อยากจะจับก้นหนอน**

อ่าน: 2604

(หนอนขี้ประหลาด)

อ่านเรื่องของมดมาหลายครา แต่ก็ใช่ว่าจะจบนะครับ เรื่องของคุณมดยังมีประเด็นให้ลุ้นระทึกอีกมากมาย แต่เช้านี้มีเรื่องใหม่ๆสดๆร้อนๆเข้ามา เป็นเรื่องพิเศษน่าทึ่งมาก ระหว่างที่ผมนั่งๆนอนๆอาบแดดใต้ต้นยางนา มองไปมองมาอ้าว อะไรละนี่ก้อนเล็กๆกลมๆตกมากระจายเกลื่อน ลองเอามือบี้ดูเป็นคล้ายๆขี้หนอนที่กินใบไม้เข้าไป จึงเก็บมาพิเคราะห์ แค่เรื่องขี้หนอนมันไม่น่าสนใจตรงไหนหร๊อกนะเธอ

แต่ขี้หนอนที่พบวันนี้มันสุดแสนจะโอราฬ

มันเป็นงานศิลปะชัดๆ เป็นไปได้ไง

ไม่เชื่อก็ดูรูปเอาก็แล้วกัน

ขี้หนอนก้อนเล็กๆกลมๆมีลวดลายเป็นซี่เล็กๆตัดขวางคล้ายๆฟักข้าวโพด

สงสัยว่าต่อไปนี้จะมีเรื่องเล่าเรื่องขี้หนอนแล้วละครับ

ผมนะอยากจะจับก้นหนู เอ๊ย ! จับก้นหนอนมาปลิ้นดู

ลำไส้ถูกออกแบบมาพิเศษยังไง

เอาไว้ติดตามอีกทีตอนเย็นดีไหมครับ

•·         ตอนนี้เรามาคุยเรื่องบุญเรื่องคุณหรือเรื่องบุญของคุณกันสักหน่อย พูดถึงบุญบาปผมก็มีความเชื่อตามประสาของผม ไม่มองเป็นเรื่องผิดหรือถูกใช่หรือมิใช่ เพราะมีรายละเอียดที่ซับซ้อนจนยากจะหยั่งถึง การที่เราจะได้รู้จักใครสักคน คงไม่ใช่เรื่องจับฉลากเอากระมังครับ ถ้าวาสนาต้องกันมันก็ไม่ยากหรอก ธรรมะจัดสรรนั้นมีจริง บางคนมานั่งนึกย้อนทีหลังก็งงเหมือนกัน “เรารู้จักกันตอนไหนนะ” ญาติแต่ละคนของผมมีจุดประทับใจเฉพาะเรื่องเฉพาะตัว เช่น อยู่ๆก็ได้รับยานวดที่ผลิตจากเมล็ดลำไย อยู่ๆก็ได้รับยาดม หมอนสมุนไพร อยู่ๆก็ได้รับยาผงทาผิวหนังตำหรับฤๅษี สิ่งเหล่านี้นึกถึงเมื่อใดก็มีภาพฉายชัดในห้วงคำนึง ขออนุญาตยกตัวอย่าง เช่น ครูอึ่ง แห่งโรงเรียนมงคลวิทยา จังหวัดลำพูน ” จั ง ห วั ด ที่ ไ ป น อ น ห นึ่ ง คื น อ า ยุ ยื น ไ ป ห นึ่ ง ปี นั่ น แ ห ล ะ “ พอเห็นหน้าทีไรก็นึกถึงเรื่องที่ครูอึ่งเขียนเล่าประวัติตัวเอง ลงภาพด้วยนะ เป็นภาพเด็กหญิงตัวเล็กตัดผมม้าท่าทางส่อแววเฮี้ยวระดับหลุดโลกเชียวแหละ ถ้าอ่านเรื่องที่เล่าด้วยก็ยิ่งตีบทแตกกระเจิง ผมอ่านเรื่องนี้หลายรอบ อ่านทีไรก็มีสะเก็ดหล่นเพิ่มขึ้น ระยะหลังสนิทกันก็ยิ่งประทับใจในญาติผู้นี้ เกิดความเห็นใจอย่างบอกไม่ถูก คนที่จะเห็นใจกันระดับนี้ ต้องมีอะไรให้เห็น ไม่ใช่จู่ๆจะสถาปนาหรือปลุกเสกขึ้นมาได้ ผมจึงโชคดีมากที่ได้รู้จักครูอึ่ง ผู้ซึ่งอุทิศตนให้กับคนเยาวชนลำพูนให้กับชาวเฮและให้กับโลกการศึกษา ผมยังคิดว่าใครได้รู้จักครูอึ่งแล้วไม่เห็นความพิเศษในตัวคน แสดงว่าเครื่องรับของท่านชำรุดแล้ว

เช้านี้นั่งมองดูขี้หนอนคนเดียว

แ ต่ ถ้ า มี ค รู อึ่ ง ม า นั่ ง ข้ า ง ๆ เ ฝ้ า สั ง เ ก ต ด้ ว ย

ผมจะได้มุมมองเอ็กซเรย์จาก ส า ย ต า ค รู บ ว ก พ ย า บ า ล ที่ ล ะ เ อี ย ด ลึ ก ซึ้ ง

