9 มิถุนายน 2009 / 1 ความคิดเห็น » / โดย สายลมครับ
อ่าน: 2490
วันนี้เป็นวันพิเศษสำหรับผมอีกหนึ่งวันครับ
จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้พิเศษอะไรมากมายหรอกครับ ก็เหมือน ๆ กับทุก ๆ วัน เพียงแต่ว่าวันนี้มีความพิเศษคือผมมีโอกาสได้มานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์แล้วก็มาเล่าเรื่องอะไรต่อมิอะไรที่ไร้สาระให้ทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนบ้านน้อยหลังนี้ครับ
วันนี้มีเรื่องมาเล่าครับ เป็นเรื่องที่อยากจะเล่ามาสักพักนึงแล้วครับแต่ไม่มีเวลา วันนี้เลยถือโอกาสซะเลยครับ แฟน ๆ คงไม่ว่ากันนะครับ 555555
ต้นเดือนพฤษภาคมที่แล้วผมได้ “หัว” มาหัวนึงครับ อิอิ ไม่ต้องกลัว อย่าคิดไปไกล .. เป็นหัวของดอกไม้ชนิดหนึ่งครับตอนคนขายเค้าขายให้ เค้าบอกชื่อแล้วครับผมจำไม่ได้ ชื่อเป็นภาษาปะกิตยาว ๆ นิดนึง ผมเห็นดอกของต้นนี้แล้วชอบมาก ๆ ครับ เลยซื้อมาเพื่อที่จะปลูกไว้เชยชมเอง อิอิ
เนื่องจากผมจำชื่อจริง ๆ ของเจ้าดอกไม้ชนิดนี้ไม่ได้
ผมจึงขอตั้งชื่อแบบเหมาเองเองครับว่าเป็นต้น “ดอกคิดถึง” นะครับ
เพราะตอนที่ผมจะซื้อเจ้าดอกคิดถึงนี่มา ผมได้เห็นดอกของเจ้าต้นนี้จากต้นตัวอย่างที่เจ้าของปลูกโชว์อยู่หน้าร้าน ทำให้ผมคิดถึงใครคนหนึ่ง คนที่ผมรักที่จะเรียกเค้าว่า “ดวงดาวดวงนั้น” ผมคิดเองเออเองว่า ถ้าเค้าได้มีโอกาสเห็นช่อดอกของเจ้าต้นดอกคิดถึงที่ผมปลูก ดวงดาวดวงนั้นคงจะมีความสุขไม่น้อย
เอาเป็นว่าวันนี้จึงขอแนะนำวิธีการปลูกเจ้า “ดอกคิดถึง” ด้วยวิธีการของผมเองนะครับ
1. เตรียมเจ้าหัวของต้น “ดอกคิดถึง” ล้างให้สะอาดแล้ววางใส่ภาชนะทิ้งไว้สักครู่
2. เตรียมภาชนะที่จะใช้ปลูก ซึ่งผมคิดว่าไม่จำเป็นต้นหากระถามที่สวยงามอะไรให้เสียเวลา ผมใช้ถ้วยแก้วใบเก่า ๆ และ ขวดน้ำพลาสติกใส ๆ ตัดครึ่งไว้เพื่อเตรียมที่จะปลูก สาเหตุที่ผมไม่ปลูกในกระถางที่สวย ๆ งาม ๆ เพราะผมเชื่อว่า ดอกไม้จะสวยและงามได้นั้นขึ้นอยู่กับการดูแลและเอาใจใส่อย่างทะนุถนอมของเจ้าของเอง และดอกไม้ก็มีคุณค่าและความงดงามอยู่ในตัวของเค้าเองอยู่แล้วครับ เพราะฉะนั้น “กระถาง” สำหรับผมถือว่าเป็นเปลือกภายนอกที่ไม่จำเป็น 555
3. ดินที่จะปลูก ตอนที่ซื้อมาเจ้าของร้านเค้าบอกว่าให้ปลูกลงในดิน แต่อย่าให้ดินกลบจนหมด ปล่อยให้ครึ่งหนึ่งของเจ้าดอกคิดถึงอยู่ในดินและอีกครึ่งโผล่อยู่บนดิน อิอิ และทั้งนี้ทั้งนั้น เนื่องจากผมเลือกวิธีที่สะดวกที่สุดสำหรับผม ผมจึงเลือกทดลองปลูกลงในดินวิทยาศาสตร์ซึ่งหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายต้นไม้ดอกไม้ครับ
(รูปนี้อายุการปลูก 14 วันแล้วครับ สังเกตใบเขียว ๆ กำลังงอกครับ)
และแล้วผลงานก็ออกมาเป็นอย่างที่เห็น
แม้ว่าวิธีการของผมนั้นอาจจะไม่เป็นที่ถูกใจสำหรับคนที่รักและชื่นชอบดอกไม้หลาย ๆ คน แต่ผมก็อยากจะบอกว่า สำหรับผม การปลูกเจ้าดอกคิดถึงของผมนี่ คุณค่าอยู่ที่หัวใจครับ คุณค่าอยู่ที่ความรู้สึกและความรู้สึกที่ว่าคือ หากดวงดาวดวงนั้นของผมมีโอกาสได้เห็นเจ้าดอกคิดถึงที่ผมปลูก ดวงดาวดวงนั้นคงจะมีความสุขไม่ใช่น้อยเลยล่ะครับ ถึงอย่างไรหากดวงดาวดวงนั้นไม่สามารถที่จะรับรู้ถึงความงามของเจ้าดอกคิดถึงของผม อย่างน้อยความสุขของเจ้าดอกคิดถึงก็ได้เบ่งบานขึ้นในหัวใจของผมอย่างเงียบ ๆ แล้วล่ะครับ อิอิ
ข้อแนะนำหลังการปลูก …
ควรทักทายเจ้าดอกคิดถึงทุก ๆ ครั้งเมื่อมีโอกาส อาจเป็นช่วงตอนเช้า ๆ อากาศดีดี หรือช่วงเย็นหลัง
เลิกงาน พูดคุยกับเค้าบ้างนะครับ เจ้าดอกคิดถึงจะได้ไม่เหงาและจะเจริญเติบโตได้ดีและแข็งแรง
ควรสังเกตการเปลี่ยนแปลงของดอกคิดถึงในทุก ๆ วัน แล้วคุณจะเห็นถึงความมหัศจรรย์แห่งชีวิต
รวมทั้งความมหัศจรรย์ของความสุขจะค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไปในหัวใจของคุณแน่นอนครับ
ขอบคุณครับ
นายสายลม อักษรสุนทรีย์
……………………………………..
