กลับมาแล้ว
อ่าน: 1487เอาบุญมาฝากค่ะ หายไปอยู่วัด ๔ วัน ๓ คืนมา
จริงๆ แล้วเขียนบันทึกเรื่องลาพักไว้ ให้ published เช้าวันที่ ๓๑ ก.ค. แต่ตั้งไม่สำเร็จ(มั้งคะ) ก็เลยหายจ๋อมไปแบบไม่ได้บอกกล่าว (As if I’m going to be missed, อิอิ)
เพิ่งกลับมาเมื่อตอนบ่าย ตอนนี้ตัวยังเบาๆ อยู่ กินมื้อเดียว อยู่ในที่ไม่มีไฟฟ้ามา ๓ วันเต็มๆ รู้สึกดีจริงๆ แต่พอกลับมาก็ไม่ได้รู้สึกเปลี่ยนแปลงมากนัก ยังเจริญสติดีอยู่ แต่สำรวมมากขึ้น
ตอนอยู่ที่วัดจะนั่งสมาธิ และได้เดินจงกรม แต่ก็ยังอยู่ในระดับการนั่งที่ตัวไม่หาย ยังมีการพิจารณาสร้างปัญญาพิเคราะห์ไตรลักษณ์อยู่ได้ แ่ต่จงกรมไม่เคยเดินมาก่อน ก็เลยได้ประสบการณ์ว่าการเดินก็ทำให้จิตรวมนิ่งได้เหมือนกัน รู้สึกว่าแปลกดี
แถมยังได้พบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ได้พบคุณแม่ชี คุณแม่ขาวและอุบาสิกาผู้น่ารักทั้งหลาย รู้สึกว่าอยู่ในโลกของความเมตตาสูงมากๆ เพราะผู้ที่มาอยู่วัด หรือมาวัดแต่ละคน มาด้วยเมตตาจิตทั้งนั้น ไอของพรหมวิหาร ๔ อุ่นทั่ววัดทีเดียว ทำให้คนไปฝึกหัดอยู่ใหม่ ได้รับไออุ่นไปด้วย
อีกอย่างที่ชอบมากคือไม่ต้องคุยกับใคร อยู่สงบวิเวก อยู่กับธรรมชาติ ลม ฝน แมลงสารพัด แต่สัปปายะดีมากจริงๆ
ไว้นึกอะไรดีๆ ออกเพิ่มจะมาเขียนต่อค่ะ
Next : กฎเกณฑ์ » »
15 ความคิดเห็น
นอกจากตั้งเวลาไปในอนาคต โดยแก้ไขตรงเผยแพร่ทันที แล้ว ยังต้องสั่ง Publish/เผยแพร่ ไว้เลยด้วยครับ แต่ตัวบันทึกจะไม่แสดงจนกว่าจะถึงเวลาที่ตั้งไว้
เมื่อทำถูกต้อง Dashboard จะแสดงว่ามีจำนวน scheduled post เพิ่มขึ้น — ไม่อย่างนั้นบันทึกจะติดอยู่ในสถานะ draft
อนุโมทนาสาธุค่ะ ไปเติมพลังมาเต็มที่ พร้อมที่จะกลับมาปฏิบัติหน้าที่อย่างมีคุณภาพนะค่ะ
ชื่นชมจริงๆ
สวัสดีค่ะคุณ #1
นั่นน่ะซิคะ คำสั่งไม่ครบนี่เอง ไปดูมาแล้วว่าเอกสารยังอยู่ใน draft mode จริงๆ ตอนนั้นไม่กล้า publish เพราะเกรงว่าจะออกมาเลย และเห็นเวลาที่ตั้งไว้ได้รับการบันทึกไว้แล้ว ก็เลยปล่อยตามนั้นค่ะ
ได้ความรู้เกี่ยวกับ feature ใน word press อีกครั้ง ขอบคุณนะคะ ^ ^
สวัสดีค่ะ อ.#2 Lin hui
เอาบุญมาฝากค่ะ ^ ^