ทุกครั้งที่มีเรื่องเกี่ยวข้องกับการเฝ้าสังเกตสิ่งที่อยู่รอบตัว

ใ บ ห น้ า ค รู อึ่ ง ก็ จ ะ ผุ ด พ ร า ย ขึ้ น เ ส ม อ

เรื่องชีวิตครูอึ่งนั้นสนุกนัก

ต อ น เ ด็ ก ๆ เ ฮี้ ย ว จั ด  โตมาจึ ง ต้  อ ง ม า จั ด เ ฮี้ ย ว ให้กับเด็กๆในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียน

เด็กไหนๆก็เอาอยู่หมัด เพราะครูผ่านกลไกการเฮี้ยวมาหมดทุกกระบวนท่าแล้ว

ไ ม่ เ ชื่ อ ก็ ล อ ง ซื้ อ ห นั ง สื อ เ จ้ า เ ป็ น ไ ผ ไ ป อ่ า น ดู เ น้ อ

•·         อีกคนหนึ่งคืออุ้ยจันตา ขออนุญาตกล่าวถึงอุ้ยหน่อยนะ ผ.ศ.ดร.จันทรัตน์ เจริญสันติ แห่งคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อุ้ยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนสตรีวัฒโนทัยพายัพ ซึ่งเป็นโรงเรียนเดียวกันกับคนสวยของผม อุ้ยเกิดมาเพื่อที่จะเป็นครูบาอาจารย์โดยแท้ ไม่รู้จะอธิบายยังไง ถ้าผมอยากจะเห็นคนเป็นครูทั้งตัวและหัวใจก็จะคิดถึงอุ้ยนี่แหละ ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่ว่าจะแง่มุมไหนความเป็นครูฉานฉายอยู่ตลอด ที่สำคัญ  อุ้ ย นี่ น ะ ห น้ า ต า เ ห มื อ น กั บ แ ม่ ย า ย ผ ม เ ป๊ ะ เ ล ย  เรียกว่าเห็นอุ้ย ก็ เ ท่ า กั บ เ ห็ น แ ม่ ย า ย นั้นแหละ อิ อิ

•·         เจอกันครั้งแรก  อุ้ยเข้ามากอดจากข้างหลัง ยังอบอุ่นประทับใจไม่ตกหล่นไปไหนได้เลยนะอุ้ย มีคราวหนึ่งชาวเฮมาชุมนุมกันที่สวนป่า ก่อนจะขึ้นรถทยอยแยกย้ายกันกลับ ผ ม จั ด ม ห ก ร ร ม ก อ ด อุ้ ย  นั่นก็คือพวกเราล้อมวงหน้าอาคาร ๓๐กว่าคนได้ แล้วให้อุ้ยเดินกอดทักทายญาติแซ่เฮทุกคน พระอาจารย์แฮนดี้หัวไว วิ่งไปเปิดเพลง”กอด” ซึ่งเป็นเพลงประจำสถาบันเฮ งานนั้นอุ้ยถูกกอดอ่วมอรทัย พวกเราประทับใจในกันและกันมิรู้ลืม มันไต่ระดับจากมิตรภาพไปซึมซาบในใจ อุ้ยเป็นญาติผู้ใหญ่ที่พูดน้อยต่อยตรงกระโดงคาง ให้ความห่วงใยและความตั้งใจดีกับเราอยู่เสมอ อุ้ยเคยพาผมทัวร์หลายสิบวัดรอบๆเชียงใหม่ แต่ละวัดมีเหตุผลกำกับอย่างน่าทึ่ง ว่าทำไมจึงชวนให้มาที่วัดแห่งนี้

•·         อุ้ยเป็นมัคคุเทศก์ที่ดีที่สุดประจำก๊วน ขอมีเวลาแม้นิดเดียว อุ้ยจะเลี้ยวพวงมาลัยทันที เราจึงได้ชมสิ่งดีๆที่ไม่คาดฝันเสมอ ค รั้ ง ห ลั ง สุ ด ไ ป ช ม วั ด เ จ ดี ย์ ห ล ว ง คื น ที่ พ ร ะ จั น ท ร์ ก ร ะ จ่ า ง ฟ้ า  ไม่มีใครเลย บรรยากาศสงบลมเย็นๆพัดอยู่รอบตัว ทำให้ย้อนถึงตอนมาจีบแม่ยอดขมองอิ่มเมื่อครั้งกระโน้น ..น้าอึ่งอ๊อบถลาถือกล้องไปถ่ายรูปแบบก๋าๆตามสไตล์ขาโจ๋ ผ ม ก ลั บ นิ่ ง งั น ส่ ง ค ว า ม ร ะ ลึ ก ถึ ง ไ ป ยั ง ส ร ว ง ส ร ร ค์  เ ป็ น ค รั้ ง ห นึ่ ง ที่ คิ ด ถึ ง ค น รั ก จ น ท่ ว   ม ท้ น ใ จ  ไม่นึกว่าจะมีห้วงเวลาที่วิเศษอย่างคืนนั้น อุ้ยมักจะทำเรื่องให้เราต้องขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าสม่ำเสมอ 