ในหมวดหมู่: Uncategorized
คำสำคัญ: ความรัก, นายสายลม อักษรสุนทรีย์, นายเฉลิมเกียรติ สอนคำแก้ว, ลานปัญญา
22 พฤษภาคม 2009 / 3 ความคิดเห็น » / โดย สายลมครับ
อ่าน: 3275
เธอที่รักของฉัน ในดงขวากหนามแห่งสนามนักสู้ของวิถีชีวิต ฉันรู้ว่ามันไม่ได้ราบเรียบและลื่นไหลดั่งที่ใจของเธอคิด บนท้องถนนแห่งการต่อสู้นั้นกราดเกลื่อนไปด้วยซากศพและร่องรอยร้าวแห่งการต่อสู้ และเธอก็คือหนึ่งในนักรบของสนามรบแห่งชีวิตของเธอเอง และแน่นอนที่สุดบาดแผลซึ่งเป็นผลจากการต่อสู้ของเธอในแต่ละครั้ง แต่ละแผลล้วนฝังเขี้ยวเล็บของความทรงจำที่มิอาจมาโอสถขนานใดมาเยียวยารักษาให้เลือนหายไปจากร่างกายและจิตใจได้
แต่นั่นแหละ ในกาลเวลาข้างหน้าของเธอที่รักของฉัน กาลเวลาข้างหน้า บาดแผลเหล่านี้จะกลับกลายเป็นยาวิเศษ เป็นโอสถทิพย์ที่ใช้หล่อเลี้ยงร่างกายและจิตใจของเธอ เป็นแรงพลังให้เธอที่รักของฉันได้ใช้เติมต่อสู้ในสนามแห่งชีวิตที่เพี้ยนบ้าแห่งโลกใบนี้ หากความคิดของฉันไม่ได้ผิดเพี้ยนไป ฉันขอให้เธอยิ้มรับกับบาดแผลเหล่านี้อย่างเต็มความภาคภูมิ เปรียบเหมือนว่าเธอที่รักของฉันได้รับเหรียญตราแห่งการต่อสู้ ได้รับถ้วยรางวัลจากการแข่งขันจากสังคมสีครึ้มมัวแห่งนั้น
เธอที่รักของฉัน ทุกบาดแผลของฉันและเธอล้วนมีเรื่องราวให้จดจำ และเธอจะมีความสุขและภูมิใจมากที่สุดใน ณ วันหนึ่งข้างหน้า วันที่เธอได้มีโอกาสบอกเล่าเรื่องราวที่มาของบาดแผลของเธอให้กับเหล่าบรรดานักสู้ที่กำลังแสวงหาสนามประลองเพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเขาเอง เรื่องเล่าจากบาดแผลของเธอนั้นจะมีคุณค่าต่อนักสู้หน้าใหม่เหล่านั้น เขาจะใช้มันเป็นรอยทางเพื่อที่จะก้าวเดินต่อไปในวันข้างหน้า และถ้าวันหนึ่งวันนั้นมาถึง เธอที่รักของฉัน เธอจะได้รับการคารวะจากเหล่าบรรดานักสู้เหล่านั้นอย่างหมดหัวใจ
เราทุกคนที่ดิ้นรนอยู่ในสนามนักสู้แห่งชีวิตแห่งนี้ ล้วนมีริ้วรอยและบาดแผลจากการต่อสู้อย่างหนักหน่วงมาด้วยกันทั้งสิ้น หากเพียงแต่สนามรบ รูปแบบวิธีการรบ และสหายร่วมรบ ล้วนแตกต่างกันออกไป แต่ที่ฉันอยากจะย้ำเตือนเธอที่รักของฉันว่า ขอเธอจงอย่าได้ลืมสหายร่วมรบ เพื่อนร่วมทุกข์กับเธอในยามยาก ถึงแม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ร้องขอ เธอที่รักของฉันจงสำนึกไว้ว่า ความยากลำบากในรอยทางแห่งชีวิตคือเครื่องพิสูจน์คุณค่าแห่งมิตรแท้ ในวันข้างหน้าเมื่อเธอได้ก้าวเดินถึงที่ที่เธอที่รักของฉันวาดหวังไว้ ขอเธอจงอย่าลืมหันหลังกลับมาส่งมือที่หยาบกร้านของเธอฉุด ดึง และกุมมือของเหล่าบรรดามิตรแห่งสงครามชีวิตนี้เพื่อที่จะให้เขาเหล่านั้นได้มีโอกาสก้าวยืนในจุดที่เธอยืนอยู่ในวันนั้น
