อาม่าเล่าเรื่อง (๑๒) การเดินทางของตู้

อ่าน: 2513

     ตอนที่แล้ว ได้นำภาพตู้ไม้สองชั้น ที่อากงและอาม่าได้ใช้ประโยชน์มานานตั้งแต่เริ่มทำการค้า จนกระทั่งถึงรุ่นลูกที่ขยายกิจการ สร้างบ้าน (ร้านค้า) ใหม่  ตู้นี้อากงอาม่าจึงนำมาไว้ที่บ้านตึกที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย โดยใช้เก็บของเก่าต่าง ๆ และตู้นี้ถูกน้ำท่วมมาหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังทนทานอยู่ในสภาพที่พอใช้งานต่อไปได้  นอกจากตู้ไม้สองชั้นนี้แล้วยังมีตู้กระจกบานเลื่อนอีกหนึ่งหลังที่ใช้ในการวางสินค้าจำหน่ายด้านหน้าร้านของอากงอาม่าตลอดมา ที่หลังจากลูก ๆ เลิกใช้งานแล้ว อากงอาม่าก็ยังนำมาใช้เก็บของต่าง ๆ  ที่บ้านด้วยเช่นกัน  ตู้กระจกบานเลื่อนนี้กลายเป็นตู้ยาของอาม่าในระยะหลัง และน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้เมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา  ตู้ยาของอาม่านี้ก็ถูกน้ำท่วมจนหมด ยาต่าง ๆ ของอาม่าที่อยู่ในตู้จึงจมน้ำเสียหาย ส่วนที่อยู่บนหลังตู้ก็ลอยและถูกน้ำพัดพากระจายเสียหายหมดเช่นกัน 

ตู้กระจกบานเลื่อนก่อนถูกน้ำท่วม (เป็นตู้ยาของอาม่า) อ่านต่อ »


สิ่งดีดีในวันนี้

3 ความคิดเห็น โดย Panda เมื่อ 21 กันยายน 2010 เวลา 23:47 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา, สังคม ครอบครัว ชุมชน #
อ่าน: 2336

       วันนี้หลังจากอาหารเช้าที่ประกอบด้วย สลัดผักสดสูตรตามใจฉันที่จัดทำเองตามปกติพร้อมด้วยกาแฟดำถ้วยโปรด ก็ได้รับโทรศัพท์จากลูกคนหนึ่งส่งความสุขมาให้ หลังจากนั้นอีกไม่นาน ขณะที่กำลังจะออกจากบ้านไปหาคุณแม่ ก็มีลูกอีกคนมาพร้อมกับคู่ชีวิตและเพื่อนสนิทอีกคนขับรถมาจอดที่หน้าบ้านพอดี ทั้งสามคนลงจากรถเดินเข้ามาสวัสดี พร้อมนำตะกร้ารูปแม่ไก่ที่มีไข่ขนาดใหญ่อยู่เต็มมาอวยพรให้โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า  โดยลูกบอกว่าอยากจะให้พ่อเซอร์ไพรส์  นับว่าโชคดี ๆ จริง ๆ เพราะถ้ามาช้ากว่านี้อีกไม่เกินห้านาทีก็จะไม่ได้พบกันในเช้าวันนี้

        อ่านต่อ »


วุฒิอาสาร่วมพัฒนาชุมชน (๙) ปัญหาเร่งด่วนบ้านโคกพรม

4 ความคิดเห็น โดย Panda เมื่อ 16 กันยายน 2010 เวลา 20:18 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา, สังคม ครอบครัว ชุมชน #
อ่าน: 2824

      วุฒิอาสาธนาคารสมอง โคราช ร่วมกับสำนักพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยการนำของ ผอ. ไพโรจน์ ได้เข้าไปทำประชาคมครั้งที่ ๒  เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา  ที่บ้านโคกพรม อ. โนนไทย จังหวัดนครราชสีมา  การทำประชาคมครั้งนี้จัดกันที่ ศาลาประชาคม ของหมู่บ้าน ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณวัดโคกพรม ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของหมู่บ้านและภายในวัดมีโบสถ์โบราณตั้งอยู่ จึงเป็นที่มาของคำขวัญประจำหมู่บ้านโคกพรมว่าเป็น  “แดนคนดี  มโหรีปี่พาทย์ น้ำใสบึงสวย ร่ำรวยพืชผล โบสถ์โบราณ เรืองฤทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์มะม่วงใหญ่”  จากการพูดคุยสอบถามจากชาวบ้าน ทราบว่าโบสถ์โบราณ (ที่อยู่ใกล้ ๆ กับโบสถ์หลังใหม่) มีอายุมากกว่า ๓๐๐ ปี ภายในโบสถ์ยังคงมีพระประธานอยู่  