•·         ผมมีหลานสาวเยอะ ที่พิษณุโลกมีหลานตัวกะเปี๊ยก๒คน ชื่อภวรัญชน์ (นีน่า) กับ พิชามยน์ (เอ็มมี)เรียนอยู่ชั้น ป.๖ กับ ป.๕ ทั้ง๒เป็นหลานของตาหวาน (ศุภราภรณ์ พุทธพจน์มงคล) ตาหวานเปิดร้านเสริมสุขภาพความงาม ผมก็เรียกชื่อไม่ถูก เอาเป็นว่าทำนองสวยดูดีก็แล้วกันนะ ส่วนคุณพ่อเปิดร้านอินเดียสโตร์ คุณแม่ตาหวานทำอาหารประจำชาติได้เด็ดขาดนัก คณะแซ่เฮเคยไปชิมฝีมือถึงก้นครัวหลายครั้ง คุณแม่ลงมือแสดงเอง ยกโรตี ยกอะไรๆมา เกลี้ยงในพริบตา ลุงเอก (พลเอก เอกชัย ศรีวิลาศ) ชม..ระดับฝีมือบวกความอร่อย ดูได้จากอัตราความเร็วของอาหารที่หายในพริบตา เสิร์ฟแทบไม่ทันลูกหลานชูชกเจี๊ยะ

•·         ปีนี้หลานสาว๒คนโตพอที่จะส่งไปเรียนที่อินเดีย  ตาหวานซึ่งเป็นอาเลี้ยง๒คนนี้มา เคยไปเผชิญความลำบากมาแล้ว ไม่อยากให้หลานต้องพลัดพรากจากพ่อแม่ไปเล่าเรียนอย่างนั้นอีก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะส่งหลานตัวจ้อยไปเรียนต่อที่ไหน เป้าหมายก็คืออยากได้โรงเรียนแนววิธีพุทธจริงๆ ถ้าได้โรงเรียนประจำก็ยิ่งดี เธอกับน้องเที่ยวตระเวนไปดูโรงเรียนหลายแห่งแต่ก็ยังไม่ปลงใจ หลานๆก็ไม่อยากไปอินเดีย ให้ทำอะไรก็ยอม สุดท้ายเธอตัดสินใจเลือกโรงเรียนสัตยาไส ที่อาจารย์ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ก่อตั้ง

•·         ตาหวานโทรฯมาหา ด้วยน้ำเสียงของคนที่แบกโลกไว้ เธอเล่าเรื่องหาโรงเรียนให้นีน่ากับเอ็มมี่จนท้อใจ เล่าว่าได้แอบเข้าไปเลียบเคียงที่โรงเรียนนี้แล้วชอบมาก นักเรียนรับประทานมังสะวิรัต เด็กทุกคนเป็นนักเรียนประจำ แนวทางการสั่งสอนอบรมก็ยอดเยี่ยม ฝึกปฏิบัติครบเครื่องเรื่องคุณธรรมประจำใจ แต่เมื่อทราบระเบียบการของโรงเรียนแล้ว เ ธ อ แ ท บ ห ม ด กำ ลั ง ใ จ  ไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แม้เท่ารูเข็ม ในเมื่อโรงเรียนแห่งนี้จะรับเด็กเฉพาะที่เข้าเรียนตั้งแต่แรกเริ่ม จะไม่รับระหว่างทาง ซึ่งก็มีเหตุผลอย่างยิ่งเกี่ยวกับการปรับตัวที่ไม่ง่ายเลย อนึ่ง มีผู้ปกครองจำนวนมากมองหาโรงเรียนที่อบรมด้านคุณธรรมและจริยธรรม ถ้าเปิดรับระหว่างทาง โรงเรียนแบกปัญหาสารพัดไม่ไหวแน่ จึงมีกฎเหล็กดังกล่าวไว้

•·         เมื่อผมทราบกองทุกข์ของตาหวาน ผมก็นอนก่ายหน้าผากสิครับ โดยปกติผมจะไม่ยอมเตะต้องระเบียบต่างๆที่วางไว้ดีอยู่แล้ว แต่ก็แปลก คนนอกมักจะเข้าใจผิดว่าผมเป็นคนมีเส้น น่าจะใช้เส้นครูบาทำโน่นทำนี่ได้ ที่จึงไม่ได้มีน้ำยาอะไรหรอก ถ้าเป็นเรื่องจำเป็นของเครือญาติไม่กระทบกับกติกาของคนอื่นก็ยินดี แต่เรื่องที่จะไปเตะต้องความปกติสุขของโรงเรียนสัตยาไสนี่นึกไม่ออกจริงๆ ถ้าเลือกเป็นโรงเรียนอื่นน่าจะสบายใจกว่านี้ แต่นี่..ตาหวานปักหมุดให้แล้ว เป็นโจทย์ที่ยากกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา เดินหน้าก็ไม่ได้ จะถอยหลังก็ไม่ได้ คิดถึงเรื่องนี้ทีไรแอบถอนใจทุกที ปลอบใจตัวเองว่าทุกเรื่องต้องมีทางออก ท า ง อ อ ก อ ยู่ ที่ ไ ห น ล ะ  ป้ า ย ก็ ไ ม่ มี บ อ ก   ล า ย แ ท ง ก็ ไ ม่ มี ใ ห้ อ่ า น   มืดแปดด้านอยู่เป็นเดือน เพราะภารกิจไม่เขยื้อนเลย

