Apr 01

http://lanpanya.com/journal/files/2009/03/picture-1.jpg

หนึ่งดวงจะมี ๑๒ ราศี ซึ่งแต่ละราศีจะมีพระเคราะห์อยู่ครอบครองเป็นเจ้าราศี เรียกกันว่า ดาวเจ้าเรือนแห่งราศีนั้น ซึ่งดาวเจ้าเรือนแต่ละราศีนี้จะเรียกกันตามวิชาโหรว่า ดาวเกษตร เช่น ดาวศุกร์เป็นเจ้าเรือนในราศีตุลย์ จึงเรียกอีกนัยหนึ่งว่า ราศีตุลย์มีดาวศุกร์เป็นเกษตร เป็นต้น…

ส่วน ภพ คือสถานภาพของแต่ละเรือนหรือแต่ละราศีที่ส่งผลต่อลัคนานั้นๆ ท่านให้นับทวนเข็มนาฬิกาไปโดยเริ่มจากลัคนาว่า ตนุ ต่อจากนั้นก็เป็น กุฏุุมพะ สหัชชะ พันธุ ปุตตะ อริ ปัตนิ มรณะ ศุภะ กัมมะ ลาภะ และ วินาสะ… ต่อแต่นี้จะได้วิจารณ์ดวงลานปัญญาตามนัยภพเหล่านี้สืบต่อไป…

ตนุ หมายถึง ตัวเองผู้เป็นเจ้าชาดาหรือดวงนั้นๆ สำหรับดวงลานปัญญามี พระศุกร์ (๖) เป็นเกษตร ดังนั้น พระศุกร์จึงถือว่าเป็นตนุ ซึ่งในดวงกำเนิดของลานปัญญา พระศุกร์หรือตนุไปตกอยู่ที่ราศีเมถุน ซึ่งเป็นภพศุภะ และราศีเมถุนมีพระพุธ (๔) เป็นเกษตร… วิธีอ่านดวงจึงต้องนำมาผสมกันทำนองว่า ตนุ+ศุภะ และ พระศุกร์+พระพุธ (๖+๔) ถ้ามีพระเคราะห์อื่นๆ มาสัมพันธ์หรือโยงถึงที่นี้ก็ต้องนำมาผสมผสานกันอีกครั้งเพื่อจะอ่านให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น… พระศุกร์ซึ่งเป็นตนุแห่งลัคนาราศีตุลย์นี้ เรียกกันย่อๆ ว่า ตนุลัคน์ ซึ่งผู้เขียนได้เล่าไว้แล้วในตอนแรก ฉะนั้น ใครสนใจก็กลับไปอ่านตอนแรกได้…

ภพที่สองคือ กุฏุุุมพะ หมายถึง ทรัพย์ จัดเป็นความมั่นคงเบื้องต้นของดวงชาตา ดวงลานปัญญา มีราศีพิจิกเป็นกุฏุุมพะ ซึ่งมีพระอังคาร (๓) เป็นเกษตร นั่นคือพระอังคารเป็นกูกูมพะของลานดวงปัญญา ดังนั้นจึงต้องตามไปดูว่าพระอังคารสถิตอยู่ที่ไหนตอนดวงลานปัญญาให้กำเนิดมา… ตามดวงพระอังคารไปสถิตอยู่ที่ราศีสิงค์ซึ่งเป็นภพลาภะ เรียกกันตามวิชาโหรว่า กุฏุมพะตกลาภะ และราศีสิงห์มีพระอาทิตย์ (๑) เป็นดาวเกษตร นั่นคือ พระอังคาร + พระอาทิตย์ (๓+๑) นี้คือเบื้องต้นที่ต้องอ่านให้ได้…

ลาภะ หมายถึง สิ่งที่จะได้มา จัดเป็นความมั่นคงในอนาคต เมื่อกุฏุมพะตกลาภะ ก็อาจทำนายได้ว่า ลานปัญญามีความมั่นคงด้านทุนรอนในเบื้องต้นและจะส่งผลให้ได้สิ่งที่พึงปรารถนาอันเป็นความมั่นคงในอนาคตสืบต่อไป ถือว่าดี มิใข่เสีย นี้ประเด็นแรก… ต่อไปก็ต้องดูว่า พระอาทิตย์ไปสถิตอยุ่ที่ใด ก็พบว่าพระอาทิตย์ไปสถิตอยู่ที่เรือนศุภะ ก็อาจผสมกันได้ว่า กุฏุมพะ + ลาภะ + ศุภะ