ได้ไปพักสมอง ว่างและสงบมาเต็มที่ค่ะ ร่างกายปรับตัวได้ดีอย่างนึกไม่ถึงค่ะ เพราะทานมื้อเดียวจริงๆ เริ่มสบายตัวคงที่ก็วันที่ ๒ วันที่ ๓ นี่แหละค่ะ ก็เลยว่าจะ keep การปฏิบัติที่ทำได้โดยตลอดไปเรื่อยๆ ค่ะ โดยเฉพาะเรื่องอาหาร จะเห็นเลยว่าเดิมเคยทานเยอะกว่าความจำเป็นมากๆ ค่ะ เลยออกแนวสมบูรณ์นิดๆ ค่ะ อิอิ
แวะมารับบุญมั่ง ………….อิอิ
สบายดีนะครับ
ได้รับบุญผ่าน SMS เมื่อวานแล้วค่ะ
ขอบคุณนะคะ
ช่วงวันหยุดที่ผ่านมาได้ทั้งความสุขใจ และสุขกายค่ะ
สุขที่เรารู้ตัวตนของเราค่ะ
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
ขอร่วมอนุโมทนาด้วยคนนะคะ พี่เคยไปนั่งวิปัสนาและเดินจงกรม วันแรกๆ ก็แปลกๆ แต่พอวันต่อๆมาสมาธิดีขึ้น ก็ชอบมากๆเลยค่ะ
แวะมาเยี่ยมครับ ไม่กล้าป่วน อิอิ
สวัสดีค่ะคุณ#5 สิทธิรักษ์
เอาบุญมาฝากทุกท่านเลยค่ะ ^ ^ ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนนะคะ
สวัสดีค่ะพี่อึ่งอ๊อบ #6
การมีสติ รู้ตัวทั่วพร้อมเสมอ เป็นมงคลกับชีวิตจริงๆ ค่ะ ทำอะไรก็ชัด และไม่มีการเสียใจ เพราะก่อนทำมีสติได้คิดดีแล้ว และึถึงมีอาการเสียใจ ก็ยังควบคุมได้ เพราะมีสติอยู่กับตัว แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีหลุดๆ บ้าง เนื่องด้วยความไว ของความคิด และการกระทำ การได้ไปอยู่กับความสงบ ก็ทำให้ได้ความสงบ สำรวมทั้งกายและใจ และเปรียบเทียบเห็นความแตกต่างระหว่างเมืองกับป่าได้ชัดเจนขึ้น ได้เห็นทั้งวิชชา และอวิชชาจริงๆ ^ ^
สวัสดีค่ะพี่อุ๊ #7
เหมือนกันเลยค่ะพี่ วันแรกๆ เดินจงกรมยังไม่ค่อยเป็นอยู่ แต่พอได้ฝึกและตั้งใจมากขึ้น ก็เกิดการรวมของจิตได้เหมือนกัน แต่ส่วนตัวแล้ว ถ้าเทีียบกับการนั่งสมาธิ การนั่งจะนิ่งกว่า แต่ก็มีโอกาสเป็นโมฆะสมาธิ (หลับ) ได้สูงกว่าเหมือนกัน อิอิ
แต่ทั้งหมดนี้ ยังคิดว่าการเจริญสติตลอดเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นกว่าอยู่ดีค่ะ ^ ^
โอ้โห อย่างนี้เสียชื่อ จอมป่วน หมดนะคะ อิอิ
ล้อเล่นค่ะ ขอบคุณคุณหมอที่มาเยี่ยมค่ะ ^ ^
ร่วมอนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณค่ะพี่สร้อย ^ ^ สาูธุเช่นกันค่ะ
พี่เคยมีความรู้สึก เวลาจะไปฝึกนั่งสมาธิครั้งแรกว่า เราคงทำไม่ค่อยได้ แต่พอไปฝึกเข้าจริงๆ ทำได้และชอบด้วยค่ะ