จนกระทั้งวันหนึ่ง

ผมนึกถึงเรื่องราวเมื่อคราวบล็อกโกทูโนมีปัญหา

พวกเราคนแซ่เฮคุยกันว่าเราจะลงขันระดมทุนช่วยเหลือบล็อกให้คงอยู่ต่อไป

ผมจึงป่าวประกาศเรื่องนี้ลงบล็อก

พวกเราทุกคนต่างกุลีกุจอเสนอตัวที่จะให้หักเงินเดือน ส่งเงินออม

บางคนอาสาผลิตของที่ระลึกหรือหาทางหาทุนมาสมทบจ้าละหวั่น

นีน่ากับเอ็มมี่ทุบกระปุกออมสินเอาเงินเหรียญมานับเป็นกองๆส่งมาให้เรา

ตาหวานถ่ายภาพลงบล็อก พี่ป้าน้าอากระตู้วู้กับจิตกุศลของหลาน๒คนนี้มาก

•·         ผมนะปลื้มจนแทบลืมกินข้าว รักเจ้าหลานตัวจ้อยจนสุดหัวใจ นีน่าพี่คนโต ตาหวานเคยเอามาเที่ยวเมื่อคราวจัดงานเฮที่ภูเก็ต และเคยมาที่สวนป่าด้วย  นีน่า ร่าเริง เป็นเด็กที่กล้าแสดงออก ร้องเพลงเก่ง จับไมค์เมื่อไหร่เหมือนมือติดตังเม ทั้งร้องทั้งเต้นด้วยนะ ร่าเริงแจ่มใสเรียกเสียงหัวเราะพี่ป้าน้าอาฮาตึง วันเข้าไปสอบสัมภาษณ์ที่สัตยาไสเป็นภาษาอังกฤษ ตาหวานเล่าว่า นีน่าดำน้ำตอบภาษาอังกฤษอย่างมั่นใจ ให้รู้เสียมั่ง ว่าเป็นหลานไผ  อิ อิ

การที่เด็ก๒คนฝ่าด่านเหล็กเข้าไปเรียนในสัตยาไสได้

เป็นเพราะเธอช่วยเหลือตัวเอง

ทั้ ง บุ ญ กุ ศ ล ที่ เ ธ อ ทำ ม า    แ ล ะ ค ว า ม ส า ม า ร ถ พิ เ ศ ษ ใ น ตั ว

ทำให้วันนี้นีน่ากับเอ็มมี่ได้เข้าเป็นน้องใหม่ของโรงเรียนสัตยาไสเรียบร้อยแล้ว

เฮ้อ เรื่องนี้มีเบื้องหลังลุ้นระทึกจนไม่อาจจะเขียนเล่าสั้นๆได้

ถ้าต้องการอ่านจนจบถ้อยกระทงความ

ก็รออ่านในหนังสือ บุรีรัมย์ โมเดล ดีไหมครับ

อิ อิ

 


ทฤษฎีหญ้าเจ้าชู้

อ่าน: 3904

·

พู(รังแรกเจอภัยพิบัติน้ำฝนถล่มเมื่อคืนสามารถซ่อมแซมได้รวดเร็ว)

ดถึงหญ้าเจ้าชู้พวกเราจะรู้จักไหมนะ ในเมื่อสมัยนี้มีหญ้าพันธุ์ใหม่ๆระบาดไปทั่ว หญ้าพื้นเมืองพื้นถิ่นกลายเป็นหญ้านอกสายตา ใครๆเห็นแล้วรำคราญ มองไม่ระรื่นตาเหมือนหญ้าญี่ปุ่น หรือหญ้านวลน้อยหญ้ามาเลฯที่ปลูกประดับสนามหน้าบ้าน อาการหมั่นไส้หญ้าเกิดขึ้นกับเกษตรกรรุ่นใหม่ เจอเป็นไม่ได้วิ่งโร่ไปหายาฆ่ามาฉีดๆๆให้สูญพันธุ์ ทำไมเป็นยังงั้นก็ไม่รู้นะครับ ชาวไร่ชาวนาสมัยก่อนไม่เห็นมีใครอาฆาตมาดร้ายหญ้าเท่าคนสมัยนี้ หญ้าชนิดไหนก็ใช้เลี้ยงวัวควายได้ รึหันมาใช้ควายเหล็กให้กินน้ำมันแทนหญ้า หญ้าก็เลยหมดความหมายหนักเข้าไปอีก เกิดเป็นหญ้านี่น่าน้อยใจ ใครๆก็จ้องทำลาย

สมัยหนึ่งมีเรื่องฮากันที่สุรินทร์

หัวหน้าพิธีกรรมจัดงานเกี่ยวกับประเพณีของจีน

ได้กล่าวต้อนรับผู้ว่าราชการจังหวัดสมัยโน้น

“ผู้ ว่ า เ ป รี ย บ เ ห มื อ น ส้ น ตี น น น น น”

“พ ว ก ผ ม เ ป รี ย บ เ ห มื อ น ย อ ด ห ญ้ า”

“ถ้ า ส้ น ตี น เ ห ยี ย บ ห ญ้ า ห ญ้ า ก็ แ บ น แ ต๊ ด แ ต๋”