เธอที่รักของฉัน สำหรับฉัน ทุกทุกบาดแผลที่ได้มาล้วนสร้างให้ฉันเป็นตัวฉันเองในวันนี้ วันที่ไม่มีอะไรสามารถที่จะมาเหยียบย่ำและลดทอนคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ของฉันได้ บาดแผลบางแผลของฉันอาจมีประโยชน์ต่อเธอไม่วันใดก็วันหนึ่งข้างหน้า วันนี้ขอเธอจงกุมมือที่หยาบกร้านของฉันให้แน่น ฉันจะฉุดดึงเธอขึ้นจากร่องรอยแห่งความพ่ายแพ้ในวันที่เธอล้ม ฉันอยากเห็นเธอที่รักของฉันก้าวเหยียบและยืนได้อย่างสง่างามในสนามรบแห่งชีวิตของเธอ
เธอที่รักของฉัน ขอเธออย่าได้กลัว เพราะในทุกสนามแห่งการต่อสู้ ล้วนมีบาดแผลเกิดขึ้นได้เสมอ
สายลม อักษรสุนทรีย์
ในหมวดหมู่: Uncategorized
คำสำคัญ: นายสายลม อักษรสุนทรีย์
21 พฤษภาคม 2009 / 2 ความคิดเห็น » / โดย สายลมครับ
อ่าน: 2177
นานแล้วที่ผมไม่ได้พร่ำรำพันบทกวี ทั้ง ๆ ที่ชื่นชอบเป็นชีวิตจิตใจ และนานแล้วที่ผมเองหลงลืมการจารจดหยดฝันจากความรู้สึกที่แน่นลึกอยู่ท่วมท้นให้ออกมาเป็นตัวอักษร ด้วยความรู้สึกลึก ๆ ในวันนี้ ผมจึงขอปล่อยอารมณ์ล่อง ท่องไปตามสวนพฤกษาแห่งความรู้สึกของผม เกี่ยวเก็บเป็น “ลำนำ” ไร้ซึ่งท่วงทำนอง ไม่มีแม้จังหวะจะโคนที่สวยงาม
ปล่อยฝันไปตามฟ้า
เที่ยวท่องล่องนภา
ฟ้าสีครามโอบรอบเอว
…………………………………………..
ใช่สินะ ก็เพราะความรัก ที่ทำให้ชีวิตของคนเราทุกคนก้าวเดิน ความรักเป็นพลังให้ไขว่คว้าในทุก ๆ สิ่ง ความรักทำให้คนเราเกิดความทะยานอยาก และความรักก็เป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเราทุกคน พลานุภาพของความรักไร้ซึ่งมาตรวัดใด ๆ ในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้จะสามารถมาประเมินค่า เราทุกคนล้วนต้องการความรัก แต่ความรักของแต่ละคนนั้น “ไม่เหมือนกัน”
ในนามของความรัก
คือ
อิสระและเสรี
……………………………………….
นักกวีหลาย ๆ ท่านได้กล่าวไว้ว่า “แม้ตัวเรากับคนรักจะอยู่ห่างกันสุดขอบโลก แต่อย่าลืมว่าอยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน” นั่นคือความจริงที่สุด และจริงที่สุดสำหรับฉันและเธอที่ความหมายนั้นแตกต่างออกไป ในรอยต่อของช่วงระยะเวลากลางวันและกลางคืน นั่นคือเสี้ยวหนึ่งที่เราจะได้พบกัน
หากท้องฟ้าวันนี้มืดสนิท
ระหว่างเธอกับฉัน
คงเหมือนกับกลางวันและกลางคืน
……………………………………..
ในนามของความรัก
หากฉันคือพลังที่หล่อเลี้ยงสรรพชีวิตที่มีอยู่บนโลก
เธอคือลมหายใจของสรรพสิ่ง
………………………………..
ในนามของความรัก
ในห้องหัวใจของฉัน
มีเจ้าของคือเธอ
…………………………………………
ในเส้นทางเดินของแต่ละชีวิต ล้วนมีหน้าที่ที่แฝงอยู่และฝังลึกจนทำให้ตัวเราเองมองไม่เห็น คือหน้าที่ของความเป็นมนุษย์ เราถูกบดบัง ปิดกันด้วยหน้ากากทางสังคม และเป็นมายาภาพที่ยากยิ่งต่อการที่จะเอาชนะ มีเพียงอาวุธชนิดเดียวเท่านั่นที่สามารถทำลายคราบเปลือกแห่งสังคมนี้ได้คือ “ความรัก”
ระหว่างความรักและความคิดถึง
ความหมายอาจแตกต่างกัน .. สำหรับฉัน
เพราะรัก จึงเติมต่อด้วย ความคิดถึง
……….
มีดวงดาวอยู่บนท้องฟ้านับล้านล้านดวง
แต่มีอยู่ดวงเดียวเท่านั้น
ที่เราพยายามเอื้อมมือคว้า
………
เธอที่รักของฉัน
เธอเห็นสายลมนั้นไหม
ไร้ตัวตน แต่รู้ว่ามี
……….
