เรียนรู้การเปลี่ยนวิถีชีวิต

โดย นักการหนิง เมื่อ 8 สิงหาคม 2010 เวลา 11:27 (เช้า) ในหมวดหมู่ เรื่องเล่าจากลานดีดี #
อ่าน: 39944

สามปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต

ปี 2552  เทศบาลนครพิษณุโลก  โดย นางเปรมฤดี ชามพูนท นายกเทศมนตรี  พาไปดูงานที่โรงแรมชุมพรคาบาน่า ซึ่งทำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงด้วย  แต่ไปดูแบบไม่้ได้เจาะลึก  คือแบบฉาบฉวย เห็นบ้านคนมีน้ำยา  และบ่อบำบัดน้ำเสียแบบใช้พืชน้ำ  บังเอิญฝนตกค่ะ  ไปดูงานแล้วต้องนำกลับมาใช้จึงจะเกิดประโยชน์ค่ะ  ว่าแล้วก็เข้า Web บ้านสวนพอเีพียงค่ะ www.bansuanporpeang.com  ได้สูตรน้ำยาเอนกประสงค์มา

เทำน้ำหมักชีวภาพมะกรูด  ต้องหมักตั้ง 3 เดือนจึงจะใช้ได้…

เข้าไปใน Web   http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=cookie-nim&month=10-2007&date=07&group=5&gblog=1    ไ้ด้สูตรนำ้ยาล้างจานสมุนไพร แบบไม่ต้องรอน้ำหมักชีวภาพ

ว่าแล้วก็บรรเลง บรรลัยไม่ไล่ไม่เลิก

ตานี้ก็เหลือทำปุ๋ยชีวภาพ  เพราะคุณสามีสุดที่รัก ต้องทานผักเยอะมาก  ที่บ้านจึงมีเศษผักเหลือเยอะมากๆ  ทิ้งในถังขยะเทศบาลก็สงสารคุณหมอจอมป่วนต้องมาเก็บขยะเหม็นๆ ให้ คือเศษอาหาร เศษผักนี่อยู่ในถังขยะ ไม่ถึงวันค่ะ  เน่า น้ำชะขยะไหลเยิ้มออกมา  เหม็นมากๆ  (เห็นภาพหรือยัง พยายามอยู่นะ จินตนาการกันหน่อย)

ก็ดูงานแบบฉาบฉวย  ก็ไปฉวยเอาความคิดเรื่องบำบัดน้ำเสียของชุมพรคาบาน่ามาซะเลย

ก็บำบัดขยะพืช ผัก เองไง  ตุเลงๆๆ ไปหานักการอิ่ม  ได้ความเลยค่ะ ทำปุ๋ย(ขยะ)ชีวภาพไง  ว่าแล้วหนุ่ม กับมุ่ย  ลูกน้องของนักการอิ่มก็มะรุมมะตุ้ม  อธิบายๆๆๆ แถมจีบว่าถ้านักการหนิงทำเมื่อไรจะให้เป็น พรีเซนเตอร์ขยะชีวภาพ  งานเข้้าเลยตาเนี้ย …ไม่เป็นๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  จะเป็นได้ไง เดี๋ยวดังแย่

สงสัย ถามว่า

แล้วเศษอาหารหล่ะ คำตอบจากมุ่ยคือ เดิมเศษอาหารมีชีวิตไหม

แล้วอุนจิ เจ้าสี่ขาหกตัวที่บ้านหล่ะ คำตอบจากมุ่ยคือ มันเป็นสิ่งที่ออกมาจากสิ่งมีชีวิตไหม

ก้างปลาใส่ได้ไหม  คำตอบจากมุ่ยคือ เดิมปลามีชีวิตไหม

กิ่งไม้ หล่ะ คำตอบจากมุ่ยคือ เดิมมีชีวิตไหม (ต้องสับนะถ้าเป็นกิ่งไม้ แต่ใบไม้ดีกว่า)

จึงบอกมุ่ยว่า ที่จะใส่ลงไปอย่างแรกในบ่อหมักก็คือเดิมเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่า มุ่ย 5555

แหม อุนจินี่ดีมากเลยนะ มันเป็นปุ๋ยคอก  ใส่บ่อหมักก็จะได้ปุ๋ยคัก หรือปุ๋ยหมอก  คือปุ๋ยคอกบวกปุ๋ยหมัก

จริงๆ แล้วการหมักขยะ(ปุ๋ยชีวภาพ) นี่เป็นโครงการการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนเมืองจังหวัดพิษณุโลกของจอมป่วน เขา  แต่นักการหนิงก็ไม่เคยทำ  .. เมื่อหลายปีก่อน จอมป่วนเขาได้ถึง หมักปุ่ยมา  ก็ไปขอเขา ก็ไม่ได้เพราะตอนนั้นที่บ้านไม่ได้อยู่ในเขตชุมชน  แต่ตอนนั้นถ้าได้มาก็คงไม่ทำ หรือทำก็ไม่กี่ครั้ง เพราะตอนนั้นยังไม่เข้าสู่วิถีชีวิตจริงๆ  หรือที่เรียกว่าเป็นเนื้อเป็นตัวเรา  แต่กว่าจะได้ใช้อีกสามเดือนค่ะ

รายการปลูกผักนี่คุณสามีคนปลูก คุณภรรยาคนกิน

รายการที่ซื้อน้ำยาชีวภาพมาใช้นี่คุณสามีซื้อ คุณภรรยาบ่นว่าเหม็น สุดท้ายก็ใช้ค่ะ

พอเป็นน้ำยาชีวภาพคุณสามีและคุึณภรรยาร่วมมือกันดำเนินการ ตั้งแต่หาอุปกรณ์จนถึงวัสดุ คือมะกรูด ช่วยกันหาได้มาหกกิโลกรัม

แต่ตอนหมักคุณสามีชิงลงมือตอนอีกคนหนึ่งยังไม่เข้าบ้าน (ไปเล่นโยคะ)  เกิดศึกกรีดเล็กๆ ขึ้นว่า ทำไมตัวเองไม่รอเค้า..