         อ่านต่อ »


อาม่าเล่าเรื่อง (๘) ชีวิตที่บ้านไม้สามชั้น

อ่าน: 2685

        ชีวิตของอากงอาม่าและครอบครัวเรา ที่บ้านเช่าชั้นล่างของ ตึกแถวไม้สามชั้น ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ เป็นไปด้วยความยากลำบากพอสมควร  นอกจากเปิดเป็นร้านค้าขายของทั้งเสื้อผ้าและของใช้ต่าง ๆ  ทุกอย่างที่คิดว่าจะขายได้ อากงก็จะไปหามาไว้ที่ร้านเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่คนแถบ บริเวณตรงกันข้ามกับร้านจะเป็นที่ตั้งโรงเรียนของเอกชนซึ่งต่อมาคือ โรงเรียนมัธยมปักธงชัย หรือเรียกย่อ ๆ ว่า โรงเรียน มป. ที่พวกพี่ ๆ น้อง ๆ ของเรา รวมทั้งตัวผมด้วยได้เข้าเรียนกัน  อาม่าเล่าว่า ช่วงสงครามและหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ใหม่ ๆ  ขณะที่ผมยังเล็กอยู่ ครูใหญ่ของโรงเรียนมัธยมปักธงชัย มีความสนิทสนมกับครอบครัวเราและอาม่ามาก  ครูใหญ่จะแวะมานั่งคุยเป็นประจำ และจะได้รับบุหรี่จากอาม่าให้ไปสูบฟรี ๆ อีกด้วย เพราะที่ร้านจำหน่ายบุหรี่ โดยอาม่าจะมวนบุหรี่เองเพื่อไว้จำหน่ายด้วย นอกเหนือจากบุหรี่ที่ซื้อมาเป็นซองสำเร็จ และเมื่อผมได้เข้าเรียนในชั้นมัธยมที่โรงเรียนนี้ คุณครูใหญ่ท่านนี้เองที่มีความรอบรู้มาก รวมทั้งเรื่องการดูดวงและการตั้งชื่อ  และเป็นผู้ตั้งชื่อปัจจุบันให้ผม ดังนั้นถ้าสอบประวัติของผมเมื่อเรียนอยู่ในชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนชุณหะวัณวิทยาคาร ก็จะไม่พบครับ เพราะยังใช้ชื่อจีน นามสกุลจีน (แซ่ตัง) อยู่ในตอนนั้น…  อ่านต่อ »


อาม่าเล่าเรื่อง (๗) เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสของชีวิต

1 ความคิดเห็น โดย Panda เมื่อ 29 สิงหาคม 2010 เวลา 17:23 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา, สังคม ครอบครัว ชุมชน #
อ่าน: 2678

       อากงทำงานเป็นเสมียนทำบัญชีที่ร้านใหญ่ในสมัยนั้น ก็อาจจะเทียบได้ว่าเป็นระดับผู้จัดการในสมัยนี้  มีรายได้เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายในครอบครัวได้อย่างสบาย แต่อยู่มาวันหนึ่งเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น คืออากงเกิดปัญหากับผู้ร่วมงานในร้านคนหนึ่งจนถึงขั้นทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรง  ในที่สุดทั้งสองคนถูกให้ออกจากงานทั้งคู่  ชีวิตอากงจึงพลิกผัน จากการมีงานอาชีพที่ดี มีรายได้หรือเงินเดือนที่ดี กลายเป็นคนตกงานทันที……เรื่องนี้ น่าจะเป็นข้อพึงสังวรณ์สำหรับทุกคนว่า ชีวิตคนเรานั้นตั้งอยู่ในความไม่แน่นอน  อาจจะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ……แต่อากงก็ใช้วิกฤตชีวิตครั้งนี้ให้เป็นโอกาส โดยการเปลี่ยนแปลงชีวิตจากการเป็นลูกจ้างคนอื่นมาเป็นนายของตนเอง  อากงเริ่มต้นทำธุรกิจของตนเอง ด้วยการไปเช่าห้องแถวเปิดร้านขายเสื้อผ้าและของใช้ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันเป็นของตนเอง และในช่วงเช้ายังนำเสื้อผ้าและของใช้บางส่วนไปขายที่บริเวณตลาดสดเพื่อเพิ่มรายได้อีกด้วย…..ตลาดสดนี้ในปัจจุบันมีการรื้อถอนไปแล้ว  เป็นบริเวณที่เปลี่ยนเป็นลานย่าโมในปัจจุบัน

          การเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งใหญ่อีกหนของครอบครัวอากงอาม่า เกิดขึ้นเนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ ๒ (เริ่มในยุโรป ปี พ.ศ. ๒๔๘๒ แต่ในประเทศไทย กองทัพญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกที่ประจวบคีรีขันธ์และอีกหลายจังหวัดในภาคกลาง ในวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๔   ฝ่ายสัมพันธมิตรเริ่มส่งเครื่องบินเข้ามาทิ้งระเบิดในพระนคร การทิ้งระเบิดครั้งแรก เมื่อวันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๕ เวลาประมาณ ๐๔.๐๐ น. หลังจากนั้น ในวันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๕ รัฐบาลก็ได้ประกาศสงครามกับอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศสอย่างเต็มตัว   อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเรื่อง สงครามโลกครั้งที่สองในประเทศไทย ในวิกกิพีเดีย) ทำให้ต้องอพยพครอบครัวออกจากเมืองโคราช อ่านต่อ »


อาม่าเล่าเรื่อง (๖) ช่วงสร้างครอบครัว

2 ความคิดเห็น โดย Panda เมื่อ 28 สิงหาคม 2010 เวลา 14:03 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา, สังคม ครอบครัว ชุมชน #
อ่าน: 1937

        อาม่ามีครอบครัวเมื่ออายุได้ ๑๘ ปี (ถ้านับแบบคนไทยก็อายุเพียง ๑๗ ปี เพราะคนจีนจะนับอายุเมื่อเกิดมาก็จะมีอายุหนึ่งปี)  อาม่าเล่าว่า การมีครอบครัวเมื่ออายุ ๑๘ ปีในสมัยโน้นถือว่าช้าหรือแก่ไปแล้ว  ในสมัยโน้นการแต่งงานของลูกหลานจีนส่วนใหญ่เป็นการแต่งงานโดยผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตกลงและเห็นชอบกัน บางทีเจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่เคยเห็นกันมาก่อนก็มี เป็นลักษณะที่ต่อมาเรียกว่า “การแต่งงานแบบคุมถุงชน” ในกรณีของอาม่ากับอากง มีโอกาสได้เห็นกันและทำความรู้จักกันก่อน โดยเริ่มต้นจากการที่มี  แม่สื่อมาพูดคุยกับผู้ใหญ่ (พ่อแม่) ของทั้งสองฝ่ายคือ เล่ากงเล่าม่า  เมื่อทั้งสองฝ่ายเห็นดีด้วยก็จะมีการนัดแนะมาดูตัวกัน ส่วนใหญ่จะเป็นการพาผู้ใหญ่ฝ่ายชายและตัวฝ่ายชายที่จะเป็นเจ้าบ่าวมาที่บ้านฝ่ายหญิง เพื่อดูตัวฝ่ายหญิง โดยฝ่ายหญิงมักจะเป็นคนนำน้ำหรือน้ำชา และ ของว่างออกมาบริการ ระหว่างที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกัน

       อาม่าและอากง ต่างเคยเห็นกันมาบ้าง เพราะอาศัยอยู่บนถนนสายเดียวกัน แต่อยู่ห่างกันพอสมควร  และครอบครัวทั้งสองก็รู้จักกันพอสมควรเนื่องจากเล่ากงมีอาชีพเป็นช่างไม้เหมือน แม้ว่าคนหนึ่งเป็นช่างก่อสร้างบ้านอีกคนเป็นช่างทำเฟอร์นิเจอร์ก็ตาม

       อ่านต่อ »