ศุภะ แปลตามศัพท์ว่า งาม แต่วิชาโหรหมายถึง การสนับสนุนช่วยเหลือต่อลัคนา ซึ่งอาจหมายถึงญาติผู้ใหญ่ หัวหน้า หรือเจ้านาย ผู้ที่จะสนับสนุนหรือเป็นคุณต่อดวงชาตา… เมื่อกุฏุมพะ + ลาภะ + ศุภะ ก็อาจทำนายได้ว่า ลานปัญญาจะมีผู้สนับสนุนด้านทุนรอนอยู่เสมอ มีความมั่นคงด้านทุนรอน จะไม่เดือดร้อน จะไม่เป็นปัญหาในประเด็นนี้…

แต่ ภพลาภะ ที่พระอังคารซึ่งเป็นกุฏุมพะไปสถิตอยู่นั้น มิได้ไปสถิตแต่เพียงลำพัง ยังมีพระเสาร์ (๗) และพระเกตุ (๙) อยู่ร่วม ซึ่งวิชาโหรเรียกว่า กุม นั่นคือ พระอังคารกุมพระเสาร์และพระเกตุ ประเด็นนี้ก็ต้องทำนายให้ลึกลงไปอีก แต่จะพักประเด็นนี้ไว้ก่อน…

ภพที่สามคือ สหัชชะ แปลว่า เพื่อน หรือพวกพ้อง โดยในดวงลานปัญญานี้ ราศีธนูจัดเป็นภพสหัชชะ โดยมีพระพฤหัส (๕) เป็นเกษตร และสถิตอยู่ในเรือนของตนเองตามลำพัง… พอที่จะอ่านได้ว่า ดวงลานปัญญา มีความรู้เท่านั้นเป็นเพื่อนตามลำพัง เพราะพระพฤหัสหมายถึงความรู้

แต่ตรงกันข้ามกับราศีธนู คือ ราศีเมถุน มีกลุ่มดาวเล็งอยู่ได้แก่ พระอาทิตย์ พระพุธ และพระศุกร์ ซึ่งต้องนำมาผสมกับพระพฤหัสอีกชั้นหนึ่ง ดังนั้นเพื่อน พวกพ้อง หรือเครือข่ายของลานปัญญานั้น นอกจากความรู้แล้วก็มามีกลุ่มผู้มีอำนาจ (๑) ที่เข้ามาเป็นเครือข่าย กลุ่มนักคิดนักเขียน (๔) ก็อาจเข้ามาเป็นเครือข่าย และอาจมีกลุ่มสำรวยรักสวยรักงาม (๖) เข้ามาเป็นเครือข่ายอีกพวกหนึ่ง… อย่างไรก็ตาม ลึกๆ แล้วดวงลานปัญญาก็มีแต่เพียงความรู้อย่างเดียวเท่านั้นที่เป็นเพื่อนหรือเครือข่าย และค่อนข้างจะมั่นคง ไม่แปรผัน เพราะพระพฤหัสเป็นเกษตรนั่นเอง…

ผู้เขียนก็เล่าดวงปัญญามาเพียงสามตอน รู้สึกเบื่อแล้ว เพราะยิ่งเล่าก็ยิ่งยุ่ง ยิ่งยาว ยิ่งรู้สึกว่ายังบกพร่อง… ด้วยว่า มีประเด็นรายละเอียดอื่นๆ อีกที่มิได้นำมาประกอบคำทำนาย กล่าวคือ เรื่องธาตุ เรื่องดาวคู่มิตร คู่ศัตรู คู่ธาตุ คู่สมพล เรื่องดาวแลกเรือน เรื่องการโยคหน้า โยคหลัง และตรีโกณ เป็นต้น

  • ดังนั้น ผู้เขียนจะทิ้งเรื่องดวงปัญญาไว้แต่เพียงแค่นี้ เมื่อไหร่ก็ตาม รู้สึกสนุก ใคร่จะเขียนต่อ ก็จะเขียนต่อ แต่ไม่ขอสัญญาว่าจะเขียนเมื่อไหร่…