ตอนทำน้ำยาล้างจานสูตรไม่รอน้ำหมักนี่  ร่วมมือกันดีมากค่ะ หนุกหนาน

ขยะ(ปุ๋ย)หมักชีวภาพ  คุณภรรยา ก็ชิงพื้นที่คู่ต่้อสู้มา  ด้วยการบอกว่า ทำปุ๋ยเนี่ยเค้าจะเป็นคนรับผิดชอบนะ ตัวเองห้ามยุ่ง

ที่ทำมายังไม่ได้คิดเป็นตัวเงินค่ะ จะเป็นเศรษฐกิจพอเพียงหรือ เปล่าก็ไม่รู้  แต่ที่แน่ๆ คือร่างกายไม่ได้รับสารพิษจากอาหารเท่าใดนัก  และไม่ต้องรับสารเคมีจากน้ำยาล้างจาน แชมพูสระผม มากมายนัำก   และกำจัดขยะช่วยชาติโดยไม่ต้องซื้อปุ๋ยอีกต่างหาก อิอิ

พอตกกลางคืนก็ฟัง CD ธรรมะ

งง  งง อะไรของนักการหนิงนี่

ชีวิตเริ่มกลับด้าน

ช่วงสามปีที่ผ่านมานี้  นักการหนิงได้ผ่านกระบวนการคลี่คลายและเยียวยาตัวเอง(สำนวน อาจารย์วิศิษฎ์  วังวิญญู)  หลายครั้ง

  • ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสู่ลานปัญญา   การเขียนเรื่องราวเจ้าเป็นไผ  การได้เป็นสมาชิกตัวน้อย ๆ ของกลุ่มเฮฮาศาสตร์
  • การไปอบรมจิตวิวัฒน์ที่สวนป่า
  • การไปเป็นคนกวดวิชาให้กับเพื่อนนักศึกษาปริญญาโทร่วมกับนักการอิ่ม  ตรงนี้เกิดจากนักการอิ่มที่พูดว่า  “พี่เราเรียนหนังสือเราจะไม่ทิ้งเพื่อนนะ”
  • การไปอบรมจิตวิวัฒน์ที่มูลนิธิสังคมวิวัฒน์ที่เชียงราย
  • หลานชายวัยรุ่นที่เมื่อสามปีก่อนได้ออกบ้านขอกลับมาอยู่บ้าน
  • การได้บอกความในใจของตนเองกับน้องสาวผ่านจดหมาย
  • การได้เข้าอบรมธรรมะทีี่พุทธสถานผาซ่อนแก้ว
  • การได้เข้าสู่วง Dialogue ที่คุณหมอจอมป่วนและนักการอิ่มจัดหลายครั้ง
  • การได้ไปเป็นกระบวนกรให้จิตอาสากับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติพิษณุโลก
  • การไปเป็นกระบวนกรนำจิตวิวัฒน์สู่โีรงพยาบาลพุทธชินราชร่วมกับนักการอิ่มและเมี่ยง
  • การถูกตะคอกในที่ทำงานด้วยเสียงอันดังแล้วนำไปสู่การสนทนาธรรมะกับพระอาจารย์จนนำพาจิตใจก้าวข้ามจุดนี้ไปได้
  • น้องชายเสียชีวิตจากการถูกฆ่าตาย
  • การได้ปฏิบัติธรรมะ โดยศึกษาผ่าน CD  และไปปฏิบัติธรรมที่วัดบุญญาวาส
  • การได้หล่อเลี้ยงดูแลเพื่อนร่วมงานในลักษณะปฏิสัมพันธ์และการจัดพื้นที่ให้ได้สังสรรค์
  • อ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงจิต  และ Dialogue กับคุณสามีเป็นประจำ
  • การได้รู้จักกัลยาณมิตรมากมาย
  • และหลังสุดคือได้เข้าไปร่วมทำงานก่อตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรวนาเลคโฮมทั้งๆ ที่บ้านกำลังสร้าง
  • และอื่นๆ อีกมากมายที่ยกมาได้ไม่หมด

สิ่งที่เกิดขึ้นที่ผ่านมามันก็ผ่านไปแล้ว เป็นอดีตไปแล้ว   ทั้งคลี่คลายและเยียวยา  และสร้างแรงกระเพื่อมในจิตใจของคนคนหนึ่ง  วันนี้รู้สึกถึงการเปิดของจิตใจ   ความสุขและพลังแห่งโยงใยภายในและภายนอก…

นักการหนิงเปลี่ยนวิถีชีวิตจากคนเมืองไปเป็นคนชนบท  ไม่ใช่  เป็นนักสังคมสงเคราะห์หรือ ไม่ใช่  เปลี่ยนจากคนที่ยังอยู่แบบเดิมๆ ไปอยู่ในอีกแบบ  ก็ไม่ใช่  ที่เปลี่ยนคือเปลี่ยนวิถีแห่งความคิด  และวิถีแห่งความสุขต่างหากค่ะ

~!@#$#@%^&@  เขียนอะไรวะ

เขียนเรื่องที่อยากเล่าไง อิอิ

« « Prev : หินทับหญ้าฉบับนักการหนิง

Next : เรื่องดีดีในเดือนที่ผ่านมา ไปช่วยงานหมู่บ้าน 2 » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

6016 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 7.2840750217438 sec
Sidebar: 0.018018960952759 sec