ติดโช๊คอั๊พให้หัวใจ
จากเวทีสุนทรียสนทนาที่เมื่อเดือนมกราคม ซึ่งมีพ่อครูบาสุทธินันท์ พ่อของเรามาพูดคุย วันนั้นยุ้ย ซึ่งเป็นหัวหน้าการงานเจ้าหน้าที่ ตำแหน่งอะไรจะน่างุนงงขนาดนี้ พูดง่ายๆ คือฝ่ายบรรจุและแต่งตั้งนั่นแหล่ะ ขอให้พ่อคุยเรื่องการทำงานอย่างมีความสุข พ่อพูดหลายอย่าง รวมพูดถึงเครือข่ายของเพื่อนพ้องน้องพี่ชาวเฮ ฝากข้อคิดไว้ว่าให้ทำเรื่องเล็กๆ ให้เป็นเรื่องพิเศษ ที่จะเป็นการ ติดโช๊คอั๊พให้หัวใจเพื่อให้ในวันเวลาที่มีความทุกข์ เรายังมีอะไรๆ พิเศษในใจเรา จากวันนั้นประโยคนี้ยังคงก้องอยู่ในหู………..
วันที่ผ่านมา … จึงได้หล่อเลี้ยงหัวใจของตุ๋ย ….น้องที่ทำงานอยู่ห้องเดียวกัน… ขั้นแรกคือ ได้ชวนเขาไปเข้าร่วมสุทรียสนทนา ศาสตร์และศิลปแห่งการหันหน้าเข้าหากันที่จัดให้กับชุมชนครั้งที่สอง………. ในเย็นของวันแรกมี AAR ตุ๋ยนั่งคุยด้วย อีกวันหนึ่งพี่กุ้งพี่สาวของนักการอิ่ม และอดีตนักการเมี่ยงมาร่วมแจมด้วย ตอนเช้าของวันนั้น ..เราแจกกอดกัน
อีกสองวันถัดมา เรากลับมาทำงานเหมือนเดิม ..ตุ๋ยขอกอดโตๆ จากนักการหนิง น้องบี ..(น้องผู้ชาย) เห็นเรากอดกัน บอกว่าขออ้อมกอดมั่ง เราเลยแจกกอดให้อีกคนหนึ่ง คนอื่นๆ ไม่เคยเห็นภาพแบบนี้ในสำนักการช่างมองด้วยความงงๆ และคงอยากได้อ้อมกอดเช่นกัน
นักการหนิงหล่อเลี้ยงพลังให้ตุ๋ย ในการทำงานประจำวัน ด้วยการแอบส่งสายตาที่อบอุ่น รอยยิ้มที่สดใส หากวันใดหัวหน้าตุ๋ยไม่อยู่ เลิกงานเรามานั่งสนทนาแลกเปลี่ยนกันในบรรยากาศแห่งมิตรภาพ ที่เราต้องคุยกันในวันที่หัวหน้าของตุ๋ยไม่อยู่เพราะเพื่อให้เกิดความสบายใจกันทุกฝ่ายจึงต้องทำเช่นนี้
มีคำตอบ…บางอย่างเกิดขึ้นในใจของนักการหนิง เช่นกรณีที่เราทำงานอยู่คนละไม้กระดานหกกับหัวหน้าเรา… เราย่อมไม่ได้รับการยอมรับ การไว้ใจ การชื่นชม การชื่นชอบ และการมอบหมายงานให้ … เราย่อมถูกลดทอนความสำคัญลงและเราย่อมมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับเขาแน่นอน…คิดว่าตรงนี้ใครๆ คงเข้าใจได้ และคงคิดว่านักการหนิงจะพูดถึงทำไมใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้น ที่นำมาคุยเพราะ หากบริบทของเราเป็นเช่นที่กล่าวมา แต่เราเองดันอยากให้หัวหน้าเรา เห็นความดี ชื่นชอบ ให้เกียรติ ไม่ดุด่าว่ากล่าว ไว้ใจ เป็นพวกด้วย เราเองที่หวังในสิ่งที่ไม่ควรหวัง……. การเข้าใจตรงจุดนี้ของเราก็เป็นการติดโช๊คอัพให้หัวใจเช่นกัน
ตานี้ที่ยืมรูปกระดานหกมาให้ดู คือว่า เวลาที่เราเล่นกระดานหกกับหัวหน้า …ในมุมที่กล่าวมาแล้วย่อมหา รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะแบบที่เด็กๆ เล่นไม่ได้ การติดโช๊คอัพในหัวใจจึงสำคัญนัก…..
ตุ๋ยเอง ..เล่าว่า วันนี้ตุ๋ยเริ่มเปิดหัวใจออกมา หลังจากช่วงที่ผ่านรู้สึกโดดเดี่ยวมาก จึงโดดเดี่ยวตัวเอง … ในวันที่ไปสุนทรียสนทนาที่บ้านจอมป่วน คิดแล้วอีกว่าจะไปดีไหม จะไปทำไม ไปแล้วจะเป็นอย่างไร จะคุยกับเขารู้เรื่องไหมเพราะตัวเองไปไม่ได้เรียนรู้อะไรมากมายพอที่จะไปคุยกับเขาได้ …..พอนักการหนิงโทรหาสองสามรอบจึงตัดสินใจไป..เมื่อไปแล้วก็ได้ความรู้สึกดีๆ กลับติดมือไป
วันก่อนได้มีโอกาสคุยกับคนที่หัวหน้าตุ๋ยรักและให้ความไว้วางใจ…. เขามีความทุกข์เช่นกัน และให้เหตุผลว่าต้องทำเพื่อความอยู่รอด….ที่ผ่านๆ มาเวลาเกิดเหตุอะไรก็ตามแต่ไม่มีใครปกป้อง ช่วยเหลือได้ ขณะที่พูดคิ้วเขาขมวด ทำให้เรารู้ว่าเขาทุกข์จริงๆ จึงได้ฟังอย่างตั้งใจ…..
