ความสุขเจ้าเอย

โดย Nothing เมื่อ 18 December 2010 เวลา 12:34 am ในหมวดหมู่ ธรรมะ #
อ่าน: 1697

หลายครั้งที่เราวิ่งหาความสุข เรายอมลงทุนลงแรง ออกเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความสุขอย่างที่หวังไว้ และก็หลายครั้งที่เราออกดั้งด้นหามันแล้วสุดท้ายก็คว้าได้แต่ความทุกข์และความอ่อนล้า

จริงๆ แล้วความสุขนั้นสามารถหาได้ง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องออกแรงแม้แต่น้อย หรือกระทั่งนั่งเฉยๆ ก็สามารถสุขได้

หลายวันก่อนผมเป็นแผลในปาก ตอนแรกเป็นแผลเดียว ต่อมาก็เป็นเพิ่มอีกแผล อาการไม่ได้มากมาย แต่รู้สึกรำคาญมาก พยายามรอให้มันหายเอง สองวันก็แล้ว สามวันก็แล้ว ไม่หายสักที ต่อมาก็ไปหายาป้ายปากมาป้าย หวังว่ารุ่งเช้าก็น่าจะหาย ที่ไหนได้กลับไม่หาย ต้องรอสักสองวันถึงจะหายดี

ผ่านเหตุการณ์นั้นไปสักเกือบสัปดาห์ ขณะที่เปิดอ่านหนังสือเล่มหนึ่งของท่าน ติช นัท ฮันห์ อยู่ ซึ่งตอนนี้จำไ่ม่ได้ว่าเล่มไหนและบทไหน แต่่จำได้ว่าขณะอ่านจิตก็หวนไปคิดถึงเหตุการณ์ที่เคยทรมานเพราะแผลในปาก

ธรรมดาเวลาที่เราหวนคิดถึงเรื่องที่เราทุกข์ เราก็จะสำเนาความทุกข์นั้นมาด้วย หมายถึงว่าเมื่อคิดถึงความทุกข์ขณะใดขณะนั้นก็ทุกข์ด้วย แต่เหตุการณ์คราวนี้กลับตรงข้าม แทนที่จะได้รับความทุกข์ผมกลับได้รับความสุข มันเป็นอาการที่บอกไม่ถูก รู้แค่ว่ามันสุขซ่านไปทั้งตัว เป็นอยู่ขณะหนึ่งแล้วก็หายไป

ผมลองกลับมาคิดว่าทำไมเวลาคิดถึงความทุกข์เราจึงมีความสุขได้ และได้คำตอบว่าจิตในขณะนั้นไม่ได้คิดถึงแต่เพียงความทุกข์ที่ผ่านมาอย่างเดียว มันคิดไปไกลกว่านั้น คือมันเอาความทุกข์มาเทียบกับปัจจุบันขณะที่ร่างกายปกติดี และจิตมันก็ยินดีกับความเป็นปกตินั้น (ไม่รู้ว่าเรียกว่า ‘ปีติ’ ได้หรือไม่?)

พูดง่ายๆ ก็ืคือ ความสุขเกิดจากความไม่ทุกข์นั่นเอง

แม้ว่าความสุขนี้จะไม่คงทนถาวรอะไร แต่มันก็เป็นความสุขที่หาได้ง่าย ไม่ต้องลงแรงอะไรเลย ก็แค่คิดถึงความทุกข์ที่เคยมีเท่านั้นเอง ซึ่งผมเชื่อพวกเราก็มีกันทุกคน

ที่เขียนมาก็เผื่อว่าใครที่กำลังประสบความทุกข์อยู่ จะได้มีกำลังใจว่าเรากำลังได้เก็บอีกประสบการณ์หนึ่ง เพื่อความสุขในวันข้างหน้า หรือถ้ามีความสามารถพอ แทนที่จะเทียบกับประสบการณ์ที่ผ่านมานาน ลองเอามาเทียบให้สั้นเข้าโดยเทียบกับ เมื่อวาน เมื่อคืน ชั่วโมงที่แล้ว นาทีที่แล้ว วินาทีที่แล้ว…หรือแม้แต่ขณะจิืตที่แล้ว