· ถ้าท่านเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดไปเป็นประธานเปิดงานนี้ ท่านจะกล่าวตอบยังไงดีละครับ ถ้าเริ่มต้นตรงที่ซ่นตีนรับทราบข้อนี้ดี คงจะมันส์พิลึก สิ่งที่กล่าวรายงานไม่ได้เกิดอคติใดๆ อุตส่าห์กลั้นกรองออกมาจากจิตใจบริสุทธิ์ เพราะกรรมการพ่อค้าท่านนี้เป็นคนดีมาก คนรักทั่วเมือง แต่พูดอะไรก็จะพูดตรงๆเช่นนี้ ไม่ได้มีความหมายไปในทางที่แอบแฝงใดๆ

· คราวนี้มาถึงบทบาทหญ้าเจ้าชู้บ้าง โดยทั่วไปหญ้าชนิดนี้ชอบเกิดในพื้นที่โล่งกว้าง เช่นพื้นที่สนามฟุตบอลตามโรงเรียนในชนบท พบเห็นสองข้างทางทั่วไป ตามคันนาหัวไร่ปลายนาก็เจอประจำ เป็นหญ้าที่มีเถาว์เลื้อยไปตามพื้นดิน ขยายพันธุ์โดยชูก้านดอกแข็งๆสูงประมาณ๑ฟุต มีเมล็ดที่ห่อหุ้มด้วยเปลือกแข็งรูปกระสวยเล็กๆ ไม่ว่าสัตว์หรือคนเดินฝ่าไปใกล้ เจ้าเมล็ดหญ้าปลายแหลมก็จะทิ่มเข้าตามผิวหนัง คนไหนเดินผ่านก็จะปักเต็มขากางแกง ไม่ได้ปักนิดๆหน่อยนะเธอ ปักแน่นพรึดเต็มทุกตารางนิ้ว

แปลกแท้ๆ

ปักได้ปักดียังกะมีเครื่องอัตโนมัติรุ่นนาโนทำหน้าที่นี้

ใ ค ร โ ด น ต้ อ ง ม า นั่ ง แ ก ะ ที ล ะ ด อ ก ๆ กว่าจะหมดก็นานโข

มันปักได้ซาบซึ้งตรึงทรวงจริงๆ

เ ค ย เ ห็ น เ ด็ ก บ า ง ค น ถึ ง กั บ เ อ า มี ด เ ห ล า ดิ น ส อ ค่ อ ย ๆ ขู ด อ อ ก จ า ก ก ร ะ โ ป ร ง

· หญ้าเจ้าชู้นับว่ามีอัตลักษณ์ในการขยายพันธุ์เป็นพิเศษ ยากที่จะเห็นในหญ้าชนิดอื่น ทำให้ผมนั่งนึกตรึกตรองว่า ถ้าคนเราใส่ใจเรียนรู้เหมือนหญ้าเจ้าชู้ก็จะดี เห็นความรู้ใหม่ๆดีๆแปลกๆก็เข้าไปก๊อปปี้ หรือคอมเมนท์ไว้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ มนุษย์ยุคนี้มีเครื่องมือดูดซับความรู้สะดวกและรวดเร็ว ถ้าลองใช้ทฤษฎีที่ผมกล่าวถึงนี้ น่าจะดีไหมครับ

การเป็นผู้เรียนทำให้ชีวิตมีความหมายและมีศักดิ์ศรี

· ไม่ต้องไปงมโข่งกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

· ไม่ต้องไปนั่งบ่นเป็นหมีกินผึ้ง

· ไม่ต้องไปเซ็งกระจาย๓เวลาหลังอาหาร

· ไม่ต้องอยู่กับเรื่องเก่าๆซ้ำซาก

· สามารถยืนอยู่บนลำแข้งตัวเองได้อย่างทรนง

คุณสมบัติของผู้เรียน ก็คือผู้ที่เปิดใจ

อยากรู้ อยากเห็น อยากทดลอง อยากค้นคว้า

อยากเจาะลึก บางคนถึงกับกัดไม่ปล่อย

(รังที่๒ เจอน้ำท่วมมิด แต่ยังอุตส่าห์สู้ซ่อมแซม)

· ถ้าเด็กไทย คนไทยมีนิสัยเยี่ยงนี้ คุณภาพของการจัดการความรู้ของคนไทยไปโลดแน่ เท่าที่เห็นๆ ส่วนมากมักจะประมาทกับการเรียนรู้ อยากจะเรียนง่ายๆ ทำวิทยานิพนธ์ง่ายๆ จบง่ายๆ โธ่ แม่คุณ ถ้ามันทำง่ายแล้วได้ประสิทธิผลดีคงไม่มีใครมาบ้าทำให้มันยุ่งยากหรอก ในบางเรื่องบางกรณี ม นุ ษ ย์ ยั ง ไ ม่ พ บ วิ ธี สั น ด า ป ค ว า ม รู้ ไ ด้ เ ร็ ว ก ว่ า นี้ บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับสติปัญญามีข้อจำกัด เรื่องนิสัยการเรียนรู้ต้องอาศัยการฝึกฝนเป็นลำดับ ถ้าตั้งต้นตั้งใจดี เราก็เขยิบเข้าไปหาตัวความรู้ได้ตามขั้นตอน แต่ถ้าคิดเบี่ยงแบนจากความเป็นจริงมันก็ยากละครับ