ในความงดงามของความรัก
หากว่าฉันมีโอกาสได้กุมมือเธออีกสักครั้ง
ฉันจะไม่ยอมปล่อยมือเธอ นิรันดร์
……….
จากเพื่อจบ
เจ็บเพื่อจำ
ซ้ำเพื่อลืม
………………………………………………………………
อักษรสุนทรีย์
ในหมวดหมู่: Uncategorized
คำสำคัญ: นายสายลม อักษรสุนทรีย์, เฉลิมเกียรติ สอนคำแก้ว
5 พฤษภาคม 2009 / ไม่มีความคิดเห็น » / โดย สายลมครับ
อ่าน: 2425
โครงการสานฝันและสร้างกำลังใจให้น้องผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็ง ที่บันทึกนี้ครับhttp://gotoknow.org/blog/day4dream0001/257791
ขอเชิญผู้มีจิตอันเป็นกุศล
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ
สานฝัน แบ่งปันกำลังใจให้น้อง ๆ ผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็ง
วันเสาร์ ที่ 9 พฤษภาคม 2552 นี้ที่ ตึก 3ง. โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น
กิจกรรมเริ่มเวลาประมาณ 09.30 น. เป็นต้นไปครับ
หลังจากที่พี่น้องชาวบล็อกรวมตัวกันจัดกิจกรรมดีดีนี้ขึ้น
มีพี่ๆ ใจดีได้สานต่อความรักส่งความฝันมาฝากน้อง ๆ มากมาย จากทั่วทุกสารทิศ
ซึ่งทำให้ผมตื้นตันหัวใจเป็นที่สุดเลยครับ
ขอบพระคุณสำหรับทุกกำลังใจที่พี่ ๆ เพื่อน ๆ ป้า ๆ น้า ๆ อา ๆ กัลยาณมิตร ได้สานฝันสร้างกำลังใจที่ส่งมาให้น้อง ๆ ได้มีความสุขกันถ้วนหน้าครับ
และนี่ก็เป็นหนึ่งตัวอย่างกำลังใจที่ผมได้รับมา เป็นกำลังใจที่ผมไม่เคยรู้จัก เป็นกำลังใจที่ช่วยให้ความฝันของน้อง ๆ เป็นจริงโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว
ความฝันนี้ได้รับจากที่นี่ครับ
http://mblog.manager.co.th/leelawadee2u/th-60370/
พี่ใจดีคนนี้ใช้ชื่อในบล็อกว่า leelawadee2u
กราบขอบพระคุณสำหรับสิ่งดีดีที่พี่ส่งมาร่วมโครงการฯ เพื่อน้องผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งครับ
มาดูกันครับว่า ความสุขมีหน้าตาเป็นยังไง อิอิ
…………………………………………………
ความสุข…มีหลายรูปแบบ
การส่ง…และรับความสุขก็สามารถทำได้หลายรูปแบบเช่นกัน
และการส่งความสุขครั้งนี้ของเจ้าบ้านนั้น
นอกจากความคาดหวังที่จะให้ผู้รับในครั้งนี้มีความสุขแล้ว…
เจ้าบ้านยังพลอยมีความสุข…กับการส่งความสุขในครั้งนี้
การส่งความสุขที่ผ่าน…บุรุษไปรษณีย์
……………………………………………………………………………………..
ความสุข…หน้าตาเป็นแบบนี้…
แบบนี้…
แบบนี้…
และ…แบบนี้
กำลังบรรจุความสุขลงกล่อง…
ความสุขพร้อมส่งไปยังปลายทางแล้วครับผม !
แล้วพบกันวันที่ 9 พฤษภาคม 2552
ที่ตึก 3ง โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ของแก่น
กิจกรรมเริ่มเวลาประมาณ 09.30 น.เป็นต้นไปครับ
กิจกรรมนี้น้อยนิด แต่ มหาศาล ครับ .. อิอิ
ขอบคุณคร้าบบบบบบ
……………………………………………………………..
