ไปสวนป่า..อีกครั้ง…
อ่าน: 2579นับแต่กลับจากสวนป่าครั้งล่าสุดมา ยังไม่หยุดวุ่นกับการงาน
เดือนพฤษภาคมเป็นช่วงที่ต้องรีบและลุ้นหลายเรื่อง กว่าจะมาเขียนบันทึกก็ผ่านไปนานนับเดือน
แม้มีคุณหมอจอมป่วน อุ๊ย และ น้องฝน เล่าสู่กันฟังตั้งนานแล้ว
ยังอยากมาต่อท้ายแถวบอกเล่าถึงมุมมองของตัวเองกันสักหน่อย
เหตุที่ไปสวนป่าคราวนี้ ก็ด้วยครูบาสุทธินันท์ส่งข่าวมาชักชวนให้ไปร่วมงาน
ที่นิสิตแพทย์ จุฬาฯ ชั้นปีที่ 4 ศูนย์แพทยศาสตร์ชั้นคลินิก โรงพยาบาลชลบุรี มาเยี่ยมเยือน
รู้ตัวว่าอยู่ได้ไม่ครบวัน จึงตั้งใจจะไปเป็นตัวเตรียมและตัวเติมในทีม
เตือนโชเฟอร์ประจำคณะให้จัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ซ่อมบำรุงที่จำเป็นไปด้วย
คราวที่แล้วหาซื้อยางรองก๊อกน้ำทั่วสตึกได้ไม่พอใช้ ครั้งนี้ซื้อไปจากเชียงใหม่ได้พอสมควร
คิดจะช่วยซ่อมแซมจุดเล็กน้อยที่เคยเห็น
แต่กลายเป็น ต้องเริ่มงานหาวิธีปิดจุดน้ำรั่วจากท่อส่งน้ำกันยามดึกในวันมาถึง
นึกถึงงานซ่อมบำรุงตั้งแต่แรก เพราะงานในสวนป่ามีมากมายหลายจุด
การดูแลให้ละเอียดทั่วถึงจึงเป็นเรื่องยาก คิดว่าหากแบ่งเบาอะไรได้บ้างก็ตั้งใจจะช่วยทำ
ในยามเช้าวันต่อมา ครูบาบ่นๆ เรื่องช่างไฟไปแต่งงาน และออกจากบ้านไม่ได้จนกว่าจะครบเจ็ดวัน
ก็เป็นอันหางานให้ครูอารามทำได้ ส่วนตนเองกลายร่างเป็นลูกมือ
เล็งจุด หยิบจับ โยนส่งของ ร้องเตือนให้คนที่อยู่บนกิ่งไม้ ต่อไฟอย่างปลอดภัยและได้ผล ^^
ปีนป่ายทำงานกับฟืนไฟปล่อยให้ทำคนเดียวคงไม่ดีนัก
มีช่วงเวลาที่หยุดพักตามอุ๊ยกับครูบาไปซื้อของที่ตลาดยามแดดเปรี้ยง ร้อนกันแทบละลาย
และได้ตอกย้ำถึงคุณค่าของต้นไม้ยามกลับเข้ามาในสวนป่าที่อากาศแตกต่างอย่างเห็นชัด
เสียเวลากับการรอซื้อของในตลาดกันพอสมควร จึงชวนกันแยกย้ายไปทำงาน
อุ๊ยผู้ชำนาญการครัวมากกว่า ไปหาเรื่องสนุกสำหรับเตรียมรับน้องๆ กับแม่หวี
ทดลองทำนั่นนี่ตามที่ซื้อมา เพื่อจะหาวิธีคิดเป็นกิจกรรมนำให้น้องเรียนรู้
