๗๐.ศึกษาดูงานภาคเหนือ เชียงราย-หลวงน้ำทา-สิบสองปันนา(๓)
อ่าน: 2369ตื่นเช้าขึ้นมาประมาณตีห้า ผมกับครูบาตื่นแต่งตัวจะออกไปเดินชมตลาด ได้ยินเสียงเคาะห้อง ปรากฎว่าเป็นพี่ติ๋ม ทีวีพูล พอออกมาปรากฎว่าอาจารย์มนฤตพล ก็ตื่นแล้วก็เลยชวนกันออกมาเดินตลาดปรากฎว่าโกติ่งกับพี่วันชัยก็ตามมา เราเดินชมสินค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตร พริกแต่ละดอก ผักแต่ละกอล้วนสมบูรณ์แถมราคาไม่แพง กล้วยหอมหวีใหญ่หวีละ ๕ หยวน แต่พวกเรารู้สึกว่ามันถูกไป นึกว่าเขาบอก ๒๕ หยวน ขอต่อเหลือ ๒๐ หยวน คนขายก็บอกว่าไม่พอขายหันไปถามแม่ค้าใกล้ๆเพื่อจะหากล้วยมาให้ แต่พี่ติ๋มยื่นตังค์ไปให้แล้ว ถึงได้รู้ว่าฟังผิดว่า ๒๕ หยวน ได้หัวเราะกันสนุกสนาน เพราะภาษาไตลื้อกับภาษาไทยแทบจะเรียกได้ว่าเหมือนกัน ผมกับครูบาเห็นเขาขายข้าวเหนียวขาวและข้าวเหนียวดำ พอเราเรียกข้าวเหนียวดำคนขายเขาก็พูด “ข้าวเหนียดาม” อิอิ ก็เลยถามว่าขายยังไง เขาก็บอกว่า จะอาวเท่าหล่า หนึ่งหยัว สอหยัว สาหยัว สี่หยัว ก็เลยบอกว่าเอา ๑ หยวน ได้มาถุงหนึ่งปรากฎว่าอร่อยมาก หอม เพราะเป็นข้าวเหนียวใหม่ ครูบาก็คิดถึงพี่อั้ม อมรา เจ้าแม่แตงโม ขากลับผมเลยซื้อมาอีก ๒ หยวน มาฝากพี่อั้มและแบ่งกันทานตอนอาหารเช้า อ้อ..ภาพมุมซ้ายด้านบนอาแปะนั่นขายอะไรดูดีๆมีหัวมาโชว์ด้วย อิอิ
จากนั้นเราทานอาหารเช้าแบบสิบสองปันนาแล้วขึ้นรถบัสไปเที่ยวพักผ่อน จุดแรกที่พาไปก็คือพาไปดูลิง ไปนั่งกระเช้าข้ามโขงเพื่อไปดูลิงเผือก ลิงกระรอก ไปไหว้เจดีย์ ไปเอาน้ำศักดิ์สิทธิ์พรมศีรษะ จุ๊ๆ อย่าเอ็ดไป ผมสังเกตเห็นสาวจีนถือไม้คานและมีถังพลาสติกสองใบยืนดูพวกเราอยู่ พอพวกเราออกจากจุดดังกล่าว ผมก็เห็นเธอตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ใส่ถังทั้งสองแล้วหาบไปตรงจุดที่พวกเราซื้ออาหารให้ลิงกิน ไม่รู้ว่าเธอเอาไปกินเองหรือเอาให้ลิง..อิอิ สงสัยว่าเธอจะไม่รู้ว่าน้ำนั้นศักดิ์สิทธิ์ ฮ่าๆ….