สู้สิ่งยากตรงๆจะไม่ดีกว่าหรือ

ในเมื่อทุ่มเทจะศึกษาแบบเจาะลึกก็เจาะให้มันหมดก๊อกไปเลย

จะขยักขยุกขยิกทำไมเล่า

หรือพอใจกับที่ตัวเองไม่มีความรู้ความสามารถจริง

แต่ก็สามารถฝ่าไปรับ กระดาษเปื้อนหมึก ม า อ ว ด ใ ค ร ๆ ไ ด้

ถ้าแบบนี้ไม่เข้าเกณฑ์ทฤษฏีหญ้าเจ้าชู้หรอกนะเธอ

สงสัยว่าจะเป็น ห ญ้ า ตี น ตุ๊ ก แ ก

ยามได้ยินเสียง กั๊ บ แ ก กั๊ บ แ ก ก็สะดุ้ง

กลัวจะโดนล้วงตับ หรือลองวิชา

เอาเป็นว่า เ รี ย น เ ล่ น ๆ ก็ ไ ด้ แ ต่ ข อ ใ ห้ รู้ จ ริ ง ๆ ก็ แ ล้ ว กั น

รู้ไม่จริง อนาคตจ่ายค่าโง่บานตะไทเลยละเธอเอ๋ย

ค ว ร ดำ เ นิ น ต า ม ค ร ร ล อ ง -รู้จัก –รู้จริง –รู้แจ้งก็พอ

ก า ร เ ป็ น ห ม า ห ล ง อ ยู่ บ น ท า ง ด่ ว น จะสนุกตรงไหนละเธอ

อาการมันหนักกว่า ห ม า ห อ บ แ ด ด ส มั ย ก่ อ น เ สี ย อี ก

ถ้าอยากจะฟังเรื่องนี้เต็มๆ

วันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ภาคบ่าย

มีรายการสัมมนาแพทย์พยาบาลทั่วประเทศ

เ ร า ม า เ จ อ กั น ที่ เ มื อ ง ท อ ง ธ า นี ดี ไ ห ม ?

อย่าเผลอไปนัดกิ๊กเที่ยวละ

เอาถ่านหุงข้าวขีดกาวันที่ติดฝาบ้านไว้เลย

เ ดี๋ ย ว จ ะ ห า ห ล่ อ ไ ม่ เ ตื อ น

คริ คริ


กองทัพมด***

อ่าน: 1789

(คณะวิจัยทำการวัดอัตราการเติบโตของต้นไม้)

วันนี้อาบน้ำซักผ้าเองได้แล้ว ที่ผ่านมามือโดนงูรัดทำอะไรไม่ถนัด ทำได้ดีอย่างเดียว คือนอนครวญคราง วันนี้ค่อยยังชั่วจึงเก็บเสื้อผ้าที่สุมไว้มาชำระ แล้วเก็บผักมาทำซุป สายหน่อยเดินไปดูคนงานปลูกหญ้าปลูกผัก ทำทุกวันก็ยังไม่ทันการ มีงานปลูกมันเลือดจ่ออยู่ ถ้าปลูกทันฤดูกาลมันก็ดีนะเธอ เราไม่ต้องรดน้ำต้นพืชก็ได้รับน้ำฝนเย็นๆหยั่งรากตั้งตัวได้เร็ว

ใกล้จะเที่ยง คุณวิฑูรย์ เหลืองวิริยะแสง กับคณะผู้เชี่ยวชาญจากสำนักวิจัยกรมป่าไม้ มาติดตามวัดความก้าวหน้าของกลุ่มไม้อาคาเซียที่มาปลูกเพื่อการวิจัยร่วมกับมหาชีวาลัยอีสาน ง า น ติ ด ต า ม ค ว า ม เ จ ริ ญ ข อ ง ผ ล ก า ร วิ จั ย ต้ อ ง ทำ ต่ อ เ นื่ อ ง อ ย่ า ง น้ อ ย ๔ ปี ๆ ล ะ ๒ – ๓ ค รั้ ง และต้องทำอย่างเคร่งครัดด้วยนะ ไม้กลุ่มนี้ผมได้ส่งให้เครือข่ายไปปลูกทดลองด้วย เพื่อกระจายข้อมูลและให้ประเมินสภาพที่แตกต่างกันได้ มาวัดผลคราวนี้ คุณวิฑูรย์ร้อง โอ้โห ต้ น ไ ม้ เ ร่ ง ส ปี ด ส์ ขึ้ น เ ย อ ะ แนะนำให้ตัดแต่งกิ่งข้างล่างไปเลี้ยงวัวและแพะแกะได้แล้ว

เรื่องสำคัญที่เราคุยกันรอบนี้ก็คือ

“งานวิจัยไม้พยุงในประเทศไทย” และ“โรคระบาดของยูคาลิปตัสในประเทศไทย”

(อาการของโรคแตนเบียนทำลายไม้ยูคาลิปตัส)

· เรื่องโรคยูคาฯระบาดทั่วโลกเป็นข่าววงในที่รู้เฉพาะกันในวงการป่าไม้ ประเทศต่างๆไล่มาตั้งแต่อินเดีย พม่า ลาว ไทย ไปจนถึงจีน โดนกันทั่วหน้า แม้แต่ซีกโลกอื่นก็ไม่เว้น ประเทศในย่านนี้โดนแตนตัวเบียนชนิดหนึ่งระบาดเข้ามาวางไข่ ทำให้ต้นยูคาที่ยังเล็กหรือหน่อที่เกิดขึ้นใหม่ยอดและใบหยิกงอ เจ้าแตนเบียนที่ว่านี้จะเข้ามาเจาะวางไข่ตามก้านท่อน้ำเลี้ยงใบ ทำให้การปรุงอาหารพิกลพิการ ทำให้ผลผลิตลดลงอย่างมาก