นักการหนิงทำตัวเป็นโช๊คอัพในหัวใจให้ตุ๋ย เติมพลังให้ตุ๋ย และนักการหนิงก็ได้พลังจากตุ๋ยเช่นกัน …… เรารู้สึกได้ถึงความรัก ความห่วงใย มิตรภาพที่เรามีให้ก้น ..เราเป็นโช๊คอัพให้กันและกัน
เราคุยกันถึงเรื่องการมีสติ …. ทำงานไปคลองสติกันไป ได้มั่งหลุดมั่ง
นักการหนิงเล่าให้ฟังถึงคำสอนของท่าน ติช นัท ฮันท์.. ท่านกล่าวทำทุกอย่างเป็นพิธีกรรม… เราแลกเปลี่ยนกันว่า ..น่าจะเป็นคำว่าทำทุกอย่างเป็นดั่งพิธีกรรม พิธีกรรมการล้างมือ เราคงใส่ใจลงไป พิธีกรรมการอาบน้ำ เราคงใส่ใจลงไป พิธีกรรมการเขียนบล็อก เราคงใส่ใจลงไป…อืมถ้าเราทำดั่งเป็นพิธีกรรมจริงๆ เราคงใส่ใจใส่สติลงไปในทุกเรื่อง..
แต่วันนี้ท้าทายสติ…รู้ตัวว่ากำลังโกรธ..แน่ดันยอมรับว่าโกรธและขอโกรธจริงๆ ด้วย …….. เอาเข้าไปนักการหนิง ต้องฝึกจิตอีกเยอะ
แต่ตอนนี้กำลังงงกับคำว่าอุเบกขากับคำว่าเฉยชา แยกแยะกันตรงไหน แล้วตอนนี้หัวใจของนักการหนิงมันอุเบกขาหรือมันเฉยชาน้อ ขอท่านผู้รู้ช่วยไขข้อข้องใจให้ด้วยเจ้าค่ะ
แต่ที่แน่ๆ เราได้สร้างเครือข่ายการติดโช๊คอัพในหัวใจขึ้นทั้งในเทศบาลและโรงพยาบาลพุทธชินราช
บางวันมิใช่เพียงการติดโช๊คอัพนะ เหมือนติดไฟในหัวใจเรา ..ไฟที่เริงร่า เบิกบาน ที่จะสรรค์สร้างอะไรดีดีให้กับสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัวเรา
วันนี้นักการหนิงเห็นตัวเองในเด็กพิเศษคนหนึ่งที่ไปพบที่คลีนิคทำฟัน……….
« « Prev : ชีวิตธรรมดา ตอนค้นหาตัวเอง
Next : เพราะจะเป็นผู้สูงอายุ » »
4 ความคิดเห็น
เมื่อเริ่มงงแสดงว่าเริ่มแตะกับปมอะไรบางอย่างที่รอการคลี่คลาย ในขณะเดียวกันน้องหนิงจ๋าเป็นโอกาสให้ได้ใคร่ครวญและรู้จักตัวตนของเราอีกภาคหนึ่งค่ะน้อง ตัวตนที่พี่ว่าคือคุณกลัวไงค่ะ ลองใคร่ครวญใตร่ตรองว่า “คุณกลัว” เขาแสดงตนเพื่ออะไรอย่างไรค่ะน้อง นี่คือเรื่องที่ควรใคร่ครวญและไตร่ตรองเพื่อคลี่คลายค่ะ
การใคร่ครวญ ทำให้เกิดความไต่ตรองค่ะน้อง การไตร่ตรองทำให้ได้ความเข้าใจตามมาว่า อุเบกขา และ เฉยชา แตกต่างอย่างไร
ใคร่ครวญแล้วลองไตร่ตรองเปรียบเทียบกับการเลือกไพ่เพื่อเล่นให้ชนะค่ะ ไพ่ไหนถูกทิ้ง ไพ่ไหนเก็บไว้เพื่อใช้เล่น ให้ชนะเกมส์
เกมส์ชีวิตในวิถีแต่ละวินาทีเหมือนการเล่นไพ่ค่ะ ลองใช้ความรู้เรื่องการเล่นไพ่เรียนรู้สองคำนี้ดูนะค่ะ
โอ้โฮ พี่สาวเรา .. มาแบบนี้โดนหลายอย่างหลายประการ…ลึกซึ้งมากๆ ใคร่ครวญและไตร่ตรองเพื่อคลี่คลาย … หนิงคงต้องใช้เวลาพอสมควรเชียวค่ะ….ในการคลี่คลายโดยไม่ด่วนสรุป การเลือกไพ่เพื่อเล่นให้ชนะ ความคิดคำนึงทอดยาวออกไปอีกค่ะ ….สำหรับหนิงแล้ว คงเหมือนหลายปมที่หนิงต้องใช้เวลากว่าที่จะคลิกได้… แต่พอคลิกได้ก็เหมือนกับวางมันลงได้ …. และก็ไปงุนงงกับปมต่อๆ ไปอีกค่ะ
คุณกลัว…
แหมคำนี้…น่าสนใจ ขอบคุณหลายๆ ค่ะพี่สาวที่ใจดี ฝากกอดโตๆ มาแทนคำขอบคุณค่ะ กอดๆๆๆๆๆๆๆ
โช๊คอั๊พ ยี่ห้ออะไร ถึงดีเพียงนี้
พ่อขา ยี่ห้อ อิอิ ค่ะ