คุยกับพ่อ
อ่าน: 1464เมื่อวานวันอาทิตย์ ปกติจะไปหาพ่อกับแม่ที่บ้าน พอดีแม่ไปอยู่ที่วัดกับน้าที่ป่วย ก็เลยได้นั่งคุยกับป๊านานมาก ได้ฟังเรื่องเล่าเก่าๆ สมัยพ่อยังเด็ก ซึ่งเป็นช่วงที่ชีวิตยากลำบากมากๆ บางครั้งดูแล้ว ไม่รู้ว่ารอดมาจนโตได้อย่างไร … แล้วคิดเปรียบเทียบกับสิ่งที่ตนเองได้รับจากพ่อและแม่ มันช่างต่างกันเหลือเกิน
ตอนเด็กๆ ไม่เคยรู้ว่าตัวเองเป็นคนโชคดี (รู้สึกเฉยๆ) มีพ่อมีแม่ มีบ้าน มีอาหาร มีคนรักเลี้ยงดู ส่งให้เรียนอย่างที่เราอยากเรียน ไม่มีบังคับกันเลย เพราะเป็นเด็ก ก็เห็นเท่าที่เห็น พ่อแม่ก็ไม่ได้อธิบายเรื่องยากๆ หรือความลำบากให้เราฟัง เลี้ยงดูเรามาแบบไม่ให้เราขาดอะไร แต่ก็ไม่ใช่ว่าตามใจ จะว่าไปชีวิตที่ผ่านมาก็เหมือนเส้นทางถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก แต่เส้นทางของอ่าม่ากับป๊านั้น เป็นป่าที่ต้องถางทำทางเอาเอง
อาม่า กว่าจะได้มีบ้าน(ของลูกชาย) เป็นของตัวเองก็ปาเข้าไปอายุ ๖๐ แล้ว ส่วนตัวเอง มีบ้านอยู่ตั้งแต่เกิด!!
คิดแค่นี้ ก็ซึ้งใจในพระุคุณของพ่อแม่กับ บรรพบุรุษ ทั้งหลายแล้วจริงๆ
เมื่อวานบอกป๊าไปว่า หวนคิดถึงความเจ็บปวดแต่หนหลังนั้นคิดได้ แต่อย่าไปเป็นทุกข์กับมัน ให้ดูว่าที่ลำบากผ่านมานั้น ได้สร้างบ้านที่ทุกคนได้ร่วมกันอยู่ วันนี้แค่ป๊ามีสุขภาพดี ไม่มีหนี้สิน มีบ้านของตัวเอง มีลูกหลานคอยดูแล เป็นเรื่องที่หลายๆ คนนั้นยังไม่มีเลย
ในใจก็คิดว่าจะดูแลพ่่อกับแม่ให้ดีที่สุด ทำให้ได้สำรวจตัวเองว่าเราได้ทำอะไรให้กับพ่อกับแม่ และยังมีอะไรที่ทำได้อีกด้วย
รณรงค์ให้สำนึกรักในบุพการี และประเทศชาิติค่ะ ^ ^
« « Prev : ขั้นที่ ๔
Next : อ้าว.. » »
4 ความคิดเห็น
ค่ะ อ่านแล้ว ลูกๆคงต้องรักพ่อแม่ให้มากขึ้น พ่อแม่ลำบากไม่ปริปาก ขอให้ลูกสบาย และได้เรียนเยอะๆ
พ่อแม่คือพระในบ้านค่ะ ไม่ไหว้พระในบ้าน ไหว้พระนอกบ้านก็ไม่น่าได้บุญค่ะ
เห็นด้วยค่ะคุณพี่ศศินันท์ พ่อแม่ปู่ย่าตายาย ทำงานหนักเพื่อให้ลูกหลานสบาย เราก็สบายจริงๆ ^ ^ ถึงเวลาที่เรามีโอกาสได้ดูแลท่านตอบแทน ก็ดีใจที่ได้ทำ และได้รับทราบเรื่องราวในอดีตค่ะ
สวัสดีค่ะพี่หมอเจ๊
มันเป็นเรื่องน่าประหลาดเหมือนกันนะคะ บางคนก็ลืมคิดถึงบุพการีที่บ้านไป มัวแต่ไปทำอย่างอื่นๆ กัน ไม่ได้นึกถึงพ่อกับแม่มากนัก บางทีงานและความสำเร็จ/ความทุกข์ส่วนตัวก็ทำให้เราลืมสิ่งสำคัญในชีวิตไปได้ง่ายๆ เลยนะคะ