แล้วเราไปเติมพลังอาหารเที่ยงกันที่โรงแรมเราพักก่อน อาหารอยู่ในระดับที่เรียกว่าดีอร่อยใช้ได้เลย แต่พอเช็คอินเสร็จเขาก็ให้เราขึ้นรถบัสกันต่อแล้วก็ถูกทัวร์พาไปซื้อของเพราะเป็นไฟล้ท์บังคับ อิอิ เพราะตอนแรกเราจะไปฟังบรรยายเรื่องเขตพิเศษสิบสองปันนาแต่เนื่องจากเราไปวันอาทิตย์ ผู้ว่าเขตปกครองพิเศษสิบสองปันนา ไม่อยู่เลยอดฟัง แต่ไม่เป็นไรไกด์เขาเล่าให้เราฟังคร่าวๆ (แล้วผมจะเล่าให้ฟังตอนหน้านะ..)เมื่อไปตามนั้นไม่ได้เขาก็เลยพาไปร้านหยก ก็มีพวกเราซื้อไปเป็นของฝากกันพอหอมปากหอมคอ
จากนั้นก็พาไปร้านขายบัวหิมะ (อีกแล้ว อิอิ) แต่มีวิธีการแนบนียน ให้เราไปแช่เท้ารักษาโรค ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย รักษาเท้าที่เป็นโรคน้ำกัดเท้า ฮ่องกงฟุต ทำให้ความดันโลหิตลดลงก็ได้ด้วยนะ พวกเราก็ไปลองแช่กันหลายคน พอน้ำยามาถึงสิ่งที่ผมสังเกตและนั่งหัวเราะก็คือ เพื่อนๆเอาเท้าจุ่มลงไปในชามที่เขาไม่บอกว่ามันร้อน และไม่เห็นมีควัน เห็นมีคนชักเท้าขึ้นเป็นแถว ผมไม่เคยแช่หรอกแต่พอรู้ว่าร้อนก็เอาส้นเท้าจุ่มลงไปก่อนแช่ไว้สักพักพอร่างกายทนได้ก็ค่อยๆแช่ลงไปเต็มเท้า นี่เป็นประสบการณ์ตอนไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นตอนอาบน้ำแบบญี่ปุ่นเคยเท้าแดงเป็นขอบมาแล้ว พอสักพักเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าให้เอาส้นเท้าลงไปแช่ก่อน (ปู้โธ่..ทำไมไม่บอกเขาก่อนเอามาให้แช่ล่ะ…) แถมยังบอกว่า “แต่ว่าน้ำยาจะมีประสิทธิภาพมากตอนมันร้อน” แล้วยังบอกอีกว่า ยานี้ใช้ได้กับเด็กด้วยนะครับ เด็กที่ผิวพรรณไม่ดีก็ให้เอาแช่ทั้งตัว..อุบะ..ขนาดส้นเท้าตูยังร้อนเลย แล้วลูกตูไม่ถูกน้ำลวกทั้งตัวเหรอ…ก๊าก…(แช่เท้าสบายไหม ถามครูบา แฮ่….)
ทัวร์พาเรากลับไปที่พัก ไกด์ของบริษัทฯชี้ให้เราดูวัดที่อยู่ระหว่างทางที่รัฐบาลจีนสร้างขึ้นไปบนภูเขาทั้งลูก ดูแล้วอลังการมาก แต่การสร้างวัดของจีนไม่เหมือนการสร้างวัดของคนไทย เพราะสร้างด้วยความศรัทธา แต่วัดของจีนสร้างขึ้นมาเหมือนกับเป็นสถาปัตยกรรมที่ใครจะเข้าไปดูต้องเสียตังค์ง่ะ…เออ..เอากับพี่ใหญ่สิ..
