เฮฮาศาสตร์ห้วยขาแข้ง..(3)
อ่าน: 2219นั่งรถย้อนกลับเข้าสู่เมือง
รถจอดในลานกว้างของวัดท่าซุงท่ามกลางแสงแดดร้อนและผู้คนมากมาย
ขบวนรถมีหลายคัน การสื่อสารระหว่างกันจึงค่อนข้างสับสน
กว่าจะรวบรวมพลได้ครบ พี่ชายใหญ่ผู้ประสานงานคงเหน็ดเหนื่อยทีเดียว
ก่อนเข้าชมสถานที่ แวะไปที่ห้องน้ำที่รายเรียงอยู่โดยรอบ
ไม่ค่อยคุ้นกับการเห็นพระพุทธรูปจำนวนมากรายเรียงอยู่บนระเบียงเหนือห้องน้ำ
อาจเป็นด้วยวัฒนธรรมถิ่นของตนนั้นแตกต่าง
ห้องน้ำมักถูกสร้างให้อยู่ห่างจากรูปเคารพและส่วนจัดพิธีกรรมเสมอ
สนทนากับผู้ดูแลสถานที่ที่บอกด้วยความภาคภูมิใจ
วัดกว้างใหญ่มากนะคะคุณ ห้องน้ำมีนับพันๆ ห้อง
หากเดินไม่ไหวต้องใช้วิธีนั่งรถรางเที่ยว จึงจะทั่ว..
เมื่อเข้าไปในวิหารแก้วอันมลังเมลืองด้วยไฟระย้าและแสงสะท้อนจากกระจกประดับวาววับ
จึงเห็นผู้คน และกิจกรรมอันบอกถึงความศรัทธา
บ้างเบียดเสียดต่อคิว ถวายพระพุทธรูปที่มีเครื่องทรงอันวิจิตร
บ้างกราบพระพุทธชินราชจำลอง
บ้างกราบสรีรร่างของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
บ้างถวายเงินบริจาคทาน
ท่ามกลางผู้คนอันคลาคล่ำ
ภาพคุณยายที่ยกเครื่องสักการะขึ้นจบเหนือหน้าผากแน่วนิ่งชวนให้คิด
แต่ละชีวิตล้วนมีความเชื่อเฉพาะตน เฉพาะกลุ่ม
หนทางของการบรรเทาใจให้คลายทุกข์ล้วนแตกต่าง
หวังให้การสร้างพลังศรัทธาความเชื่ออันอลังการนี้ นำทางสู่ความมีปัญญาแห่งศาสนาด้วยเถิด
จากวิหารแก้ว เดินทางต่อไปยังวิหารทอง อันวิจิตรตระการ
และเมียงมองในส่วนของวัดท่าซุงเก่า จากภายนอก ด้วยไม่มีเวลาแวะชม
รถนำไปจอดอยู่ใกล้ลานอเนกประสงค์ ที่ก่อสร้างอย่างสมัยใหม่
ทั้งการออกแบบ ลวดลาย สีสัน อาคารและต้นไม้ที่ใช้การล้อมมาปลูก
ดูเป็นรูปแบบเช่นที่นิยมและเห็นกันได้ทั่วไป ในยุคนี้
แต่กลับมีสะพานคอนกรีตเล็ก แคบและสูง
ที่ทอดข้ามไปยังวัดโบสถ์ ที่ดูโดดเด่นอยู่ริมน้ำ ท่ามกลางแดดสวย ฟ้าใส
ต้องขอบคุณพี่บางทรายที่จัดเวลาให้มาถึง ในช่วงที่แสงสาดต้องวัดให้เกิดเงาสะท้อนน้ำงดงาม
แม่น้ำ ดูจะราวจะกั้นกลางระหว่างความเก่ากับ วิถีสมัยใหม่ที่รุกคืบใกล้เข้ามา
ในแม่น้ำที่แห้งจนเรือนแพบางหลัง ค้างเกยอยู่บนหาดดินทราย
ร่องรอยของการใช้ประโยชน์จากสายน้ำยังคงปรากฏให้เห็น
ทั้งหมู่เรือนแพ กระชังปลา แพเตยที่ปลูกไว้ที่แรกเห็นเข้าใจว่าเป็นผักบุ้ง..^^
เส้นสาย ลวดลายที่ปรากฏจากรอยเท้าของสัตว์บนพื้นโคลนแตกระแหง
กลายเป็นเกมที่ชวนกันค้นหาคำตอบ
จากบนสะพาน เห็นการเปลี่ยนแปลงของสองฟากฝั่งเด่นชัด
ร้านกาแฟดีไซน์แบบสมัยใหม่ กับแพไม้ไผ่ ช่างให้อารมณ์ที่แตกต่าง
ระหว่างเดินไปยังได้เห็นวิถีของการแบ่งปันอย่างเป็นธรรมชาติ
ยามที่รถจักรยาน รถพ่วง ต้องขับผ่านเส้นทางอันเล็กแคบ
เห็นการรอคอย และผลัดเปลี่ยน ให้ทางก่อน หลัง อย่างยิ้มแย้ม
เข้าไปในวัด ได้สัมผัสกับบรรยากาศสงบเงียบ โปร่งโล่ง ด้วยไม่มีกำแพงกั้น
โบสถ์ วิหาร และกุฏิที่พักสงฆ์ บ่งบอกถึงอายุอันยาวนาน
บางส่วนได้รับการทำนุบำรุงไว้ บางส่วนขาดหายไปอย่างน่าเป็นห่วง
เห็นหอประชุมอายุกว่าหกสิบปี ทำด้วยไม้ หลังคาประดับลายปูนปั้นอันสวยงาม
ถูกปรับปรุงด้วยวัสดุผสมผสาน จนงานฝีมือเชิงช่างยุคก่อนถูกลดทอนไปอย่างน่าเสียดาย
เดินชมกันจนบ่ายคล้อยจึงค่อยเคลื่อนย้ายไปดูพระอาทิตย์ตกบนเขาสะแกกรัง
ถึงบนเขา ในเวลาที่พระอาทิตย์จวนจะลับฟ้า
เห็นบรรดาคนรักสุขภาพเดินออกกำลังกายขึ้นเขากันหลายคน
ลมเย็นบนยอดเขา ช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าลงได้มาก
เดินไปไหว้พระที่วัดบนเขาและชมทิวทัศน์เมืองอุทัย ที่เห็นได้เกือบทั่วเมือง
แถมยังเห็นวัดโบสถ์ที่เพิ่งจากมาอยู่ลิบๆ
ใครบางคนชวนกันโยนเหรียญเสี่ยงทาย ใส่ในรูสะดือของพระสังกัจจายน์เป็นที่ครึกครื้น
อืมมม..สนุกสนานและได้บุญ..
