ได้อ่านบทความที่ทดไว้ที่นี่ http://lanpanya.com/journal/archives/9875 แล้วทำให้คิดต่อไปถึงการแก้ไขปัญหาระยะยาวของ จ. นครราชสีมา ตามที่ ท่านนายกฯ เสนอ และ ปัญหาของชาวปักธงชัยครับ
คอลัมน์ “วิกฤติน้ำ” วาระเพื่อความอยู่รอด: ภาระของทุกคน(2) จาก เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 โดย ทีมเฉพาะกิจน้ำเพื่อชีวิต ตอนหนึ่งกล่าวว่า
“การมีระบบป้องกันน้ำท่วมที่ให้ผล เพียงปีเดียวก็คุ้มค่าแล้วนายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวางแผนแก้ปัญหาน้ำท่วมมานาน อย่างเป็นขั้นเป็นตอน นับตั้งแต่ พ.ศ. 2526 ที่น้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพมหานครเป็นเวลานาน ได้พระราชทานพระราชดำริจัดทำโครงการมากมาย เช่น คันกั้นน้ำจากดอนเมือง ไปลงออกทะเลที่สมุทรปราการกรมชลประทาน ได้มีส่วนร่วมในการสนองงานทำโรงสูบน้ำที่สำโรง พระโขนง สามเสน บึงมักกะสันบึงพระรามเก้า ทั้งยังแก้ที่สาเหตุ จากแม่น้ำป่าสักนอกจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่มีปริมาณกักเก็บน้ำ960 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ก็มีแนวพระราชดำริตัดยอดน้ำที่เหนือจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นลำน้ำที่มีปริมาณถึง 2,300 ลบ.ม. โดยมีโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยหิน ห้วยป่าเลาและห้วยใหญ่ ในเขตจ.เพชรบูรณ์ ในปีนี้ ยังมีโครงการอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำ น้ำก้อ ห้วยนา ลำกง,ห้วยเล็ง เพื่อดึงน้ำออกจากพื้นที่โดยเร็ว
อธิบดีกรมชลประทานย้ำว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทำโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมมานานแล้วสิ่งที่กรมฯ ดำเนินการ เพียงแค่บริหารระบบเท่านั้น
ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ นอกจากการระบายน้ำตามหลักการที่ควรจะเป็นควบคู่กับการให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แล้ว รัฐบาลได้เริ่มดำเนินการแก้ปัญหาระยะสั้น ซึ่งยึดแนวทางพระราชดำริแก้มลิง เป็นสำคัญ โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ วันที่ 7 พ.ย. 53 ว่า ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯถวายรายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งจะเข้าถวายรายงานเป็นปกติประมาณเดือนละ 1 ครั้ง และขออัญเชิญกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงแสดงความห่วงใยพี่น้องประชาชน ได้ทรงกำชับให้รัฐบาลได้เร่งดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้ทั่วถึง และที่สำคัญ พระองค์ท่านได้รับสั่งถึงการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ให้มีการศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้าน
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในการแก้ปัญหาระยะยาว ที่ จ.นครราชสีมา ได้พิจารณาดำเนินโครงการเพิ่มเติมในการกักเก็บน้ำ ด้วยแก้มลิง การมีช่องทางการระบายน้ำเพิ่มเติม รวมถึงการปรับปรุงปัญหาผังเมืองและสิ่งก่อสร้าง โดยจะตั้งคณะกรรมการร่วมทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนพิจารณาร่วมกัน และรายงานข่าวจาก จ.นครราชสีมาว่า โครงการแก้มลิงที่จะก่อสร้างแน่นอนแล้ว 4 แห่ง ประกอบด้วย ฝั่งทิศตะวันตกของเมือง ใช้กักเก็บน้ำได้ประมาณ 10 ล้าน ลบ.ม. ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหาสถานที่ ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 2 โครงการ โครงการแรกก่อสร้างเสร็จแล้ว ในพื้นที่ที่ค่ายสุรนารี อ.เมืองนครราชสีมา โครงการที่ 2 ใช้พื้นที่บ่อยิงดิน ภายในค่ายสุรนารี อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเสร็จภายในปี 2554 และด้านทิศใต้ จะใช้พื้นที่กองบิน 1 นครราชสีมา เริ่มลงมือได้ต้นปี 2554 หากทุกโครงการแล้วเสร็จจะรองรับน้ำได้จากทุกสารทิศที่จะเข้าสู่เขตเทศบาลนครราชสีมา ไม่น้อยกว่า 25 ล้าน ลบ.ม. โดยมีระบบผันน้ำจากแก้มลิงลงสู่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำพระเพลิง และโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำมูลบนซึ่งจะทำให้การระบายน้ำจากตัวเมืองมีความรวดเร็วขึ้น”
จากนโยบายการแก้ปัญหาระยะยาว เรื่องน้ำท่วมที่ จ. นครราชสีมา โดยโครงการแก้มลิงข้างต้นซึ่งจะเน้นที่การป้องกันน้ำเข้าท่วมในเขตเทศบาลนครราชสีมาเป็นหลัก ชาวชุมชนที่อยู่นอกเขตเทศบาล และ อำเภอข้างเคียงโดยเฉพาะชาวอำเภอปักธงชัย จึงต้องให้ความสนใจในเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปตามที่พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงกำชับ “ให้รัฐบาลได้เร่งดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้ทั่วถึง และที่สำคัญ พระองค์ท่านได้รับสั่งถึงการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ให้มีการศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้าน” ไม่ใช่แก้ปัญหาได้เฉพาะในเขตเทศบาลนครราชสีมา แต่นอกเขตเทศบาลและอำเภอรอบ ๆ ต้องเดือดร้อนเพิ่มขึ้น อย่างเช่นที่ชุมชนรอบ ๆ กรุงเทพฯ ต้องประสบอยู่ในเวลานี้