กลับมาถึงที่พักก็เย็นแล้ว ไปอาบน้ำแต่งตัวและไปทานข้าวกันที่ร้านอาหารอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงแรม อร่อยพอสมควรแต่สู้ตอนเที่ยงไม่ได้ พวกเราบางคนก็เริ่มไปช้อบปิ้งที่ห้างบ้าง ถนนคนเดินก็เพิ่งเริ่มจะเอาของมาวาง ก็จัดการกันไปบ้างแล้ว จากนั้นก็ไปชมการแสดงที่พาราณสี ไกด์บอกว่าอะไรที่สวยๆเขาเรียกพาราณสีหมด อิอิ พวกเราไปเข้าในโรงละครก่อนใครเพื่อน และเริ่มการแสดง แต่ละฉากก็สวยดีแต่ผมว่าสู้แฟนตาซีที่ภูเก็ตไม่ได้ ที่นี่ห้ามถ่ายวีดีโอ แต่ไม่ห้ามถ่ายรูป พวกเราจึงมีรูปมาอวดกันพอสมควร กลับจากโรงละครก็วิ่งกันไปช้อบปิ้งอีกนิดหน่อยเพราะเขาปิดร้านกันแล้ว ยังไปต่อรองราคาได้ลดมาอีกนิดหน่อย ก็ถูกใจแล้ว เห็นโรตีขายอยู่ก็สั่งโรตีมากินเล่นก่อนนอน เป็นการบำรุงร่างกายให้อวบในยามอยู่เมืองหนาว อิอิ
รุ่งเช้าเราเช็คเอ้าท์แล้วไปที่ด่านเชียงรุ้ง หรือจิ่งหง เพื่อไปจัดการเรื่องเดินทางออกจากประเทศ แต่ต้องไปขึ้นเรืออีกท่าหนึ่งเนื่องจากน้ำลด ที่ตลกก็คือ เราต้องลากกระเป๋ากระเป๋าใครกระเป๋ามันผ่านตรวจคนเข้าเมืองตรวจอุณหภูมิร่างกายว่าเป็นโรคหรือเปล่า แล้วลากกระเป๋าผ่านด้านนอกของเครื่องเอกซ์เรย์ (ก็คือไม่ตรวจนั่นเอง ครูบาบ่นว่า “แล้วให้ลากมาทำหยังหว่า..อิอิ) ในที่สุดเราก็ลงเรือจนได้ จากนั้นก็นั่งเรือจากประเทศจีนมาขึ้นฝั่ง
ที่เชียงแสน ทิวทัศน์สองข้างทางน่าดูชมมาก แต่ลมที่พัดผ่านตัวเราเย็นมาก ของชอบครูบา…เพราะบ่นทุกวัน อุตส่าห์เอาเสื้อหนาวมาตั้งสามตัว แต่ต้องใส่เสื้อกล้ามตัวเดียวกับเสื้อคลุมกันหนาว ๑ ตัว ไม่งั้นเหงื่อแตก อิอิ เสียดายผมลืมถ่ายภาพครูบาสวมเสื้อกันหนาวแต่ข้างในมีแต่เสื้อกล้ามมาอวด…
เรามาถึงเชียงแสนทันเวลาพอดี บริษัททัวร์ก็พยายามให้เราเดินทางไปทานอาหารกันก่อน เราพิจารณาแล้วว่ามัวแต่ทานอาหารเราจะขึ้นเครื่องไม่ทันเพราะของเยอะ หักดิบไม่ไปให้ตำรวจทางหลวงนำ แต่รถคันที่ผมนั่งเขากลัวนาย รถทางหลวงไปทาง เขาขับไปอีกทาง ต้องบังคับให้กลับไปสนามบิน ปั๊ดอีโถ….เรามีเวลาหายใจหายคอแค่ ๒๐ นาทีก็ต้องเดินขึ้นเครื่อง ถ้ามัวทานข้าวสงสัยว่าจะไม่ได้กลับ กทม. แล้วพวกเราก็กลับถึง กทม.โดยสวัสดิภาพ แต่ผมต้องกลับภูเก็ตอีกวันหนึ่งเพราะไม่มีเที่ยวบินจากดอนเมืองกลับภูเก็ตในคืนนั้น เรามาถึงที่พักก็ชักชวนครูบาไปดวลส้มตำ ลาบ กบผัดเผ็ด ข้างหอกันจนพุงกางทั้งสองคนเพราะหิว
ได้อะไรจากการศึกษาดูงานครั้งนี้ จะมาเล่าตอนสุดท้ายอย่าพลาดเป็นอันขาดขอรับกระผม…