ได้กราบพระบรมรูปของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก
ซึ่งเป็นบรมมหาชนกของสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ราชวงค์จักรี
และเดิมมีกำหนดจะเดินขึ้นไปดูหลักหมุดแผนที่หลักแรกของประเทศไทย ที่อยู่สูงขึ้นไปอีก
เกือบมืดแล้ว จึงเปลี่ยนแผนการ แต่ยังมีผู้กล้าหาญ อันได้แก่ พี่หมอเจ๊ อุ๊ยสร้อยและน้องสายลม
ที่ยังคงเดินไปจนถึงเป้าหมายและกลับลงมาได้โดยไม่ลื่นล้มเสียหลัก
ระหว่างนั้น ชาวคณะบางส่วนร่วมกันปล่อยโคมลอยพร้อมคำอธิษฐาน
โคมไฟที่ลอยลิ่วตามลมไปหลายดวง คงสร้างความแปลกใจให้ผู้ได้เห็นกันบ้าง
ใกล้ถึงเวลาอาหารเย็น ชวนกันลงจากเขามายังร้านอาหารที่จัดไว้
ได้พบ คุณหมอจอมป่วนและแม่นุ ขับรถจากพิษณุโลกมาเพื่อร่วมรายการเพียงคืนนี้
ให้บังเอิญมีกลุ่มคนนัดหมายมาเลี้ยงรุ่นกันอยู่ที่ร้านเดียวกัน
การจัดการสถานที่ในการเสวนาพูดคุยจึงต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์
หลังจากได้อิ่มหนำกันถ้วนหน้า
ก็ถึงเวลาได้ พบปะกับ ท่านปฏิรูปที่ดินจังหวัดอุทัยธานี และ ท่านปฏิรูปที่ดินจังหวัดชัยนาท
ก่อนที่จะได้รับฟังเรื่องราวจาก พี่สมพงษ์ สุทธิวงค์ “ขาใหญ่เมืองอุทัย”
ที่พี่บางทรายได้เกริ่นนำให้รู้จักทางบันทึกที่เขียนให้ชาวเฮฮาศาสตร์รับรู้อยู่ก่อนแล้ว
เรื่องราวและหลักการในการทำงานด้านการอนุรักษ์ป่า และการพัฒนาชุมชน
ถูกถ่ายทอดประกอบการฉายสไลด์ ด้วยภาษาง่ายๆ
เล่าเรื่องงานที่แท้จริงแล้วก่อให้เกิดผลอันยิ่งใหญ่ด้วยท่าทีไม่อวดโอ่
เพียงบอกหลักการที่ได้ทำ..อยู่ร่วมกับประชาชน ช่วยประชาชนคิด มอบความรัก รับใช้ชุมชน
เริ่มกิจกรรมจากสิ่งที่ประชาชนรู้ พัฒนาจากสิ่งที่เขาทำ สาธิต บูรณาการ ฯลฯ
ผมก็ทำ “แค่นี้แหละ..”
แค่นี้..ที่อุทิศตนปกป้องป่า และพัฒนาชุมชน ผ่านร้อนหนาวมาค่อนชีวิต!!
สุดท้ายได้พบกับ ดร.วีระชัย นาควิบูลย์วงศ์ เลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก)
ที่เดินทางมาเพื่อพบปะกับกลุ่มของเรา ได้รับฟังการบอกเล่า แนวคิด การทำงาน
ฟังท่านแล้วรับรู้ความตั้งใจอันจริงจังที่จะให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม
เริ่มดึกก็เริ่มล้า..ด้วยตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่
เพียงหนึ่งวันได้รับประสบการณ์อันหลากหลาย ทั้งในเมือง ในป่า
ทั้งได้มารับฟังเรื่องราวที่ชวนคิดต่อ
ยามล่ำลากัน แยกย้ายไปขึ้นรถ แต่ละคนก็อยู่ในสภาพพร้อมจะพักกันทีเดียว..
ดึกแล้ว..พักก่อน ค่อยอ่านตอนต่อไปนะคะ..^^
« « Prev : เฮฮาศาสตร์ห้วยขาแข้ง..(2)
Next : เฮฮาศาสตร์ห้วยขาแข้ง..(4) » »
2 ความคิดเห็น
นี่… หากมีเวลาคงเขียนได้เป็น สิบ ยี่สิบ ตอนเลยนะเนี๊ยะ