คิดถึงลมหายใจ
อ่าน: 2653เมื่อวานมีข่าวระเบิดที่ภาคใต้ หลายๆ ท่านคงทราบกันดีอยู่แล้ว ขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างสูงกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บด้วยค่ะ แต่ที่จะพูดถึงในบันทึกนี้ ไม่ใช่เรื่องความรุนแรงที่เกิดขึ้น แต่เป็นเรื่องของความไม่แน่ไม่นอนของชีวิตคน
พอดีได้เข้าไปดูวีดีโอของเนชั่นมัลติมีเดีย ได้เห็นวีดีโอเหตุการณ์หลังเกิดระเบิดลูกที่สองเล็กน้อย ในวีดีโอ มีภาพของผู้ได้รับบาดเจ็บณ จุดเกิดเหตุหลายท่าน รวมถึงได้เห็นศพของผู้ที่เสียชีวิตถูกเพลิงใหม้จนดำอย่างชัดเจน
ก่อนหน้าที่จะดูวีดีโอได้เห็นภาพถ่ายขณะยังมีชีวิตของผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้จากหน้าหนังสือพิมพ์ และได้ฟังคำสัมภาษณ์ของผู้สื่อข่าวที่อยู่ในเหตุการณ์ ที่ให้สัมภาษณ์เมื่อคืนวานหลังเกิดเหตุเล็กน้อย เล่าถึงการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ที่เสียชีวิตกับตัวผู้ให้สัมภาษณ์ว่า เพิ่งคุยกันอยู่หยกๆ สนิทสนมกันมากทั้งครอบครัว…
เหตุนี้ทำให้ตัวผู้เขียนเองตระหนักถึงความไม่แน่นอน ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตาของสรรพสิ่งจริงๆ
เมื่อครู่ยังคุยกันอยู่ สบายดีอยู่ อีกครู่หนึ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปเสียแล้ว…
——————————-
วันนี้ก็คุยกับแม่เรื่องของน้าที่ป่วยอยู่ ข่าวเพิ่มเติมก็คือ ตอนนี้ก็เข้าโรงพยาบาลอีกแล้ว หลังจากเพิ่งออกมาได้ ๓ วัน เพราะหายใจเกือบไม่ได้ และร่างกายบวมน้ำมาก นับว่าคุณน้ามีทุกขเวทนาสูงมาก หายใจแต่ละครั้งก็ลำบาก นับเป็นวิบากของการดำรงชีวิตจริงๆ
——————————-
หลังจากนั้นก็ฟังธรรมเทศนาของหลวงปู่สิม ทางวิทยุ FM 103.25 ของหลวงตามหาบัวฯ หลวงปู่สิมท่านก็บังเอิญเทศน์เรื่องมรณานุสสติพอดี นับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่บังเอิญนัก
ท่านเทศน์ถึงตอนที่พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมกับพระอานนท์โดยถามพระอานนท์ว่า “ดูกรอานนท์..เจ้าคิดถึงความตายวันละกี่ครั้ง” พระอานนท์ตอบว่า “ข้าพระพุทธเจ้า คิดถึงความตายวันละหลายครั้ง พระเจ้าค่ะ” พระพุทธองค์ทรงได้ตรัสตอบว่า “ดูกรอานนท์ การคิดเช่นนั้นยังห่างนัก เจ้าจงอย่าประมาท เจ้าควรคิดถึงความตายในทุกลมหายใจ..”
หลวงปู่สิม ท่านยังได้เทศน์ต่อไปอีกว่า “ให้คิดว่าลมหายใจนั้นก็คืออาหารของกาย” เหมือนกับที่เรารับประทานอาหารเพื่อดำรงชีวิต ถ้าไม่มีอาหารนี้ ชีวิตก็สิ้นไป ดำรงอยู่ไม่ได้..
ผู้เขียนเองก็คิดไปในอีกมุมหนึ่งซึ่งได้ข้อสรุปใกล้เคียงกันว่า ลมหายใจนั้นเปรียบเหมือนอาหารของกาย หากมีแต่ลมเข้าไป มีแต่อาหารเข้าไป แต่ขับถ่ายปฏิกูล หรือหายใจออกมาไม่ได้ ก็ตายเช่นเดียวกัน … (เคยท้องผูกหนักๆ ไหมคะ นั่นแหละค่ะ.. ทรมานไหม ลองคิดดู..)
เราควรจะเจริญมรณานุสสติเข้าไว้ทุกลมหายใจ ดังที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนพระอานนท์ และควรทำในขณะที่เราร่างกายยังแข็งแรง จิตใจไม่โดนวิบากหรือทุกขเวทนาทางกายเข้าครอบงำ เหมือนคุณน้าในเวลานี้ ที่แม้แต่จะหายใจยังลำบาก และเมื่อเวลาของเรามาถึง จิตที่ฝึกมาดีแล้ว ย่อมจะแข็งแรง ไม่หวั่นไหวมีสติมีจิตใจเข้มแข็ง พร้อมเผชิญกับความตายที่จะต้องมาถึงในวันใดวันหนึ่งอย่างแน่นอนได้อย่างสงบ
ไม่มีใครรู้ว่า ตัวเองจะไปอย่างไร สภาพใด และไปเมื่อใด..
ต้องทำตัวให้พร้อม เจริญมรณานุสติอยู่เสมอ
ธรรมรักษาทุกท่านค่ะ
2 ความคิดเห็น
อะไรๆก็ไม่แน่นอน พี่ยึดหลักความไม่ประมาทค่ะ
ช่วงหลังนี้ได้เห็นอนิจจตาบ่อยมากๆ ปุ๊บปั๊บเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจริงๆ ขนาดพยายามมีสติไม่ประมาท บางครั้งเหตุการณ์ที่คิดไม่ถึงก็ทำให้เราประหลาดใจได้เสมอค่ะ เวลาเจอเซอร์ไพรซ์แล้วต้องตั้งสติดีๆ และทำใจค่ะ