Jul 22
พระพุทธศาสนาหลังสมัยพุทธกาล
พระพุทธศาสนาเจริญมั่นคงยั่งยืนมา ถึงพวกเราทุกคนในวันนี้ได้ก็เพราะมีผู้ศรัทธาเลื่อมใสออกบวช ศึกษาเล่าเรียน ประพฤติปฏิบัติ และสั่งสอนสืบต่อกันมา ส่วนการเดินทางของพระพุทธศาสนามายังประเทศไทยและส่วนอื่นๆ ของโลก กล่าวได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ให้พระพุทธศาสนาดำรงอยู่ได้เช่นเดียวกัน ในหัวข้อนี้ ผู้เขียนจะเล่าเหตุการณ์หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานย่อๆ เพื่อให้เห็นความเป็นไปของพระพุทธศาสนาหลังสมัยพุทธกาล
หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วสามเดือน คณะสงฆ์ได้ทำสังคายนาขึ้นครั้งแรกที่ถ้ำสัตตบรรณ กรุงราชคฤห์ เพื่อรวบรวมหลักธรรมคำสอนให้เป็นหมวดหมู่และท่องจำกันไว้ ประชุมสงฆ์ห้าร้อยรูป โดยมีพระมหากัสสปะเป็นประธานสงฆ์ กระทำอยู่เจ็ดเดือนจึงสำเร็จ ปรารภการกล่าวจาบจ้วงพระธรรมวินัยของพระสุทััทะซึ่งเป็นผู้บวชภายแก่ (พ่อหลวงหรือหลวงตา)
เรื่องก็มีว่าหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วเจ็ดวัน ขณะนั้นพระมหากัสสปะพร้อมสงฆ์หมู่ใหญ่ยังไม่ได้ทราบข่าวและกำลังเดินทางไป เฝ้าพระพุทธองค์ที่เมืองกุสินารา มีคนเดินทางสวนมาและบอกข่าวเรื่องการปรินิพพานของพระพุทธเจ้า เมื่อได้ฟังข่าวบรรดาพระภิกษุที่เป็นอริยะก็ได้แต่เกิดสังเวชธรรมปรารถถึง ความไม่แน่นอนเป็นต้น ส่วนพระภิกษุที่ยังเป็นปุถุชนก็ร้องไห้ บ่นเพ้อ ตีอกชกตัวตามประสาผู้ที่เศร้าเสียใจยังตัดไม่ได้
อ่านต่อ… »
Jul 22
การเสด็จออกบวชของพระพุทธเจ้า
พุทธศาสนิกชนทั่วไปรู้กันว่า พระบรมศาสดามีพระนามเดิมว่าฟ้าชายสิทธัตถะ และสาเหตุการออกบวชโดยมากก็เชื่อกันว่า วันหนึ่ง เมื่อฟ้าชายกำลังเสร็จประพาสชมเมืองชมสวนอยู่กับนายฉันนะซึ่งเป็นนายสารถี ประจำพระองค์ ทรงทอดพระเนตรเด็กแรกเกิด คนเจ็บ และคนตาย ตามลำดับ (เรียกกันตามสำนวนนักธรรมว่า เทวทูต ๔) ก็ทรงสงสัยว่าเพราะเหตุอะไรคนเราเกิดมาแล้วจะต้องแก่เจ็บตายไป ทรงขบคิดเรื่องนี้และสนทนากับนายฉันนะไปเรื่อยๆ จนกระทั้งมาเจอคนกลุ่มหนึ่งแต่งตัวแปลกๆ ไปจากคนทั่วไป จึงตรัสถามนายฉันนะว่าคนกลุ่มนี้เป็นใคร นายฉันนะก็ทูลว่าคนกลุ่มนี้เป็นนักบวชไม่มีเหย้ามีเรือน ได้ท่องเที่ยวไปเพื่อแสวงหาแนวทางหลุดพ้นจากการเกิดแก่เจ็บตาย สิทธัตถะราชกุมารทรงสดับแล้วก็มีดำริว่า
- “คนเราเกิดมาแล้ว ก็จะต้องแก่ เจ็บ ตายไป ไม่มีอะไรเป็นแก่นสารของชีวิต ควรออกบวชแสวงหาสัจธรรมคือความจริงของชีวิต ทำให้การเกิดมาครั้งหนึ่งไม่เป็นหมันคือไม่สูญเสียไปเปล่าๆ “
เมื่อเสด็จนิวัติกลับวังก็ทรง ครุ่นคิดแต่เรื่องนี้ ในตอนดึกคืนนั้นเอง พระองค์ก็ชวนนายฉันนะเสด็จออกจากวังโดยทรงม้าชื่อกัณฐกะ พอรุ่งเช้าก็เสด็จถึงริมฝั่งแม่น้ำอโนมาแล้วก็ทรงอธิษฐานบวช โดยทรงใช้พระขรรค์ตัดพระเมาลีแล้วก็ทรงเพศเป็นนักบวช ส่วนนายฉันนะก็นำม้ากลับวัง… ประวัติการออกบวชของพระมหาสัตว์โดยมากเชื่อกันทำนองนี้ เพราะมีหลักฐานตามคัมภีร์ต่างๆ ซึ่งบางประเด็นแม้ผู้เขียนเองก็ยังสงสัย เช่น พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นเทวทูต ๔ ภายในวันเดียวกันหรือไม่ ? เป็นต้น
อ่านต่อ… »
Jul 22
คุณค่าการบวชปัจจุบัน เป็น หนังสือเล่มน้อย ซึ่งผู้เขียนเรียบเรียงขึ้นพิมพ์เผยแพร่ในงานอุปสมบทของญาติผู้น้องเมื่อปี ๒๕๔๖ จากนั้นก็เคยพิมพ์ซ้ำอีก ๑-๒ ครั้ง แต่ต้นขั้วเดิมสลายไปพร้อมฮาร์ดดีสหลายปีแล้ว บังเอิญไปพบหนังสือหลงเหลืออยู่ในวัดเล่มหนึ่ง จึงถือโอกาสนำมาพิมพ์เผยแพร่ซ้ำใน GoToKnow ในเทศกาลเข้าพรรษาปีนี้ โดยทยอยพิมพ์ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจบ…
…………..
