หินข้างทาง
อ่าน: 1306เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา งานราษฎร์ งานหลวงค่อนข้างหนัก ทำให้ไม่ค่อยได้พัก ร่างกายเลยเปลี้ยๆ เพลียๆ
พอร่างกายออกแนวเพลีย จิตใจก็พลอยจะตกไปด้วย เวลามีอะไรมากระทบก็จะหวั่นไหว สั่นคลอนได้ง่ายไปหมด จนเกือบทำให้ทุกข์เพราะไปยึดเอาไว้
แต่พอรู้ตัวทัน … รู้จักดูและปล่อยวาง ทุกข์ก็คลายลง
ที่เคยคิดว่าน่าจะเป็นของเรา..ก็มาพิจารณาว่ามันเป็นของเราตรงไหน ถ้าได้มาแล้ว เอามาบังคับบัญชาให้เป็นของเรา ทำตามใจเรา อยู่กับเราตลอดไปได้หรือไม่..
คำตอบก็คือ..ไม่
แล้วมันเป็นของเราตรงไหนล่ะ..
คำตอบก็คือ..ไม่เป็นน่ะสิ
ที่เคยคิดว่าคนนั้นคนนี้น่าจะทำตามที่เราคิด..ก็มาพิจารณาว่าเขาจะมาคิดหรือทำตามใจเราได้ยังไงกัน .. คนมันคนละคนกัน ขนาดบังคับความคิดตัวเอง ให้ทำตามตัวเองคิดยังไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นญาติสนิท มิตรสหาย ครอบครัวที่รักกันขนาดไหนก็ตามเถอะ
หลวงปู่ชาเทศน์เกี่ยวกับทุกข์ไว้ว่า
เหมือนกับเราเดินไปตามทาง อยู่ดีๆ ก็ไปอุ้มเอาก้อนหินก้อนหนึ่งที่แสนจะหนักขึ้นมาเดินทางไปกับเราด้วย
ถ้าเราไม่ไปยุ่งกับหินก้อนนั้น ไม่ไปยึดไปถือมันขึ้นมา ก็จะไม่หนัก เดินทางต่อไปได้
แต่ถ้าเราไปยุ่งกับหินก้อนนั้น พยายามจะไปเปลี่ยนหินก้อนนั้นให้มันทำตามใจเรา มันจะไปทำได้อย่างไร หินมันก็คือหิน มันไม่ใช่อย่างอื่น
ดังนั้น อย่าเที่ยวไปเก็บหินก้อนใหญ่ก้อนเล็กตามข้างทาง.. เดินตัวเปล่าน่ะดีแล้ว ไม่หนัก ^ ^
Next : ยิ่งใหญ่ » »
4 ความคิดเห็น
ชอบจริงๆ……….ขอบคุณมากครับ
หลวงปู่ชาเทศน์เกี่ยวกับทุกข์ไว้ว่า
เหมือนกับเราเดินไปตามทาง อยู่ดีๆ ก็ไปอุ้มเอาก้อนหินก้อนหนึ่งที่แสนจะหนักขึ้นมาเดินทางไปกับเราด้วย
ถ้าเราไม่ไปยุ่งกับหินก้อนนั้น ไม่ไปยึดไปถือมันขึ้นมา ก็จะไม่หนัก เดินทางต่อไปได้
แต่ถ้าเราไปยุ่งกับหินก้อนนั้น พยายามจะไปเปลี่ยนหินก้อนนั้นให้มันทำตามใจเรา มันจะไปทำได้อย่างไร หินมันก็คือหิน มันไม่ใช่อย่างอื่น
สวัสดีค่ะุคุณสิทธิรักษ์
หลวงปู่ชาท่านเทศน์ได้เห็นภาพและทำให้เราประจักษ์ได้ง่ายๆ เสมอเลยนะคะ
ฟังเทศน์ท่านเรื่องนี้ครั้งหนึ่ง จำได้ติดหัวเลยค่ะ ^ ^
ก็ไม่อยากอุ้มก้อนหินค่ะ แต่บางที หน้าที่ มันบังคับค่ะ อิๆๆๆ
เหมือนกันค่ะคุณพี่ บางทีเราก็ไปหยิบก้อนหินมาอุ้มโดยไม่รู้ตัว เมื่อรู้ตัวก็พยายามวาง หรือพยายามขนก้อนหินไปด้วยน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ
^ ^