« « Prev : ๖๙.ศึกษาดูงานภาคเหนือ เชียงราย-หลวงน้ำทา-สิบสองปันนา(๒)
Next : ๗๑.ศึกษาดูงานภาคเหนือ เชียงราย-หลวงน้ำทา-สิบสองปันนา(๔) » »
12 ความคิดเห็น
สนุกจังเลย น่าจะไปด้วยผมอยู่ใกล้ๆยังไม่เคยไปเลยครับ เสียดายจัง
เขียว ๆ คล้ายลูกมะยมข้างล่างพริกคืออะไีีีรค่ะ แล้วผู้ชายคนนั้นเขาขายอะไร อยากรู้ อิอิ
แต่ขำๆ แอบถ่ายตอนครูบาสบายจนหลับ 555+
ถ้ามีเวลาเฮียเหลียงน่าจะไปเที่ยวสักครั้ง แต่ต้องไปกับคนรู้ใจครับ เพราะการเดินทางค่อนข้างเหนื่อย เส้นทางสายนี้อาหารการกินก็ไม่แพง สินค้าประเภทเสื้อผ้าก็ไม่แพงครับ วิวสวยมาก เสียแต่เรือทัวร์ที่นั่งเขากำหนดให้นั่งข้างหลังได้ไม่เกินสี่คน เลยถ่ายรูปไม่เต็มที่
ไม่น่าจะใช่พริกครับ เพราะดูเปลือกหนาคล้าๆฟักอะไรพวกนั้นมากกว่า เสียดายลืมถาม
ผู้ชายคนนั้น ขายเก้งเอ๋งครับ..อิอิ รู้จักเก้งเอ๋ง ไหมครับ พวกกลัวคนไม่เชื่อหรือไงก็ไม่รู้ตัดหัวมาวางด้วย
สบายจริง พ่อครูบอกว่า แช่ปุ๊บ หลับปั๊บ เลย ต้องไปลอง อิอิ
เชียงรายไม่หนาว เชียงแสนไม่หนาว สิบสองปันนาก็ไม่หนาว คราวหน้าลองทิเบตเลยครับ
ถ้าไม่หนาวอีก ทีนี้โทษโลกร้อนเลย
ฮา…ท่านรอกอด
กลับมาเป็นหวัดเพราะอวดดีครับ ตอนนี้มีไอด้วย แต่ไม่มีไข้ครับ
รูปเสื้อเฮฯหก อาจใส่ใหม่แล้วถ่ายรูปประกอบบันทึกเที่ยวเชียงราย-สิสองป๊ะน่า ได้นะคะ เป็นเฮฯหกกว่าๆอีกรูปแบบหนึ่ง อิอิอิ
อิอิ เดี๋ยวจะลองทำดู แต่ต้องไปลดหุ่นก่อน ตอนไปจีนอากาศหนาว ทานเยอะ พอใส่เสื้อเฮ๖ แล้วมันกลายเป็นข้าวต้มมัด ฮ่าๆ
Analysis of the mitotic rate showed that deletion of Pten EXP at this age consistently induced the proliferation of beta cells Fig prix levitra pharmacie acheter
Scrap metal documentary requirements Ferrous material handling equipment Iron recycling and recovery solutions
Ferrous recycling center, Iron scrap processing center, Metal waste dismantling
Scrap metal price fluctuations Ferrous metal balers Iron scrap dealers
Ferrous waste product stewardship, Iron waste reclamation and reprocessing, Metal transport services
cheapest place to buy cialis In addition to headache, scalp tenderness, vision loss, or diplopia, inquire about symptoms of polymyalgia rheumatica, jaw claudication pain with mastication that resolves with rest but returns after a period of chewing, chills or fevers, weight loss, and malaise