ในหมวดหมู่: Uncategorized
คำสำคัญ: นายสายลม, นายสายลม อักษรสุนทรีย์, เฉลิมเกียรติ สอนคำแก้ว, โรงพยาบาลศรีนครินทร์
27 เมษายน 2009 / 1 ความคิดเห็น » / โดย สายลมครับ
อ่าน: 2136
ขอเชิญผู้มีจิตอันเป็นกุศล
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ
สานฝัน แบ่งปันกำลังใจให้น้อง ๆ ผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็ง
ณ วันที่ 9 พฤษภาคม 2552 นี้ที่ ตึก ง. โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น คร้าบบบบ
กิจกรรมเริ่มเวลาประมาณ 09.30 น. เป็นต้นไปครับ
น้อง ๆ จะได้พบกับ กิจกรรมที่เรียกเสียงฮา สร้างความสุขสนุกสนานให้กับน้อง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
การเล่นนิทานให้น้อง ๆ ได้ชมจาก คณะนิทานออมสินอาสา ( อิอิ ตั้งมาเฉพาะกิจเพื่องานนี้โดยเฉพาะครับ)
กิจกรรมวาดรูปสร้างความสุขเติมวัคซีนให้ชีพจรความฝันของน้อง ๆ ได้เข้มแข็ง
แจกกระปุกออมสินให้น้อง ๆ เอาไว้ออมหัวใจให้แข็งแรงและชุ่มชื้น
แจกตุ๊กตา และ ของเล่นให้น้อง ๆ ได้ใช้จินตนาการเพื่อเติมต่อความแข็งแรงให้กับภูมิคุ้มกัน
และกิจกรรมต่าง ๆ อีกมากมาย
ขอเชิญสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับน้อง ๆ ผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งด้วยกันนะครับ
ใครมีตุ๊กตา ของเล่น หนังซีดีการ์ตูน สมุดวาดรูประบายสี
หรือจะร่วมบริจาคเป็นเงินช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการรักษาก็ยินดีอย่างยิ่งครับ
หรืออื่น ๆ ที่คิดว่าเมื่อเด็ก ๆ ได้รับแล้วมีความสุข ช่วยเพิ่มกำลังใจสานต่อชีวิตของน้อง ๆ
ให้แข็งแรงและยืนยาวขึ้น ก็ขอเชิญเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมดี ๆ ในครั้งนี้กันนะครับ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
089-7157297 มะเดี่ยว นายสายลม อักษรสุนทรีย์ ครับ หรือ
http://gotoknow.org/blog/paula-story/257573?page=1 คุณพรหล้า แห่งชาวหน้าตาดี
http://gotoknow.org/blog/cancernurse/257559 พี่แก้ว อุบล จ๋วงพานิช บล็อกเกอร์สุดจ๊าบ
http://gotoknow.org/blog/deang2009 พี่แดง แห่ง รพ.ศรีนครินทร์
http://gotoknow.org/profile/kai_jazz พี่ไก่ ประกาย
แล้วทุกท่านจะได้เข้าใจคำว่า
น้อยนิด แต่ มหาศาล ยิ่งใหญ่เพียงไหน
ขอบคุณคร้าบบบบบบบบบ
ตุ๊กตาหมีตัวนี้คุณป้าหมอสุถักเองกับมือเพื่อมอบไว้ให้เป็นกำลังใจกับน้อง ๆ ผู้ป่วย
และยังบอกอีกว่าจะส่งตามมาให้อีกหลายตัวเลยครับ กราบขอบพระคุณอย่างสูงครับ
ในหมวดหมู่: Uncategorized
คำสำคัญ: การจัดการความรู้, ความรัก, จิตอาสา, นายสายลม, นายสายลม อักษรสุนทรีย์, โรงพยาบาลศรีนครินทร์
25 มีนาคม 2009 / ไม่มีความคิดเห็น » / โดย สายลมครับ
อ่าน: 1883
ใช่ครับ .. เมื่อผมกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง ผมก็จะได้กรรมสิทธิ์ในความเป็นมนุษย์ของผมกลับคืนมา
หลังจากที่ผมได้เรียนรู้ตลอดเส้นทางเดินของชีวิตที่ผ่านมา เมื่อมองย้อนกลับไปผมได้ผ่านโลกผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ มาทุกรูปแบบทั้งด้านมืดและด้านสว่างซึ่งตัวผมเองถือได้ว่าเป็นกำไรสุด ๆ ของการใช้ชีวิต
เมื่อผมเติบโตขึ้น .. ผมมีแนวคิดที่ไม่ค่อยจะเหมือนชาวบ้านชาวช่องเค้าเหมือนกับตอนเป็นวัยสะรุ่นเลยครับ
คำถามต่าง ๆ ก็ผุดขึ้นตามมาเรื่อย ๆ ในทุกย่างก้าวของการเดินทางและผมก็ได้พิสูจน์ความเชื่อของผมอีกเช่นเดิม ในความเชื่อที่ว่า “ผมจะเรียนเพื่อที่จะแบ่งปัน”
