง จากเรื่องตลกในห้องเรียน ที่อาจจะไม่ตลก(นัก)ถ้าเป็นกันเยอะในสังคมนี้

« « Prev : คุยกับพ่อ

Next : ดีใจกับน้องสอง » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

10 ความคิดเห็น

  • #1 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 August 2008 เวลา 17:56

    อ้าว..

    บางที การโยนปัญหาไปให้คนอื่น ก็เป็น “การแก้ไขปัญหา” ของคนที่ไม่เคยแก้ไขอะไรเลยนะครับ

  • #2 sasinand ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 August 2008 เวลา 21:25

    แสดงว่าอาจารย์ เป็นคนที่นักเรียนเกรงใจค่ะ เพราะพอมีอะไรขึ้นมา ก็ลนลานเลย พยายามโยนสิ่งที่เป็นปัญหาออกไป กลัวโดนดุ
    แต่เอ..ทำไม อนุยาตให้เด็กเปิดเสียงล่ะคะ น่าต้องปิดเสียงนะคะ
    คุณหมอที่บ้านเคยไปสอนและเจอแบบนี้ ออกจากห้องเลย …ไม่สอน ถือว่า ไม่ให้เกียรติกันค่ะ

  • #3 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 August 2008 เวลา 23:04

    คุณ Logos คะ
    การแก้ปัญหาแบบโยนไปให้คนอื่น อาจเป็นการแก้ปัญหาแบบง่ายที่สุด(สำหรับคนนั้นๆ) ก็จริง แต่มันใช้แรง(สมอง)น้อยไปหน่อยนะคะ ฮ่าๆๆๆ เข้าข่ายมักง่ายค่ะ…  วันนี้เลยได้ตัวอย่างสอนพวกเด็กๆ ต่อในห้องนิดหน่อยค่ะ ^ ^

  • #4 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 August 2008 เวลา 23:11

    สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์
    ก็พยายามสอนเต็มที่ค่ะ เข้าใจว่าเด็ก(อาจจะ)เห็นความตั้งใจของเราบ้าง ก็เลยเกรงใจ กลัวเราดุ ^ ^
    เรื่องโทรศัพท์นี้ ก็บอกเขาอยู่ค่ะว่า เวลาเรียนให้ปิดเสียง เคยบอกทุกห้องไว้ว่า โทรศัพท์มา สามารถออกไปรับสายข้างนอกได้ อยากคุย สามารถออกไปได้ เช็คชื่อแล้ว อยากไปก็ได้ แต่ห้ามกวนคนอื่นที่กำัลังเรียนอยู่.. คือพยายามสอนความรับผิดชอบให้เขาไป แต่ก็ได้บ้าง ไม่ได้บ้างแบบนี้ล่ะค่ะ แล้วก็ไม่ได้ย้ำทุกครั้ง เพราะโตๆ กันแล้ว อีกอย่าง เราจะกลายเป็นอาจารย์แม่ใจร้าย หรือกลายเป็นอาจารย์แม่มดขี้บ่นไปค่ะ ฮ่าๆๆๆ
    เคยใช้นโยบายโหดๆ หลายอย่างเมื่อก่อนค่ะ ล๊อคห้องไม่ให้คนสายเข้าห้องเรียน ไล่คนออกจากห้องก็เคย (โหดจริงๆ เรา อิอิ) แต่ก็พบว่าบรรยากาศเสีย แล้วเด็กที่ทำก็ไม่สำนึก คนที่อยู่ในห้องพลอยโดนดุ.. ไปกันใหญ่ค่ะ ตอนหลังเลยเปลี่ยนเป็นเมตตามหานิยม แล้วก็เจาะรายที่เป็นปัญหาบ้าง เป็นรายๆ ไปค่ะ ^ ^

  • #5 sasinand ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 August 2008 เวลา 23:35

    ดีค่ะ อาจารย์ ลองเปลี่ยนหลายๆวิธี พี่เองไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้เลย มีแต่ไปจองนั่งแถวหน้า ไม่ขาดเรียน ถ้าไม่จำเป็นแบบคุณแม่ป่วยอะไรแบบนี้ เด็กสมัยนี้ แปลกไปมากๆ พี่ไม่ค่อยเข้าใจค่ะ
    สำหรับคุณหมอๆเป็นผู้ใหญ่ เป็นอาจารย์พิเศษ ถ้าไม่สนใจเรียน คุณหมอเขาก็ไม่สอน เคยเป็นเรื่องกันอยู่ทีนึง ทางคณบดี ต้องเรียกเด็กมากราบขอโทษ
    คุณหมอไม่อยากสอน บอกว่า เสียเวลา ต้องเตรียมการสอน ต้อง…อีกหลายอย่าง แต่บางที ก็เกรงใจกันค่ะ

  • #6 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 21 August 2008 เวลา 7:56

    เห็นด้วยสำหรับท่านอาจารย์หมอค่ะ ว่าผู้เข้ารับฟังควรให้เกียรติท่าน เป็นตัวเองก็เกรงใจท่านมากๆ ค่ะ  แต่ก็อย่างว่านะคะ เดี๋ยวนี้เด็กเขาไม่ค่อยเห็นหรือรู้สึกความรู้สึกของใครนอกจากตัวเองนัก ลืมตัวกันเยอะ ตัวเองชอบสรุปว่าเด็กรุ่นใหม่นี้ใช้ชีวิตฟาสท์ฟูต ฟาสท์เลนมากไป อะไรๆ ก็มักง่ายไปหมดค่ะ  ทำให้ได้ไอเดียไปเขียนเรื่องใหม่เลยค่ะ ^ ^
    ขอบคุณคุณพี่ที่เข้ามา ลปรร เสมอนะคะ

  • #7 จอมป่วน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 August 2008 เวลา 20:51

    รักและเมตตา  แต่ก็ไม่ตามใจจนเสียคนครับ

    อาจต้องทำอะไรบ้างครับ  แต่ด้วยรักและเมตตาครับ  อิอิ

    ว่าแต่ว่าอาจารย์คงจะดุนิดๆมั๊ง  อิอิ

     

  • #8 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 August 2008 เวลา 7:11

    เห็นด้วยทุกประการค่ะคุณหมอ ^ ^
    แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ คือเป็นคนดุค่ะ ฮ่าๆๆๆ แต่ก็ลดไปเยอะแล้วค่ะ อิอิ

  • #9 แป๋ว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 August 2008 เวลา 10:00

    นักศึกษาคงตกใจค่ะ ก่อนเรียนจะตั้งเป็นกติกาเหมือน อ.ตุ๋ยค่ะ เรื่องโทรศัพท์ว่าไม่ให้คุยในห้อง ให้ปิดเสียง หากเป็นสายสำคัญให้ออกไปคุยนอกห้อง…แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยเจอลูกศิษย์ที่ตกใจจนโยนเผือกร้อนให้เพื่อน…สงสัยพี่ยังดุไม่พอ…อิอิ

  • #10 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 August 2008 เวลา 7:14

    ใช่เลยค่ะพี่แป๋ว คิดว่าคงตกใจ เพราะคงกำลังตั้งใจเรียนอยู่ พอโทรศัพท์ดังก็รีบค้น แล้วก็ทำอะไรไม่ถูก เลยส่งต่อให้เพื่อน  ถ้าให้ประมาณตนเองแล้ว คิดว่าตัวเองดุกว่าพี่แป๋วแน่นอนค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ เป็นพวกโหดมันฮาค่ะ อิอิื


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.14736413955688 sec
Sidebar: 0.018842935562134 sec