ความสุขเจ้าเอย
อ่าน: 1704หลายครั้งที่เราวิ่งหาความสุข เรายอมลงทุนลงแรง ออกเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความสุขอย่างที่หวังไว้ และก็หลายครั้งที่เราออกดั้งด้นหามันแล้วสุดท้ายก็คว้าได้แต่ความทุกข์และความอ่อนล้า
จริงๆ แล้วความสุขนั้นสามารถหาได้ง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องออกแรงแม้แต่น้อย หรือกระทั่งนั่งเฉยๆ ก็สามารถสุขได้
หลายวันก่อนผมเป็นแผลในปาก ตอนแรกเป็นแผลเดียว ต่อมาก็เป็นเพิ่มอีกแผล อาการไม่ได้มากมาย แต่รู้สึกรำคาญมาก พยายามรอให้มันหายเอง สองวันก็แล้ว สามวันก็แล้ว ไม่หายสักที ต่อมาก็ไปหายาป้ายปากมาป้าย หวังว่ารุ่งเช้าก็น่าจะหาย ที่ไหนได้กลับไม่หาย ต้องรอสักสองวันถึงจะหายดี
ผ่านเหตุการณ์นั้นไปสักเกือบสัปดาห์ ขณะที่เปิดอ่านหนังสือเล่มหนึ่งของท่าน ติช นัท ฮันห์ อยู่ ซึ่งตอนนี้จำไ่ม่ได้ว่าเล่มไหนและบทไหน แต่่จำได้ว่าขณะอ่านจิตก็หวนไปคิดถึงเหตุการณ์ที่เคยทรมานเพราะแผลในปาก
ธรรมดาเวลาที่เราหวนคิดถึงเรื่องที่เราทุกข์ เราก็จะสำเนาความทุกข์นั้นมาด้วย หมายถึงว่าเมื่อคิดถึงความทุกข์ขณะใดขณะนั้นก็ทุกข์ด้วย แต่เหตุการณ์คราวนี้กลับตรงข้าม แทนที่จะได้รับความทุกข์ผมกลับได้รับความสุข มันเป็นอาการที่บอกไม่ถูก รู้แค่ว่ามันสุขซ่านไปทั้งตัว เป็นอยู่ขณะหนึ่งแล้วก็หายไป
ผมลองกลับมาคิดว่าทำไมเวลาคิดถึงความทุกข์เราจึงมีความสุขได้ และได้คำตอบว่าจิตในขณะนั้นไม่ได้คิดถึงแต่เพียงความทุกข์ที่ผ่านมาอย่างเดียว มันคิดไปไกลกว่านั้น คือมันเอาความทุกข์มาเทียบกับปัจจุบันขณะที่ร่างกายปกติดี และจิตมันก็ยินดีกับความเป็นปกตินั้น (ไม่รู้ว่าเรียกว่า ‘ปีติ’ ได้หรือไม่?)
พูดง่ายๆ ก็ืคือ ความสุขเกิดจากความไม่ทุกข์นั่นเอง
แม้ว่าความสุขนี้จะไม่คงทนถาวรอะไร แต่มันก็เป็นความสุขที่หาได้ง่าย ไม่ต้องลงแรงอะไรเลย ก็แค่คิดถึงความทุกข์ที่เคยมีเท่านั้นเอง ซึ่งผมเชื่อพวกเราก็มีกันทุกคน
ที่เขียนมาก็เผื่อว่าใครที่กำลังประสบความทุกข์อยู่ จะได้มีกำลังใจว่าเรากำลังได้เก็บอีกประสบการณ์หนึ่ง เพื่อความสุขในวันข้างหน้า หรือถ้ามีความสามารถพอ แทนที่จะเทียบกับประสบการณ์ที่ผ่านมานาน ลองเอามาเทียบให้สั้นเข้าโดยเทียบกับ เมื่อวาน เมื่อคืน ชั่วโมงที่แล้ว นาทีที่แล้ว วินาทีที่แล้ว…หรือแม้แต่ขณะจิืตที่แล้ว
แต่ผมยังทำไม่ได้ขนาดนั้นหรอกครับ ได้แค่นี้ก็สุโขสโมสรแล้วครับ