· ครั้งที่ไปประชุมที่กรมป่าไม้เมื่อคราวที่แล้ว คณะวิจัยก็เร่งหาข้อมูลกันจ้าละหวั่น เพราะแตนเบียนที่ว่านี้บุกเข้ามาครอบงำผืนป่าในไทยแทบทั้งหมดแล้ว วันนี้เราจึงเดินพิจารณากัน พบว่าไม้ยูคาลิปตัสที่สวนป่าบางต้นก็โดนเข้าแล้ว โดยเฉพาะต้นเล็กๆ บางพันธุ์ก็ยังไม่เป็นไร การปลูกไม้หลายสายพันธุ์ดีตรงนี้เอง ผมจึงมีการบ้านติดตามต่อว่าพันธุ์ไหนหัวแข็ง พันธุ์ไหนหัวอ่อนต้านแมลงไม่ไหว

คุณวิฑูรย์ ขอตัดกิ่งอาคาเซียพันธุ์ดีของเราไปเพาะเนื้อเยื้อ

ที่สวนป่านี่นะไม่ได้ขี้ไก่นักหรอกเธอ

มี ง า น วิ จั ย ดี ๆ ซ่ อ น อ ยู่ เ ย อ ะ

เ รื่ อ ง อ า ค า เ ซี ย ทำ วิ จั ย กั บ ที ม ก ร ม ป่ า ไ ม้ แ ล ะ ข อ ง อ อ ต เ ต ร เ ลี ย

พบว่า พั น ธุ์ ไ ม้ บ า ง ตั ว ที่ ผ ม มี เ ป็ น พั น ธุ์ ดี ที่ สุ ด ใ น โ ล ก

เอาละสิ ดียังไง แหมงานนี้ยาว

ถ้าอยากฟังก็ต้องตามไปงานสัมมนาเรื่อง “วนวัฒนวิทยาฝ่าสิ่งแวดล้อมของประเทศ”

วันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๕ ณ ห้องประชุมชั้น๗ อาคารวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

เวลา ๑๔.๔๕-๑๖.๓๐ น.

ผู้ดำเนินรายการ คุณกิตติ สิงห์หาปัด

คณะอภิปรายประกอบด้วย

. ดร นิพนธ์ ตั้งธรรม มก.

ดร. ส่งเกียรติ ทานสัมฤทธิ์ แห่ง ปตท.

ครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ แห่งFBสวนป่า

อธิบดี กรมป่าไม้

· ท่านใดสนใจเรื่องป่าๆก็เชิญนะครับ เป็นการจัดงานวิจัยประจำปีของคณะวนวัฒวิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน มีการแสดงผลงานวิจัย ส่งงานวิจัยของสำนักต่างๆมากมาย ปีนี้ คปร. ร่วมจัดครบรอบ๖๐ปีด้วย จึงอลังการน่าสนใจนัก ไ ม่ อ ย่ า ง นั้ น ค น ป่ า ไ ม่ ย่ อ ง อ อ ก ไ ป จ า ก ป่ า ห ร อ ก น ะ เ ธ อ อิ อิ

· ตอนบ่ายชวนคุณชายไปเที่ยวจังหวัด เพื่อสำรวจอุปกรณ์ที่จะเอามาสร้างบ้านสาวโสดและร้านค้า รวมทั้งบ้านอุโมงค์ด้วย ผมได้เลื่อยสตีลตัดไม้ตัวใหม่มาแทนตัวเก่า ที่ส่งไปซ่อมที่บริษัทใหญ่บางกอก รายการซ่อมออกมาเป็นหางว่าว ล่อไป ๖-๗ พันบาท แบบนี้ซื้อใหม่ดีกว่า ควักกระเป๋าดังแคว๊ก ของใหม่ราคา ๑๐,๕๐๐ บาท