แต่ผมยังทำไม่ได้ขนาดนั้นหรอกครับ ได้แค่นี้ก็สุโขสโมสรแล้วครับ

« « Prev : พุทธวจน


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

6 ความคิดเห็น

  • #1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 December 2010 เวลา 4:13 am

    ได้อ่านเรื่องนี้ก็ปิติสุขแล้ว

  • #2 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 December 2010 เวลา 6:21 am

    เข้าใจเลยล่ะว่ารู้สึกยังไง และมันอดอยากแซวไม่ได้อ่ะ ;)

    ความสุขเกิดได้แค่ปลายจมูก และเบิกบานลั้นลามากมายถ้ามีเหตุแห่งสุขอยู่ใกล้ๆทั้งวัน เวลา สถานที่และบุคคลเนาะ… แฮ่ม ^ ^

  • #3 Nothing ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 December 2010 เวลา 6:31 pm

    ยินดีครับพ่อครูบาฯ :)
    เห็นคนหนุ่มสาวมีความสุขผมก็สุขด้วย อิอิ

  • #4 Nothing ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 December 2010 เวลา 6:34 pm

    ใช่ครับคุณเบิร์ด
    ความสุขอยู่แค่ปลายจมูก แค่ลมหายใจเข้าออกเท่านั้น ทำเหตุให้ถูก ผลก็มาเองเนอะครับ

    ส่วนเรื่องมันเขี้ยวนั้น…เย็นไว้โยม :)

  • #5 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 December 2010 เวลา 1:20 am

    ผมเคยคิดว่าความสุขคือความเป็นปกติธรรมดาๆนี่เอง ตามวิถีที่เป็นไป
    ความสุขที่เป็นปกติ ไม่จำเป็นต้องไปแสวงหา อาหารอร่อยที่สุด เพราะเราไม่สามารถกินอาหารนั้นให้สุขได้ตลอดเวลา
    เห็นด้วยกับคำที่ว่า ความสุขคือการไม่ทุกข์ แต่ชีวิตจริงเราต้องผ่านทุกสิ่งทุกอย่างที่ทั้งทุกข์ทั้งสุข ไม่สามารถเลือกเอาสุตทั้งหมดได้

    ผมเชื่อว่านั่นเอง ท่านจึงบอกให้ปล่อยวาง เมื่อสุข ก็รู้ว่ามันสุข อย่าไปเกาะยึด เมื่อทุกข์ก็รู้ว่าเออมันทุกข์ อย่าเอามากดดันจิตสำนึกภายในของตัวเอง แค่รู้
    ตรงนี้แหละที่ยากที่สุดของการฝึกจิตให้ประคองสติเพียงรับรู้ แล้วก้าวผ่านไป การฝึกจิตจึงเป็นสูงสุดของการปฏิบัติ

    ผมนั้น ห่างไกลเหลือเกินครับ

  • #6 Nothing ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 December 2010 เวลา 11:06 pm

    พี่บางทรายครับ

    ที่ว่าห่างไกลนั้น ห่างไกลกิเลสหรือเปล่าครับ? ยิ่งไกลได้ก็ยิ่งดีครับ :)

    อย่างที่พี่ว่าแหละครับ เราเลือกที่จะพบสุข ไม่เอาทุกข์นั้น ไม่ได้ ทางที่ดีที่สุดก็คือ ไม่เอากะมัน ทุกข์ก็ไม่เอา สุขก็ไม่เอา
    อย่าไปยึดมั่นถือมั่นกะมัน เพราะไม่ว่าจะยึดสิ่งใดเหตุแห่งทุกข์ก็เกิดขึ้นเมื่อนั้น
    ท่านจึงให้เราฝึกมีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก เพื่อให้ตื่นรู้อยู่ตลอดเวลา ไ่ม่เผลอไผลไปยึดติดสิ่งใดเข้า ยิ่งเผลอน้อยหรือสั้นเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
    บรรดาครูบาอาจารย์เลยมีเทคนิคต่างๆ นานา เช่น ดูลมหายใจ มีสติกับความเคลื่อนไหว รู้ท้องพองยุบ ฯลฯ ก็อย่างที่พี่เคยฝึกใช่ไหมครับ?

    แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันยากอย่างที่พี่ว่าไว้จริงๆ ห่างครูบาอาจารย์เมื่อไหร่ก็หลับไหลทุกที :)


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.50685811042786 sec
Sidebar: 0.3292338848114 sec