อาม่าเล่าเรื่อง (๓) เล่ากงเล่าม่า

อ่าน: 2638

        เรื่องของเล่ากงเล่าม่าของเรา  ฟังอาม่าเล่าใหม่ ๆ รู้สึกสับสนพอสมควร ก็พยายามค่อย ๆ คุยสอบถามเพิ่มเติมจนได้ภาพที่ค่อนข้างชัดเจน จึงนำมาเล่าไว้สำหรับลูก ๆ หลาน ๆ ได้รับทราบดังนี้

          อากงอาม่า ก็จะมีกันสองฝ่าย คือ ฝ่ายพ่อแม่ของพ่อ (ฝ่ายชาย) จะเรียกว่า ไล่กงไล่ม่า  ส่วนพ่อแม่ของแม่ (ฝ่ายหญิง) จะเรียกว่า งั่วกงงั่วม่า  เมื่อพูดถึงพ่อแม่ของอากงและอาม่าอีกชั้นก็จะเรียกว่า เล่ากงเล่าม่า ถ้าจะเรียกให้เต็มก็จะเรียกว่า ไล่เล่ากงและไล่เล่าม่า สำหรับ พ่อแม่ของอากง และ งั่วเล่ากงและงั่วเล่าม่า สำหรับพ่อแม่ของอาม่า

กรณีของอาม่าของเรายิ่งซับซ้อนมากขึ้นเพราะ  พ่อแม่ของอาม่ายกอาม่าให้เป็นลูกบุญธรรมของน้องชาย  ดังนั้นอาม่าจึงเหมือนมีพ่อแม่อย่างละ ๒ คน คือพ่อแม่ที่ให้กำเนิด กับพ่อแม่ที่เลี้ยงดูจนเติบใหญ่ นั่นคือพวกเราจะมี งั่วเล่ากงและงั่วเล่าม่า อย่างละ ๒ คน แต่เวลาพูดถึงโดยทั่วไปจะเรียกสั้น ๆ ว่า เล่ากงเล่าม่าเฉย ๆ โดยส่วนใหญ่ก็จะหมายถึง เล่ากงเล่าม่าที่มาอยู่เมืองไทยที่เลี้ยงดูอาม่ามาตั้งแต่เล็ก ๆ  สอบถามจากอาม่าจึงได้ทราบว่า อาม่าเก็บภาพของ เล่ากงเล่าม่าทั้งสอง ใส่กรอบเล็ก ๆ ไว้ จึงถ่ายภาพมาให้ได้เห็นกันครับ

 

ภาพเล่ากงเล่าม่า ที่เป็น พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดอาม่า  ที่อยู่เมืองจีน อ่านต่อ »


อาม่าเล่าเรื่อง (๑) การเดินทางมาจากเมืองจีน

2 ความคิดเห็น โดย Panda เมื่อ 12 สิงหาคม 2010 เวลา 9:30 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา, สังคม ครอบครัว ชุมชน #
อ่าน: 2164

      ในวาระวันแม่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ นี้ เราได้เตรียมรูปที่ อาม่า (Lin Hui) ได้ถ่ายรูป อาม่า (ตัวจริง) เมื่อปลายเดือนที่แล้ว และพิมพ์ด้วยตนเองด้วยเครื่องพิมพ์ที่บ้าน ออกมาในขนาดเต็มกระดาษ A4 นำไปใส่กรอบเรียบร้อย เพื่อจะมอบให้อาม่าในวันแม่ปีนี้

      จากที่อาม่าเล่าให้ฟัง อาม่าเป็นชาวจีนแต้จิ๋ว เกิดที่อำเภอเก๊กเอี๊ย จังหวัดซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน  เดินทางมาประเทศไทยกับคุณพ่อ (เตี่ย) โดยทางเรือ ตอนที่ตัวเองมีอายุได้เพียง ๘ ขวบ โดยออกเดินทางจากบ้านเกิดมาที่ซัวเถา โดยเรือเล็กใช้เวลาเดินทางไม่นาน (ราวสองสามชั่วโมง) แล้วจึงมาขึ้นเรือใหญ่ที่ซัวเถา เดินทางต่อมาประเทศไทย ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งอาทิตย์หรือ ๗ วันจึงถึงประเทศไทย ตอนนี้อาม่า อายุ ๙๕ ปี ก็ลองลบดูเอาเองนะครับว่า อาม่าเดินทางมาประเทศไทยในปี พ.ศ. ใด

 

            อ่านต่อ »


