Mar 14

ชาติหน้า ผีสางเทวดา และผลกรรมดีชั่วมีจริงหรือไม่ ? นับว่ายังคงมีคนสงสัยอยู่ตราบจนปัจจุบัน จากเรื่องราวในปายาสิราชัญญสูตรที่ผู้เขียนประยุกต์นำมาเล่าตามลำดับ (คลิกที่นี้) แม้จะทำให้ผู้อ่านมีแง่คิดเพิ่มขึ้น แต่ผู้เขียนก็ยังคงเชื่อว่า พวกเราก็ยังสงสัยอยู่เหมือนเดิม ซึ่งประเด็นนี้ ถ้าเรามองว่าเป็นปัญหาก็คือปัญหา แต่ถ้าเรามองว่าไม่เป็นปัญหาก็ไม่เป็นปัญหา

ขงจื้อ ปรัชญาเมธีจีนโบราณ ก็เคยถูกถาม ซึ่งเขาก็ได้ตอบเบี่ยงเบนประเด็น แต่เป็นข้อคิดว่า เรื่องของมนุษย์โลกก็ยุ่งยากเกินแล้ว ไฉนต้องไปยุ่งกับเรื่องของเทวดาสวรรค์อีกเล่า… อะไรทำนองนี้

เมื่อ ว่าตามหลักศาสนาทั่วไป จะมีคำสอนเรื่องทำนองนี้ เพียงแต่รายละเอียดแตกต่างกันไป เช่น ชาติหน้า บางศาสนาอาจถือว่ามีเพียงครั้งเดียวเป็นครั้งสุดท้าย กล่าวคือ ถ้าไม่ตกนรกอยู่กับซาตานแล้วก็จะไปอยู่ในอาณาจักรพระเจ้ารวมเป็นหนึ่งเดียว กับพระเจ้า ส่วนพระพุทธศาสนามีคำสอนเรื่องเวียนว่ายตายเกิด ชาติหน้าจึงมีสืบต่อไปสูงๆ ต่ำๆ ตามแต่ผลกรรมจะพาไป เป็นต้น

ผี สางเทวดาก็เหมือนกัน แต่ละศาสนาก็ให้ความเห็นแตกต่างกันไป เช่น ความเชื่อจีนโบราณก็มีเง็กเซียนฮ่องเต้ปกครองสวรรค์และโลกมนุษย์ ทั้งมีสัตว์ร้ายที่บำเพ็ญบารมีจนมีอิทธิฤทธิ์กลายเป็นปีศาจ ขณะที่ศาสนาโซโลเอสเตอร์ของชาวเปอร์เชียโบราณก็มีเทพเจ้าสูงสุดสององค์ ได้แก่ เทพเจ้าแห่งความดี และเทพเจ้าแห่งความชั่ว มนุษย์โลกจะถูกเทพเจ้าทั้งสองนี้บ่งการณ์หรือครอบงำตามแต่โอกาส ส่วนพุทธศาสนาเชื่อว่าผีสางเทวดานั้น ดีบ้างชั่วบ้าง ขึ้นอยู่กับกรรมเหมือนกัน มิได้สูงหรือด้อยกว่ามนุษย์อะไรนัก และยกย่องว่าความเป็นมนุษย์มีคุณค่าสูงในการบำเพ็ญบารมีกว่าผีสางเทวดาทั้ง หลาย เป็นต้น

ส่วน เรื่องผลกรรมดีชั่วนั้น แต่ละศาสนาก็ต่างกัน โดยศาสนาฝ่ายเทววิทยาที่เชื่อเรื่องพระเจ้าสร้างโลกบอกว่าการทำดีก็คือการทำ ตามโองการของพระเจ้า ส่วนการทำชั่วก็คือการละเมิดโองการของพระเจ้า ส่วนพุทธศาสนาจัดเป็นฝ่ายอเทวนิยมซึ่งไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าสร้างโลกบอกว่า สุทธิ อสุทธิ ปจฺจตฺตํ นาญฺโญ อญฺญํ วิโสธเย ความบริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์เป็นของเฉพาะตน คนหนึ่งพึงให้อีกคนหนึ่งบริสุทธิ์นั้นหามิได้เลย นั่นคือ สอนให้เชื่อตัวเองกระทำสิ่งต่างๆ โดยตัวเองเป็นสำคัญ เป็นต้น

และ สุดท้าย มุมมองทางปรัชญาบอกว่า ความเชื่อความเห็นทำนองนี้ จะจริงหรือไม่จริงนั้น มิใช่เรื่องสำคัญ ความสำคัญขึ้นอยู่ที่ว่า หลักความเชื่อความเห็นนั้นๆ เพียงพอต่อแนวทางในการดำเนินชีวิตหรือไม่ ? และเป็นไปเพื่อความสุขสงบของปวงประชาหรือไม่ ? ถ้าว่าสนองตอบคำถามนี้ได้ดีก็ถือว่าระบบความเห็นความเชื่อนั้นๆ ก็ยังคงมีความสำคัญและคนก็ยังคงยึดถือต่อไป แต่เมื่อไหร่ที่ไม่อาจสนองตอบได้ ระบบความเชื่อความเห็นนั้นๆ ก็จะค่อยๆ เสื่อมคลายและสลายไปเองตามธรรมดา

แปลก แต่จริง แม้โลกจะเป็นมาถึงปัจจุบัน แต่เรื่องทำนองนี้ยังคงเหมือนเดิม หนังผีก็ยังคงมีการสร้างขึ้นมาเรื่อยๆ ทั่วโลก คนทำดีทำบุญลบล้างหรือผ่นอคลายบาปก็ยังคงมีอยู่ นั่นคือหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ความเชื่อความเห็นทำนองนี้ยังคงสนองตอบพวกเราได้อยู่แม้ปัจจุบัน