เพื่อนผู้ทำงานช่วยต่อไฟค้างอยู่จึงต้องไปเป็นลูกมือต่อ จนถึงเวลาหิวก็เดินลิ่วมาที่ครัวกันพร้อมกับครูบา
กับข้าวไม่ได้เตรียมไว้ แต่ภายในเวลาไม่กี่นาทีแม่หวีก็สามารถเนรมิตอาหารอร่อยให้ได้ทันควัน
อิ่มแล้ว และงานมาถึงจุดที่เกินกำลัง ทั้งมีคนมาช่วยครูอารามบ้างแล้วจึงถอยมาดูอุ๊ยอยู่ในครัว
ข้าวโพดคั่วออกจะหอมหวนปานนั้น ใครกันจะไม่อยู่รอชมและชิม
ชิมเสร็จก็แว๊ปไปดูครูบา กะน้องจู ดูแลให้คนทำงานจัดการกางเต็นท์ที่ออกแบบอย่างใส่ใจ
ใต้ผ้าปูพื้นรองไว้ด้วยฟางให้นอนนุ่ม มีทั้งส่วนที่มีหลังคา และส่วนที่เตรียมไว้ให้นอนมองฟ้าคืนเพ็ญ
มีฟ่อนฟางวางไว้ริมขอบ เผื่อใครชอบนั่งห้อยขา
เห็นการระดมผู้คนมาทำหลายคน หลายฝ่าย นึกอยากให้น้องได้รู้ว่าครูบาตั้งใจต้อนรับเพียงไหน
สักพักใหญ่ แม่หวีก็บอกให้เดินทางไปรับคุณหมอจอมป่วนได้แล้ว
เหลือบมองครูบาและเห็นครูอารามยังอยู่บนต้นไม้ แถมหน้าย่นๆ คงกังวลว่างานยังไม่เสร็จ
จึงชวนอุ๊ยขับรถไปรับกันสองคน พกคุณพี่จีพีเอสไปด้วยเผื่อหลง
ได้ขับรถต่างถิ่นยามเย็นที่พระอาทิตย์ทอแสงสวย
บางช่วงถนนทอดยาวมุ่งตรงไปหาเมฆฝนที่คลี่คลุมเกินครึ่งฟ้า บางเวลามีสายฟ้าวิ่งแปลบปลาบชวนมอง
ชี้ชวนกันชมได้แค่สองคน..ก็มากันแค่นั้น..^^
แม่หวีช่างคำนวณเวลาได้แม่น
รถแล่นถึงตัวเมืองบุรีรัมย์พอดีกับมีเสียงโทรศัพท์จากคุณหมอ..ถึงแล้วนะ..
กว่าจะไปถึงที่หมาย คุณหมอก็นั่งรอพร้อมกับแก้วกาแฟเย็นเรียบร้อยแล้ว..
แถมยังมีน้ำใจถามไถ่..จะให้ขับมั้ย..
ตัดสินใจขับเอง รู้ว่าท่านเดินทางมาหลายทอดนัก แม้ไม่ชอบขับรถยามค่ำคืนสักเท่าใด
แต่ก็ทำได้เมื่อจำเป็น และเห็นแก่กาแฟแก้วที่ยังไม่ค่อยพร่อง
ประคับประคองขับรถมาอย่างระมัดระวังจนกระทั่งถึงบ้าน
แล้วคลานขึ้นเก้าอี้ฮ่องเต้พักหลับเอาแรง อย่างเข้าใจในสังขารของตัวเต็มที่
สารภาพว่าแอบนึกดีใจว่ากว่าน้องจะมาถึงคงเกือบสามสี่ทุ่ม..โธ่..ก็ป้าจะได้มีเวลาพักอีกสักหน่อย..