ในมุมคิดของผมที่ฝังอยู่ในหัวตลอดเวลาว่าพัฒนาการของระบบสังคมเรากำลังก้าวมาผิดทาง สังคมกำลังสร้างแนวคิดค่านิยมที่ไม่ถูกต้องทำให้คนในสังคมต่างหลีกหนีและห่างหายจากรากเหง้าแห่งตัวตน ห่างหายจากความเป็นมนุษย์ ระบบสังคมที่ผมเจอกำลังสร้างอสุรกายที่หิวโหย พร้อมที่จะกอบโกยและทำลายเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างเฉยชา “การศึกษาที่ผมศรัทธา กลับไม่สามารถตอบสนองต่อการพัฒนาสังคมและพัฒนามนุษย์ได้อย่างที่ผมคิด”
เมื่อระบบสังคมที่เป็นอยู่ต้อนให้ผมจนมุมทางความคิดและตีกรอบการกระทำ ผมจึงตัดสินใจแหกคอกอย่างบ้าคลั่งด้วยการสถาปนาตัวเองเป็นนักกิจกรรม ทำกิจกรรมทั้งในและนอกสถานศึกษาเพื่อที่ผมจะหาพื้นที่ที่ผมสามารถยืนอยู่ได้อย่างภาคภูมิว่า..ผมสามารถแตกต่างและดีได้ ในภาวะกระแสสังคมและระบบที่ผมไม่เข้าใจ ในช่วงวันแห่งวัยอุดมศึกษาของผม ทุกที่ที่ผมย่างก้าว ทุกจุดที่ผมหยุดยืน ผมมักจะบอกกับเหล่าเพื่อนนักเรียนนักศึกษาของผมว่า
“เพื่อนไปทำกิจกรรมที่นั่น ที่โน่น ที่โน้นกันเถอะ”
“เพื่อนเอ๋ย ไปออกค่ายด้วยกันมั้ย”
“เพื่อนเอ๋ย ออกจากกรอบบ้างก็ได้นะ”
“เพื่อนเอ๋ย โลกยังต้องการให้เราไปเยี่ยมเยือนอีกหลายแห่ง”
“เพื่อนเอ๋ย สังคมกำลังเน่า เราน่าจะไปช่วยกันนะ”
“เพื่อนเอ๋ย พ่อแม่พี่น้องเรากำลังแย่ อย่ามัวแต่เห็นแก่ตัวกันอยู่เลย”
คำพูดเหล่านี้กลับกลายเป็นคำถามที่กลับมาทิ่มแทงผมอยู่เสมอว่าเพราะอะไรและทำไมถึงต้องทำอย่างที่ว่านั้นด้วยทั้ง ๆ ที่หลาย ๆ คนรวมทั้งผมสามารถที่จะกอบโกยเก็บเอาผลประโยชน์ต่าง ๆ ใส่ตัวเองให้อิ่มเอมจนพุงกางแก้มป่องและท้องอ้วน
เมื่อผมจบการศึกษา ณ วันนั้น ผมและเพื่อนของผมทุกคนอยู่ในชุดครุยสีขาวที่สง่างาม ด้วยความภาคภูมิ ผมไม่รู้หรอกว่าในใจของเพื่อนผมแต่ละคนคิดอะไรอยู่ ผมไม่รู้หรอกว่าชีวิตของแต่ละคนจะเป็นอย่างไร ผมไม่รู้เลยครับว่าเพื่อนของผมคนไหนจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานตำแหน่งอะไรบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้ได้ในความเชื่อมันของผมคือ ผมจะก้มเก็บเพื่อที่จะแบ่งปันและผมจะไม่เกี่ยวกำเพื่อที่จะกอบโกยอย่างแน่นอน
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาผมก็เข้าสู่สนามรบแห่งชีวิต ผมได้ทำงานในองค์กรที่มั่นคงในสายงานที่ผมพอใจและที่สำคัญผมไม่ลืมคำถามต่าง ๆ ที่ได้ตามทิ่มแทงผมอยู่จนถึงทุกวันนี้ หากแต่การแสวงหาคำตอบของผมนั้นมีวิธีการที่เปลี่ยนไป ตอนนี้ผมไม่ใช่คนที่ทำกิจกรรมอย่างบ้าคลั่งแต่ผมกลับเป็นคนที่คอยสร้างขวัญและกำลังใจให้กับรุ่นน้อง ๆ ที่กำลังก้าวเดินสู่วัยแห่งการแสวงหา ผมหันมาหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งแรงบันดาลใจให้กับผู้คนที่พานพบในรอยทางแห่งชีวิต ผมชื่นชอบที่จะสร้างและเข้าร่วมเครือข่ายทางสังคมเพื่อที่จะช่วยกันสร้างสรรค์สังคมให้อุดมและงดงาม ผมมักจะทำตัวเป็นพลังเงียบคอยผลักดันและช่วยเหลือให้กิจกรรมของบรรดาเหล่าผู้ก่อการดีสำเร็จลุล่วงตามความสามารถและโอกาสอำนวย และผมรักที่จะเห็นรอยยิ้มของผู้คนที่ผมพบเจอและอ้อมกอดที่อบอุ่นอารี
ถึงวันนี้ผมรู้ได้อยู่หนึ่งอย่าง หนึ่งอย่างที่ตอบคำถามทั้งหมดของผมได้ในพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงในดวงใจของคนไทยทุกคน ว่า ” หากไม่มีใครปิดทองหลังพระ พระจะสวยและงามเต็มองค์ได้อย่างไร ”
ต่อไปนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมยังเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ในสิ่งที่ผมคิดในสิ่งที่ผมทำ และผมจะทำจะสร้างสิ่งเหล่านั้นต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดเรี่ยวแรง จนกว่าจะหมดปัญญาที่จะคิดจะเดิน
