อาม่าเล่าเรื่อง (๑๕) ในโชคร้ายยังมีโชคดี
คุยกับอาม่าหลังกินกาแฟในตอนบ่ายวันนี้ อาม่าเล่าว่า การประสบภัยน้ำท่วมปีนี้เสียหายมากที่สุดเท่าที่เคยประสบมาในชีวิต แต่ก็นับว่าโชคดีหลายอย่างที่ได้รับความช่วยเหลือต่าง ๆ เป็นอย่างดีจาก ทั้งลูก ๆ หลาน ๆ และญาติพี่น้อง รวมทั้งเพื่อนบ้านอีกด้วย เรื่องการช่วยเหลือจากลูก ๆ หลาน ๆ นั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะทุกคนทำเต็มที่อยู่แล้ว แต่การช่วยเหลือที่อาม่าและอาโกได้รับจากเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันในช่วงวันที่น้ำท่วมสูงสุด (วันที่ ๑๗ ตุลาคม) คือระดับน้ำในบ้านสูงเกือบเมตรครึ่ง ในขณะระดับน้ำนอกบ้านที่ถนนสูงเกือบสองเมตรและไหลเชี่ยวมาก การนำน้ำและอาหารมาส่งโดยทางเรือของหน่วยช่วยเหลือยังไม่มีมา เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันเป็นสามีภรรยาที่อายุอยู่ในวัย ๔๐ ต้น ๆ (ผมคาดเดาเอง) สามีที่แข็งแรงจึงสามารถลุยน้ำออกไปนำอาหารกลับเข้ามาได้ และยังมีน้ำใจนำมาเผื่ออาม่ากับอาโกอีกด้วย โดยการปีนออกทางหน้าต่างชั้นสองของบ้านตนเอง ออกมาที่กันสาดแล้วปีนข้ามมายังบ้านอาม่า นำอาหารมาให้ถึงสองครั้ง ครั้งแรกเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จ ๒ ห่อ และครั้งต่อมาเป็น ข้าวผัด ๒ กล่อง แม้ราคาจะไม่กี่บาทแต่คุณค่าของมันในยามวิกฤตเช่นนี้ประเมินค่าไม่ได้ครับ ผมซาบซึ้งในน้ำใจเป็นอย่างยิ่งครับ ชื่อเล่นของเพื่อนบ้านที่มีน้ำใจท่านนี้ชื่อหมูครับ อาม่าบอกว่าเป็นคนดีจริง ๆ และบอกอีกว่าเป็นลูกเขยเจ้าของร้านถ่ายรูปวิจิตรศิลป์ ที่อยู่บนถนนเดียวกันนี้เอง