ช่วยกันทำครัวกินข้าวกินปลาเสร็จ จนน้องมาถึงเพิ่งจะพบว่าน้ำไม่ค่อยไหล
ทำให้ครูบาและอารามต้องเดินส่องไฟหาจุดรั่ว ก็ไม่เป็นผล
ได้อาบน้ำกันเท่าที่มี ยังดีที่มีน้ำสำรองในแต่ละห้องให้แบ่งกันใช้จนผ่านไปได้ตลอดคืนนั้น
จนเช้าวันต่อมา ระหว่างบรรดาน้องๆ ทำกิจกรรมก็ยังเดินตามครูบากะอารามคลำทางแก้ปัญหา
เช็คระบบจ่ายไฟก็แล้ว ปีนขึ้นแท็งก์ก็แล้ว สุดท้ายหาได้ที่ระบบกรองของท่อดูดน้ำที่อุดตัน
หลังจากเอาชิ้นส่วนที่อุดตันออก น้ำก็กลับมาไหลได้ตามปกติ..ไชโย..หายค้างใจไปเรื่องหนึ่ง…
แอบจัดตัวเองไว้ให้เป็นตัวเติม ระหว่างครูใหญ่จอมป่วนพูดคุยเรื่องกิจกรรมการเรียนรู้
จึงเพียงนั่งฟังอยู่ในวง เพื่อให้เข้าใจและหากต้องทำสิ่งใดจะต่อเติมกันได้อย่างไม่หลงทิศ
ฟังๆ ไป ก็มีงูมาทักทายให้ได้ตื่นเต้นตามที่อุ๊ยเล่า
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะปฏิกิริยาของตนเองสะดุดใจอุ๊ยหรืออย่างไร
ถึงกลายเป็นบทสัมภาษณ์และแลกเปลี่ยนทัศนะระหว่างเดินทางไปรับน้าอึ่งอ๊อบและน้องฝน
จนทำให้หลงทางอ้อมไปพักใหญ่ แต่ก็ได้เติมเต็มด้วย “การเรียนรู้โลกภายใน” ร่วมกันอย่างเบิกบาน
ประสบการณ์ที่จะแลกเปลี่ยนความรู้สึก มุมมอง ข้อคิด ทัศนะต่อชีวิต เป็นเรื่องเกิดขึ้นได้เสมอ
หากมีใจพร้อมจะเรียนรู้จากกันและกัน ไม่ติดกรอบ ไม่ปิดกั้นตนเอง
กลับมาสวนป่า พบว่าน้องๆ รับประทานอาหารเสร็จแล้ว
คงเป็นเพราะได้ข้าวต้มอร่อยที่เอียงหม้อตักกันแค่คนละถ้วย
เมื่อผ่านต้นส้มโอที่ออกลูกเขียวสวยอยู่หน้าครัว น้าอ๊อบจึงผุดไอเดีย..กินส้มโอกัน..
ทันใดนั้นก็มีแผนกปีนและแผนกรับลูกที่โยนมาอย่างแม่นยำทั้งคนรับ คนส่ง
เกิดแผนกปอก แผนกเสริฟ ส่งไปยังคณะผู้เข้าสัมมนากันในบัดดล
เป็นหนทางเปิดตัววิทยากรที่ตามมาอย่างแนบเนียนสนิทชนิดที่ไม่ต้องแนะนำอย่างเป็นทางการ..^^
ช่วงที่อยู่สวนป่า อากาศเปลี่ยนไปมา บางเวลาร้อนอ้าว ชวนให้เพลียง่าย
ยามบ่ายตั้งใจจะไปหาที่ผ่อนพักตระหนักรู้กับน้องๆ แต่ไม่เหลือที่ว่างให้ลงนอน
เลยย้อนไปยึดเก้าอี้ฮ่องเต้ที่ลานไผ่เป็นที่ผ่อนพัก หายไปเฝ้าพระอินทร์ครู่ใหญ่
แว่วเสียงอุ๊ยและคณะคุยกัน จึงเข้าไปนั่งอยู่ห่างๆ ด้วยเห็นว่ายังอยู่ระหว่างชวนพรรคพวกเรียนรู้
ด้วยกิจกรรมการทำสมาธิเพื่อการผ่อนคลายอย่างลึก
พยายามระมัดระวังที่จะไม่รบกวนกระบวนการและขั้นตอนที่กำลังดำเนินอยู่