เพราะผมเชื่อและผมกล้าที่จะแตกต่างในวันนั้น ผมจึงได้กรรมสิทธิ์ในความเป็นมนุษย์กลับคืนมาในวันนี้
เพราะผมคือผม
สายลม ไร้ตัวตน แต่รู้ว่ามี
สายลม ไร้ตัวตน แต่รู้ว่ามี………………
ในหมวดหมู่: Uncategorized
คำสำคัญ: ความรัก, นายสายลม, นายสายลม อักษรสุนทรีย์, ไผเป็นไผ
20 มีนาคม 2009 / ไม่มีความคิดเห็น » / โดย สายลมครับ
อ่าน: 1731
นานแล้วที่ตั้งใจจะไปไหว้นมัสการองค์พระธาตุพนม
เจดีย์คู่บ้านคู่เมืองของชาวอิสานและพี่น้องชาวลาว แต่ก็ไม่มีโอกาสไปซักที
และวันนี้ก็มาถึงจริง ๆ ครับ วันว่าง ๆ ของผมซึ่งนาน ๆ จะได้พักผ่อนตามอัธยาศัยตัวเองเหมือนชาวบ้านเค้าซักวันสองวัน อิอิ ผมเลยตั้งใจจะไปนมัสการองค์พระธาตุตามที่ได้สัญญาไว้กับหัวใจของตัวเอง
การเดินทางของผมในครั้งนี้กะว่าจะแวะโน่น นี่ นั่น ไปตามใจแหละครับ กะว่าจะไปค้างที่ในตัวจังหวัดนครพนม ตื่นเช้ามาเดินตลาดดูวิถีชีวิตของผู้คนแถบลุ่มน้ำโขงยุคใหม่ ซึมซับความงดงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ผมถือว่าเป็นรากเหง้าของชีวิตของผมเอง
การตามเก็บเกี่ยวความรู้สึกและความทรงจำของผมเองในแต่ละครั้งก็แตกต่างกันไปตามเวลา โอกาสและสถานที่รวมทั้งผู้คนที่อยู่รอบและระหว่างเส้นทางที่ก้าวผ่าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนให้ผมยิ่งชื่นชอบจังหวะและท่วงทำนองของแต่ละชีวิตมากยิ่งขึ้น
บางทีความเรียบง่ายของชีวิตก็ไม่ได้ง่ายเสมอไปในแง่ของจังหวะและท่วงทำนองของการก้าวเดิน
บางครั้งการเดินอยู่บนถนนแห่งชีวิตกับการพานพบคนแห่งความรู้สึกล้วนมีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง
บางคนแม้แต่การที่จะก้าวเดินไปในวิถีแห่งการต่อสู้ก็ยังไม่กล้าหาญพอที่จะเดินออกจากกระดองในความคิด
แต่กับบางคน กลับถูกถีบยันให้เข้าสู่วิถีแห่งการต่อสู้ในถนนแห่งชีวิตอย่างโหดร้ายและไม่เคยหยุดพัก
เอ………………………..
ผมแค่ตั้งใจจะเดินทางไปไหว้องค์พระธาตุพนม แต่ทำไมผมถึงได้เพ้อเจ้อถึงโน่น นี่ นั่น ไปซะเรื่อย
อิอิ เอาแบบนี้แล้วกันนะครับ ขอแค่ว่าถ้าหากบุญของพวกเรามีร่วมกัน ก็ขอให้ได้เจอกันที่นครพนม .. นะครับ
ถ้าหากใครเจอผมแล้วจำได้ .. ผมจะเลี้ยงข้าวซักหนึ่งมื้อเป็นรางวัล แล้วตั้งวงสนทนาร่ำกับบรรยากาศยามเย็นแห่งริมฝั่งโขง ที่ นครพนม..ครับ
ในหมวดหมู่: Uncategorized
คำสำคัญ: นครพนม, นายสายลม, นายสายลม อักษรสุนทรีย์, พระธาตุพนม
10 มีนาคม 2009 / 2 ความคิดเห็น » / โดย สายลมครับ
อ่าน: 2095
การตามหาความหมายของชีวิตของผม ตั้งแต่ผมเริ่มเติบโตพอที่จะคิด ค้นหาความหมายในตัวเองได้
คำถามที่ผมถามตัวเองตลอดมาคือ “กูจะเรียนไปทำไมวะ” สำหรับคำถามนี้หลายคนอาจจะว่าผมบ้า
ว่าผมเป็นจอมขบถ ขวานผ่าซาก ขวางสังคมและต่าง ๆ นานา แต่ผมก็ไม่เคยสะทกสะท้านแม้แต่นิดเดียว
“กูจะเรียนไปทำไมวะ” เป็นคำถามที่พุ่งปรู๊ดดด เข้ามาในต่อมกระแดะของผมทันทีหลังจากที่ผมได้เรียนรู้
เมื่อตอนเริ่มเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นว่า “ยิ่งเรียนกูยิ่งเห็นแก่ตัวมากขึ้นทุกที ๆ “
ช่วงที่ผมเข้าเรียนในระดับ ปวช. ผมได้ซึมซับกระแสสังคมที่กำลังเปลี่ยนแปลงแบบรวดเร็วและรุนแรง กระแสวัตถุนิยมกำลังถาโถมเข้าสู่กลุ่มวัยรุ่นในยุคของผม คำว่า นักเรียนนักศึกษา มีความหมายที่แต่งต่างออกไปจากที่ผมเข้าใจอย่างมากมายมหาศาล โรงเรียนสอนแค่ในตำราหลักสูตรที่ยกย่องเทิดทูลว่าคือที่สุดของที่สุด ผมต้องอดทนจำในสิ่งที่ถูกบังคับให้เรียน ผมต้องอดทนกับการสอบที่ถูกติ๊ต่างว่านี่คือการวัดคุณภาพของความเป็นมนุษย์ในคอกของสถานศึกษาว่าใครมีคุณภาพมากกว่ากัน