บทนำ
“คุณค่าการบวชปัจจุบัน” ประกอบด้วยคำสามคำ คือ คุณค่า. การบวช. และ ปัจจุบัน ผู้เขียนเห็นว่าตามชื่อเรื่องนี้มีคำที่ควรอธิบายก่อนสองคำคือ “คุณค่า” และ “การบวช” ส่วนคำว่า “ปัจจุบัน” นั้นเข้าใจกันไม่ยาก โดยความหมายแคบที่สุดคือ ขณะนี้. เดียวนี้. ตอนนี้ ส่วนความหมายกว้างๆ ได้แก่ ยุคนี้. สมัยนี้ หรือ ยุคสมัยนี้ ซึ่งเป็นการกำหนดช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่นานนักไปจนถึงช่วงเวลาที่ยังมาไม่ถึง อีกเล็กน้อย ในที่นี้ประสงค์เอาความหมายกว้างๆ คือการบวชในยุคสมัยที่ผ่านมาสี่ห้าปีหรือเก้าปีสิบปีเท่านั้นเอง และก่อนที่จะนำไปสู่ความเห็นอื่นๆ เรื่องการบวช ผู้เขียนประสงค์นะอธิบายความหมายของคำว่าคุณค่าและการบวชเป็นประเด็นแรก ต่อจากนั้นก็จะชวนท่านผู้อ่านไปเที่ยวดินแดนพุทธภูมิคือชมพูทวีปหรือประเทศ อินเดีย โดยการนำเสนอแนวคิดเรื่องอาศรม๔ ในคัมภีร์พระเวท เพราะผู้เขียนสันนิษฐานว่าความหมายเดิมของการบวชตามวัฒนธรรมอินเดียน่าจะมา จากแนวคิดนี้ ต่อด้วยการเสด็จออกบวชของพระพุทธเจ้าและพุทธสาวกบางท่านเพื่อเป็นตัวอย่าง เล็กๆ น้อยๆ หลังจากนั้นก็จะเล่าความเป็นไปของเหตุการณ์หลังสมัยพุทธกาล และย้อยกลับมาเมืองไทยด้วยความเห็นของผู้เขียนเกี่ยวกับหลักฐานแห่งความ มั่นคงของพระพุทธศาสนา ประเด็นสุดท้ายจะเป็นเรื่องราวของคุณค่าการบวชในอดีตที่บรรพบุรุษของเรา สร้างไว้ก่อนจะเข้าสู่การบวชยุคปัจจุบันซึ่งเป็นเรื่องราวที่เราทุกคน ประจักษ์อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเราจะให้ความหมายสิ่งที่เรารู้เราเห็นอย่างไรเท่านั้น
อ่านต่อ… »
Jul 15
- ย้ำ ย้ำ ย้ำ… ย้ำคิด ย้ำทำ
- ทำ ทำ ทำ… ย้ำทำ ย้ำคิด
- คิด คิด คิด… ย้ำคิด ย้ำทำ
ย้ำทำ… ย้ำคิด
ย้ำคิด… ย้ำทำ
- เลิก เลิก เลิก… เลิกทำ เลิกคิด
- คิด คิด คิด… เลิกคิด แต่ทำ
- ทำ ทำ ทำ… เลิกทำ แต่คิด
เลิกคิด… เลิกทำ
เลิกทำ… เลิกคิด
- ไม่คิด แต่ทำ
- ไม่ทำ แต่คิด
จะคิดก่อนทำ หรือจะทำก่อนคิด ก็ควรจะ…
Jul 13
- ลองหลับตา….
- หยุดความคิด….
- พยายามปิดกั้นความคิดที่จะผุดขึ้นมา…
รู้สึกหรือไม่ ?
อย่าคิด ปิดกั้น อย่าคิด หยุดไว้…
รู้สึกหรือไม่ ?
- สิ่งนั้น เป็นเพียงความรู้สึก…
- คล้ายๆ กำลังจะวิ่งไปหาบางอย่าง…
- ลองเพ่งดูว่า วิ่งไปหาอะไร ?
นั่นแหละ คือ ความแสวงหา
เมื่อมีความรู้สึก ก็มีความแสวงหา
.
……………
.
ฉันเคยคิด
ฉันเคยฝัน
ฉันมองไป
ฉันก้าวไป
เดินไป
เดินไป
เดินไป
และเดินไป
ณ. ที่อันไกลโพ้นโน้น…
- เอ๊ะ ! หรือว่าเป็นที่อื่น
ฉันคิด ฉันฝัน (อีกครั้ง)
ฉันมองไป (อีกครั้ง)
ฉันก้าวไป (อีกครั้ง)
ฉันเดินไป (อีกครั้ง)
อีกครั้ง
อีกครั้ง
อีกครั้ง
และอีกครั้ง
ความคิดเห็นใหม่