รู้ว่าการเรียนรู้ที่ต้องเกี่ยวเนื่องกับอารมณ์ ความรู้สึก เป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ขั้นตอนที่จะนำพาให้ได้สัมผัส ค้นพบ รู้จัก และเข้าใจ ต้องอาศัยจังหวะ เวลาและวิธีนำพา ที่เหมาะสม
เมื่อน้องๆ เสร็จจากการผ่อนพักแล้ว จึงถึงคิวไปเป็นผู้ช่วยอุ๊ยทำกิจกรรมปั้นกุยช่ายกับน้าอ๊อบ
น้าชวนน้องบูมก่อนส่งต่อให้อุ้ย ส่วนตัวเองช่วยด้วยการเสริมเสียงให้อุ๊ยเพียงชั่วครู่
ก่อนแวบหายเข้าไปอยู่ในกลุ่มกับน้องๆ กันทั้งสองคน
เลือกนั่งกับกลุ่มที่เห็นมีช่องว่างให้แทรกตัวลงไป และได้อยู่กับน้องจูโดยบังเอิญ
การร่วมลงมือกับกลุ่ม พูดคุย ร่วมเฮฮาประสาวัยรุ่น ก่อกระแสความสุขที่ส่งต่อไปในวงกว้าง
ทั้งเป็นโอกาสที่ได้รับรู้ความคิด ความหวั่นไหว ไม่เชื่อมั่น และตัวตนที่แฝงอยู่ในระหว่างทำกิจกรรม
เป็นโอกาสให้ได้สอดแทรกการกระตุกให้คิดเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างนั้น
ด้วยการชวนมองมุมต่าง สร้างคุณค่าด้วยสีสันของภาษาให้มาทดแทนความไม่เชื่อมั่นในผลงาน
ทั้งชวนไม่ให้ใช้ความคิดเปรียบเทียบมาลดความเชื่อมั่นในคุณค่าแห่งตน
ผ่านถ้อยคำที่เป็นเหมือนสำนวนเล่นๆ แต่เลือกใช้เป็นประเด็นในการกระตุกให้คิด
น้องจูซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกันช่วยเติมบรรยากาศด้วยเสียงหัวเราะและการรับลูกอย่างกลมกลืน
ชอบบทบาทการเป็นผู้ช่วย ด้วยเป็นงานที่ต้องหาจังหวะส่งเสริมให้ผุ้นำเด่น
ทั้งเป็นงานที่ต้องคอยเก็บตกรายละเอียดที่มองเห็นมาใช้เป็นประเด็นต่อเติมการเรียนรู้
สนุกกับการได้ร่วมเรียน ร่วมรับรู้กับผู้ร่วมกิจกรรมอย่างกลมกลืนไปกับกลุ่ม
สายใยแห่งไมตรีที่เริ่มสร้างจากความรู้สึกคุ้นเคย เป็นกันเองและผ่อนคลาย
มักเชื่อมใจให้เปิดรับประสบการณ์ใหม่ จากกันและกันได้มากขึ้นเสมอ
และด้วยมักจะให้ความสำคัญกับการเตรียมพื้นฐานของการเรียนรู้
ยามเมื่อได้รับมอบหมายให้อยู่ประจำกลุ่มในกิจกรรมชวนน้องเดิน
จึงใช้เวลากับการตระเตรียมพื้นฐานเล็กๆ น้อยๆ แล้วค่อยพาให้เปิดรับประสบการณ์ที่จัดวางไว้
ซึ่งตั้งใจเพิ่มรายละเอียดบางอย่างเพื่อสร้างสถานการณ์ให้ได้ “รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ เห็นในสิ่งที่ไม่เคยมอง” เพิ่มขึ้น
ช่วงเวลาที่มีค่าของการไปสวนป่าและไม่อยากให้ใครพลาดคือการได้ฟังเรื่องเล่าจากครูบา
ยามที่ท่านพาไปดู ไปทำ สิ่งโน้นสิ่งนี้ หาก”ฟัง” และ “มอง” ให้ชัดเจน จะเห็นที่มา เรื่องราว วิธีคิด ที่น่าทึ่ง