ใช่ครับ ในกรอบของการศึกษาที่ผมเข้าใจในยุคนั้น ผมรู้สึกว่าผมเหมือนเป็นสัตว์เลี้ยงประเภทหนึ่งที่ถูกเลี้ยงถูกฝึกมาเพื่อใช้งานต่าง ๆ รึไม่ก็เลี้ยงให้อ้วนเพื่อรอเข้าโรงเชือดอย่างเดียว
ในยุคนั้นหลังจากที่ลำต้นของคำถามที่ว่า “กูจะเรียนไปทำไมวะ” เติบโตขึ้นอย่างช้า ๆ ในหัวของผม
จากที่ผมไตร่ตรองเพ่งพินิจพิจารณาดูอย่างถี่ถ้วนแล้วของสมองของเด็กตัวเล็ก ๆ ในวันนั้น ผมเลยทึกทักเอาเองว่า “ผมต้องการที่จะเรียนรู้อะไรมากกว่านี้และผมสามารถเรียนรู้ได้มากกว่าที่ระบบให้ได้” ผมจึงเริ่มภารกิจค้นหาความหมายตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
เอาล่ะสิครับ .. พอตัวเองทึกทักตั้งคำถามขึ้นมาเลยต้องคิดหาวิธีเพื่อจะพิสูจน์ทฤษฎีของตัวเอง
ผมจึงรวบรวมเพื่อนฝูงที่พอจะมีแนวคิดในทิศทางเดียวกัน ณ ตอนนั้น ทั้งที่เข้าใจและไม่เข้าใจของเพื่อน ๆ ผมได้นำสมาชิกในกลุ่มพร้อมเพื่อน ๆ กลุ่มใหญ่ ทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งในและนอกสถานศึกษา จนกลายเป็นหัวโจกในด้านกิจกรรมไปโดยปริยาย
ผมกับผองเพื่อนร่วมกันออกเดินทางด้วยการโบกรถท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อเรียนรู้โลกกว้าง เรียนรู้วิถีชีวิต เรียนรู้วิถีสังคม เรียนรู้ถึงกระแสแห่งมนุษย์ การใช้ชีวิตในช่วงนี้ถือได้ว่าผมใช้ชีวิตเสี่ยงที่สุดของความเป็นวัยรุ่น แต่ผลที่ได้รับก็ถือได้ว่าคุ้มค่าที่สุดเช่นกัน (เอาไว้จะเล่าให้ฟังเล่น ๆ ฮา ๆ วันหลังนะครับ)
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ในช่วงแห่งชีวิตวัยรุ่น คือ
ผมได้เรียนรู้ว่า หากผมกล้าที่จะทำตัวเองให้แตกต่าง ผมก็สามารถแตกต่างได้ด้วยตัวเอง
ผมได้เรียนรู้ว่า ถ้าผมกล้าที่จะยืนหยัดต่อความเชื่อของตัวเอง ผมจะค้นพบอะไรบางอย่าง
ผมได้เรียนรู้ว่า ถ้าผมเดินออกนอกเส้นทางบ้าง ผมจะเห็นโลกที่ผมไม่เคยเห็นและไม่เคยสัมผัสอย่างแน่นอน
ผมได้เรียนรู้ว่า คำว่าเพื่อน จะเรียกให้มันได้ความฟิวส์มากที่สุดคือตอนผมเรียกเพื่อนที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน
ผมได้เรียนรู้ว่า ผมสามารถสร้างประโยชน์และแบ่งปันความสุขให้กับสังคม คนรอบข้างได้ซึ่งมันทำให้ผมมีความสุข สุขใจที่ได้ทำ
ผมได้เรียนรู้ว่า การทำตัวให้ติดดินที่สุดทำให้สามารถเรียนรู้ผู้คนรอบข้างได้ดีที่สุด
ผมได้เรียนรู้ว่า ผมจะต้องเรียนต่อให้สูงที่สุดเท่าที่สติปัญญาของผมจะทำได้ เพราะคนจะฟังผมมากที่สุดก็คือตอนที่ผมเป็นคุณเดี่ยว คนที่มีเครื่องการรันตีความรู้ความสามารถโชว์อยู่ข้างฝาบ้าน ซึ่งต่างจาก ไอ้เดี่ยว ที่ไม่มีเครื่องการันตีมาตรฐานทางสังคมใดใดเลย
และ ผมได้เรียนรู้ว่า ถ้าผมกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเองผมก็จะได้กรรมสิทธิ์ในความเป็นมนุษย์กลับคืนมา..แน่นอน
อิอิ โปรดติดตามตอนต่อไป เด้อครับ ตอนเรียนต่อนี่ มันส์โคตร ๆ อิอิ
“”"”"”"”"”"”"”"”"”"”"”"”"”"”"”"”"”"”"”"”"”"”"”
ในหมวดหมู่: Uncategorized
คำสำคัญ: การจัดการความรู้, นายสายลม, ไผเป็นไผ
2 มีนาคม 2009 / 7 ความคิดเห็น » / โดย สายลมครับ
อ่าน: 4049
ไผเป็นไผ
นายสายลม อักษรสุนทรีย์ เป็นไผ
อ่านต่อ…
ในหมวดหมู่: ลานสายลม
คำสำคัญ: นายสายลม อักษรสุนทรีย์, มะเดี่ยว, เฉลิมเกียรติ สอนคำแก้ว, เฮฮาศาสตร์, ไผเป็นไผ
12 กุมภาพันธ 2009 / 4 ความคิดเห็น » / โดย สายลมครับ
อ่าน: 2350
หลายครั้งที่ผมได้มาร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่สวนป่ามหาชีวาลัยอิสานแห่งนี้ และในทุก ๆ ครั้งผมได้เรียนรู้อะไรต่อมิอะไรหลาย ๆ อย่างเพิ่มขึ้นเสมอ และครั้งนี้ก็เช่นกันครับ