วันพิพากษายึดทรัพย์

1 ความคิดเห็น โดย Panda เมื่อ 26 กุมภาพันธ 2010 เวลา 16:25 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา, สังคม ครอบครัว ชุมชน #
อ่าน: 2714

        วันนี้ (๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓) เป็นวันที่เรา วุฒิอาสาธนาคารสมอง จังหวัดนครราชสีมา นัดประชุมกันไว้ล่วงหน้า ที่ห้องประชุมของศาลากลางจังหวัด เพื่อรายงานกิจกรรม ปรึกษาหารือการดำเนินงานโครงการและเรื่องต่าง ๆ ต่อไปในปี ๒๕๕๓ อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  เป็นการประชุมประจำเดือนครั้งที่ ๒ ที่เราได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมด้วย  การประชุมวันนี้ มีผู้มาร่วมประชุมน้อยกว่าครั้งแรกที่เราได้เข้าร่วมประชุมด้วย  สาเหตุหนึ่งที่ทำให้สมาชิกมาประชุมกันน้อยก็อาจจะเป็นเพราะว่า วันนี้เป็นวันที่หลาย ๆ คน สนใจติดตามข่าวสารข้อมูล การอ่านคำพากษาคดียึดทรัพย์ อดีตนายกรัฐมนตรีและครอบครัว ของประเทศไทยท่านหนึ่ง ที่มีมูลค่ามหาศาล คือมากกว่า ๗๖,๐๐๐ ล้านบาท (เจ็ดหมื่นหกพันล้านบาท) 

         อ่านต่อ »


สัมผัสหลวงตาแชร์ พเนจร

อ่าน: 2940

         ได้มีโอกาสสัมผัส หลวงตาแชร์ พเนจร  หรือ พระครูอมรชัยคุณ เจ้าอาวาสวัดสุชัยคณาราม และดูแล วัดอาศรมธรรมทายาท  ครั้งแรกในการ เข้าร่วมประชุม วุฒิอาสาธนาคารสมอง เมื่อปลายเดือนมกราคม  หลังจากนั้นก็มีโอกาสร่วมเดินทางไปถวายพระพรในหลวงกับท่านหลวงตาแชร์อีกในต้นเดือนกุมภาพันธ์  และเมื่อวันที่ ๑๑ ที่ผ่านมาก็ได้พบกันอีกในงาน ผู้ตรวจการแผ่นดินพบประชาชนอีสาน  แล้วในวันรุ่งขึ้นคือ วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ จึงได้มีโอกาสได้ไปเยี่ยมท่าน ที่วัดอาศรมธรรมทายาท  ซึ่งอยู่ติดกับอ่างซับประดู่  ต. มิตรภาพ อ. สีคิ้ว จ. นครราชสีมา  ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากท่านหลวงตาแชร์ และคนในชุมชน ที่มาร่วมพูดคุยกับคณะผู้ตรวจการแผ่นดิน ตั้งแต่เวลาประมาณ ๙ นาฬิกา จนถึง ๑๑ นาฬิกาเศษ  จึงหยุดเพื่อหลวงตาและพระสงฆ์จะได้ฉันท์เพล ส่วนฆารวาส ก็รับประทานอาหารร่วมกัน จากฝีมือ โยมแม่ของหลวงตาแชร์  ซึ่งมาทราบภายหลังว่าเปิดร้านอาหารที่ชื่อ ร้านแม่มาลัยปลาเผา ที่อ่างซับประดู่  เป็นกิจการครอบครัว เพื่อบริการนักท่องเที่ยว  ที่มาพักผ่อนท่องเที่ยวในบริเวณนี้

           หลังจากได้พูดคุยกับคนในชุมชนที่มาร่วมและฟังคำอธิบายสรุปของสิ่งที่ ท่านหลวงตาแชร์ ได้ทำงานพัฒนาชุมชนมาแล้วอึ้งครับ  ท่านเป็นพระนักพัฒนาตัวจริง ที่น่าภาคภูมิใจของโคราช  นับว่าผมโชคดีจริง ๆ ที่ได้มีโอกาสมารู้จักครับ  วันนี้จึงขอนำข้อมูลบางส่วนของการทำงานพัฒนาเครือข่ายของท่านมาเสนอครับ

 “การทำงานพัฒนา” เครือข่ายพระสังฆพัฒนาโคราช อ่านต่อ »



Main: 0.14913201332092 sec
Sidebar: 0.17254304885864 sec