ทั้งองค์ความรู้ที่เกิดจากการสั่งสมต้นทุนทางปัญญา
ทั้งวิธีการสังเกต เรียนรู้ การตั้งโจทย์เพื่อหาวิธีคลี่คลายจนกลายเป็นความรู้จัก เข้าใจ
ในการดำเนินชีวิตที่สอดคล้อง เชื่อมโยงกับธรรมชาติ อย่างลงตัว
ทั้งวิธีใช้ชีวิตอย่างนักสู้ที่ไม่ท้อถอย
ทั้งการออกแบบกิจกรรมให้ได้ประจักษ์เพื่อนำให้ผู้คนเรียนรู้ด้วยฝีมือชั้นครู
และแม้เพียงคอยเก็บ”วรรคทองโดนใจ”เอาไปใช้ก็ได้ประโยชน์หลายสถานแล้ว
ช่วงการสนทนาและครูบาพาเดินในวันแรก เริ่มต้นที่ข้างคอกวัว ซึ่งมีสิ่งน่าตื่นใจสำหรับน้องหลายอย่าง
ระหว่างรอให้พร้อมหน้า เห็นบรรดาว่าที่คุณหมอสนุกสนานกับการลองทำสิ่งแปลกใหม่
ถ่ายรูปต้นไม้ พยายามถ่ายรูปน้องไก่พังค์ กล้าๆ กลัวๆ แต่ก็อยากเอาหญ้าให้น้องวัวกิน
จับหนอนมาเทียบกับหน้าเพื่อนที่ชื่อตรงกัน ฯลฯ ถือเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลาย
แม้จะได้เดินตามครูบาไปเก็บผักในเวลาสั้นๆ ก่อนจะพากันไปเตรียมอาหาร
ก็นับว่าได้อุ่นเครื่องเรื่องการเดินในสวนป่าได้พอสมควร
น้องๆ คณะนี้ มีประสบการณ์ที่ครูบาบอกว่าเทวดาจัดสรรให้อยู่กับธรรมชาติหลายเรื่อง
ตั้งแต่น้ำไม่ไหล ฝนตก ลมแรง จนมาถึงไฟดับ กินข้าวท่ามกลางความมืดและแสงเทียน
แต่ท่ามกลางความยากลำบาก ความน่ารักและรู้จักอยู่ง่ายกินง่ายของน้องก็เปล่งประกายยิ่งขึ้น
เสียงเพลงที่ล้อมวงขับขานร่วมกัน ในแสงเรืองๆ ของเปลวเทียน ยังคงก้องกังวานอย่างรื่นรมย์
ดนตรีทำหน้าที่เชื่อมโยงใจโดยไม่ต้องการกิจกรรมอื่นใดอีก
จนถึงเช้าไฟก็ยังไม่มา จึงเกิดปัญหาน้ำหมดแท้งก์เพราะปั๊มน้ำขึ้นไม่ได้
จึงแบ่งน้ำที่เหลือ ใช้ทำความสะอาดร่างกายกันกับอุ๊ยคนละสี่ห้าขัน
ชวนขำกันว่าได้อารมณ์ของท่านมหาห้าขันก็ในวันนี้
เก็บข้าวของเตรียมกลับบ้านเสร็จแล้วยังพอมีเวลา น้องๆ ไปเดินป่ากับครูบายังไม่กลับ
เห็นความลำบากของแม่หวีและแม่หนิงที่ต้องคอยเดินมาหิ้วน้ำฝนไปทำครัว
เกิดความพยายามจะลองหาทางแก้ไขเรื่องไฟกันอีกครั้ง
ส่งสารพัดช่างประจำคณะควบมอเตอร์ไซค์ไปกับน้า ตระเวนดูรอบสวนป่า
เผื่ออาจเป็นปัญหาเรื่องกิ่งไม้หักมาพาดสายไฟ คนที่เหลือก็รอด้วยความหวัง
ก่อนที่น้าจะนั่งซ้อนท้ายยิ้มเผล่เข้ามา..เจอแล้ว..นี่ลูกยาง..ชวนกันใช้รองเท้าขว้างเอามาดู
อยากจะรู้ว่าลูกยางพารามันเป็นยังไง..ส่วนเรื่องไฟ..ไม่สำเร็จ!!!!..
น้องๆ กลับจากเดินป่า มาพบกับของเล่นครูอารามที่เอาน้ำเต้ายักษ์มาทำที่หุ้มปลั๊กไฟให้ครูบา
จึงช่วยกันมาออกความคิดให้ต่อเติมจนกลายเป็นน้องน้ำเต้าติดตุ้มหูขนตางอนปิ๊งปิ๊ง
เป็นมุมถ่ายรูปแสนเก๋ถูกใจวัยรุ่น ทั้งช่วยกันเตรียมจัดอาหารเช้ากันให้คึกคัก
ทำให้น้าอ๊อบชมความน่ารักของน้องๆ ได้อีกหลายรอบ
หลังอาหารเช้าจึงร่ำลากลับบ้าน
และแม้งานจะแสนยุ่งแม่หวียังอุตส่าห์เตรียมของฝากไว้ให้ทุกคน
ระหว่างเดินทางฝ่าฝนเป็นพักๆ ยังคุยถึงสวนป่าและผู้คนที่จากมาไม่จบ
ไฟฟ้ามีให้ใช้หรือยังหนอ..อยากอยู่ช่วยแต่ไม่ได้เนาะ..ฯลฯ
นึกถึงบรรดาน้องๆ ผู้จะต้องรับผิดชอบอีกมากมายในภายหน้า
หากการใช้เวลาที่สวนป่าช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ได้เรียน ได้ทำงานอย่างมีความสุข
เหมือนคำครูบา”ทำงานทำไมต้องทุกข์ด้วย”
เราคงได้คุณหมอที่มีใจเบิกบานกับการงานและผสานไมตรีกับผู้อื่นมากขึ้น
หากสวนป่าช่วยเปิดมุมมองของชีวิตให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
เราคงได้คุณหมอที่ “เห็นได้มากกว่าที่มอง” และมีจิตใจอันอิ่มเต็ม
หากสวนป่า..นำพาให้น้องๆ ได้ตระหนักถึงคุณค่าแห่งตน
และมองเห็นผู้คนอีกมากมายที่เอื้อเฟื้อให้ได้เรียนรู้
เราคงได้คุณหมอที่มุ่งมั่นกับการฝึกฝนเพื่อพัฒนาตนให้ยังประโยชน์แก่โลกเพิ่มขึ้น
และนั่นคงจะเป็นความอิ่มใจยิ่งของครูบาอาจารย์ ที่นำพาลูกศิษย์ให้ได้มาเรียนรู้ ทั้งอยู่ดูแลอย่างใกล้ชิด
ยินดีที่ได้มาส่วนป่าอีกครั้ง แม้เป็นเพียงเวลาสั้นๆ
แต่เป็นคืนวันที่เห็นการทุ่มเทกายใจเพื่อให้งานบรรลุผลของผู้คนที่อยู่เบื้องหลังในส่วนป่า
เห็นพลังของครูบาและแม่หวีที่มุ่งจัดสรรสิ่งที่มีให้เกิดประโยชน์ต่อผู้มาเยือนอย่างเต็มที่
ทั้งมีโอกาสได้พบกับผู้คนดีๆ อีกหลายท่าน
ได้ร่วมทีมอันน่าทึ่ง ซึ่งพร้อมจะเติมเต็มให้แก่กันและกันได้ทุกเมื่อ..
เป็นความทรงจำดีๆ ที่สะสมไว้อีกเรื่องหนึ่ง
ขอบคุณค่ะ..
7 ความคิดเห็น
เติมเต็มในช่องว่าง
แก้ตัวใหม่ กั้นเอาจ๋นได้
เติมเต็ม ในที่ว่าง คือผู้สร้าง ความสมบูรณ์
ช่วยหนุน และเกื้อกูล ด้วยหัวใจมุ่งอาสา
นี่ถ้าบ่มีคนคอยส่งเสียงอยู่ตางลุ่ม ครูอารามซ่อมไฟบ่แล้วแต้ๆเน้อ
หมอผ่าตัดยังต้องมีคนส่งเครื่องมือ มีด…คีม…ผ้ากอส…ฆ้อน…สิ่ว…เลื่อย…บีบเส้นเลือดนี้ไว้…ซับเหงื่อ…ขนม…
อ่านแล้วก็ชื่นใจ…นี่นะเม้นท์โดยไม่เห็นตัวอักษรว่าเม้นท์อะไร เพราะพื้นดำ จร้า
แต่พอเม้นท์เสร็จจะป้ายขาวดูว่าเม้นท์อะไร
ครูใหญ่เขียนบันทึกแบบนานๆครั้งเขียน แต่พสุธากระเทือนเลย (ที่ระนอง) อิอิ
#2. สงคีม ผ้าก๊อซ นี่พอนึกออก. เอ้ออออ..แต่ว่า ขนม เนี่ยนะคะ..: )
#3. เขียนยาวววววว จนแผ่นดินสะเทือนเลยเนาะ สงสัยปลาอานนท์คงอ่านจนเมื่อยน่ะอุ้ย..คริ คริ
ขอบคุณค่ะ อ่าน อิ่ม นี่อ่านตั้ง 3 รอบ ในคราวเดียวกัน
เราติดใจอะไรหรือเปล่า น่าจะ ความละมุลละไม ในเรื่องราว ที่เล่ามา
และความเต็มตื้น ในบรรยากาศของกิจกรรมต่าง ๆ ในเรื่องราวที่บันทึก
^___^
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ของน้องต๋อมแต๋มนะคะ ^______^