แหม เ กื อ บ ก ร ะ เ ป๋ า แ บ น แ ฟ น ทิ้ ง แ ล้ ว ไ ห ม ละ

คราวนี้ละ จะได้มีเครื่องมือมาแต่งต้นไม้ให้ทรงพุ่มสวยงามยังไงก็ได้

พูดถึงงานแต่งสวนแล้วคิดถึงพี่ปกรณ์ คนใกล้ตัวพี่แต๋ว ของเรานั้นแหละ

ฝีมือแต่งสวนร้ายกาจนัก แถมยังขยันจนปลวกเรียกเฮีย

· โฮมโปรที่บุรีรัมย์ก็มาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศนั้นแหละ สินค้าแต่งบ้านมีให้เลือกจนน้ำลายหก ผมไปดูมุมแสดงผ้าม่านต่างๆ ชอบใจทั้งนั้น ก ะ ว่ า บ้ า น ส า ว โ ส ด จ ะ ใ ช้ ม่ า น แ ท น ผ นั ง อยากจะรับแดดรับลมเย็นก็ชักม่าน อยากหลบสายตาหนุ่มชีกอก็ปิดม่าน คงจะถูกใจไอ่แห้วไม่น้อย บางคนไม่ชอบไม่เปิดโล่งต้องการความมิดชิด ก็จะตีฝาติดประตูหน้าต่างแล้วล้อมลวดไฟฟ้าให้ ออกจากผ้าม่าน ไปดูประตูหน้าต่างบานเลื่อนกระจกสำหรับติดตั้งร้านค้า แวะไปมุมโชว์กระเบื้องปูพื้น ที่จะเอามาปูบ้านอุโมงค์ ไ ป เ จ อ ก ร ะ เ บื้ อ ง หิ น อ่ อ น ข น า ด ต า ร า ง เ ม ต ร สวยจนอดใจไม่ไหว คุณชายกระเป๋าฉีกอีกรอบ แ ถ ม ยั ง ก ร ะ ซิ บ ว่ า อ ย า ก จ ะ ไ ด้ อ ะ ไ ร ก็หยิบเล๊ย บอกแล้วก็หันไปกดรวมตัวเลข แล้วหันมาบอกว่าตัวเลขรายจ่ายยังน้อยไป อ้าวเป็นงั้นไป แวะไปซื้อหม้อหุงข้าวไฟฟ้าเล็กๆมาคนละใบ ตัวเลขยังไม่พออีก อ้าวนี้ไง เ ก้ า อี้ บุ น ว ม พั บ ไ ด้ ลองนั่งๆนอนๆดูแล้วชอบมาก เอาไปตั้งใต้ร่มไม้นอนอ่านหนังสือ สุขบรรเจิดเลยเชียวละ หมดแฮง ชวนคุณชายเอ้า MK. อิ่มแล้วก็เข้าป่าสิครับ

เ รื่ อ ง ข อ ง เ รื่ อ ง ที่ คุ ณ ช า ย ใ ห้ ซื้ อ ข อ ง ไ ม่ อั้ น

คุณชายจะเอาไปแลกบัตรสมาชิกฟรี

โธ่ โธ่ และโธ่

รู้อย่างนี้ สั่งไปแล้ว ทั้ ง ร้ า น เ ท่ า ไ ห ร่ ? อิ อิ

· มาถึงสวนป่าสักครู่เมฆลอยต่ำ ทำท่าจะโปรยละออง รีบเก็บเสื้อผ้าเข้าร่ม ไม่นานฝนก็เทลงมาจั๊กๆ ไม่มีลม ฝ น ต ก อ ย่ า ง มี ม า ร ย า ท ม า ก แมลงเม่าเริ่มบินมาทักทาย มากขึ้นมากขึ้น จั๊ ก ก ะ จั่ น ก็ ม า กั บ เ ข า ด้ ว ย จึงจับไว้ให้บ้านโน้นดู ว่ า เจ้ า หั ว โ ต ปี ก ใ ส ๆ นี่ แ ห ล ะ ที่ ก รี ด เ สี ย ง ร ะ ง ม ป่ า เห็นท่าไม่ดีจึงปิดไฟไล่แมลง นอนรอแมลงเม่าหนี รอไปรอมาก็หลับผล็อย ใครโทรมาก็บ่ได้ยิน ขอโทษด้วย ไม่ได้เมินหรือเล่นองค์อะไรหรอก หลับลึกไปจนถึง๒ทุ่ม

(กองทัพมดทำงานทั้งคืน)

· ตื่นขึ้นมารีบไปดูบ้านเรือนเคียงกัน แอบมองทุกวันเลยเชียว ก็รังมดดำนั่นแหละ ติดตามตั้งแต่เขาก่อรังด้วยดินก้อนเล็กๆที่คาบขึ้นมาจากใต้ดิน เป็นเรื่องที่น่าศึกษามาก มดจะทำงานทั้งวันทั้งคืน เ จ้ า ตั ว เ ล็ ก ๆ จ ะ ค า บ ดิ น ว่ า ว า ง ต า ม จุ ด เ ป๊ ะ ๆ ตรงจุดโน่นนี่รอบๆเป็นวงกลม ค่อยๆสูงขึ้นๆ สังเกตดูมีโฟร์แมนตัวใหญ่คอยสังเกตการณ์ ผมละทึ่งนักมดมีระบบบริหารงานกันอย่างไรจึงมีประสิทธิภาพสูงยิ่งนัก ทั้ ง ๆ ที่ ม ด ไ ม่ ไ ด้ มี ม า ต ร ฐ า น K P I . บ้ า ๆ บ อ ๆ เ ห มื อ น ข้ า ร า ช ก า ร เธอก็รู้ตอนนี้ฝนตกทุกวัน บ้านดินก้อนเล็กๆบอบบางจะต้านน้ำยังไงไหว เมื่อวานเจอฝนก็ฟุบแบนไปทีหนึ่ง ไปดูคราใดมดงานก็ขนดินขึ้นมาตั้งฐานจากของเดิมขึ้นมาใหม่ รึ ก า ร ที่ โ ด น ฝ น ต ก เ ป็ น ก า ร บ ด อั ด ดิ น ใ ห้ รั ง ม ด

ถ้าเป็นคนเราเจอพายุพัดบ้านพังเดือนละ๓-๔ครั้ง

คงยกธงขาว วิ่งโร่ไปขอเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยกันแล้ว

แ ต่ นี่ ม ด ผู้ ท ร ะ น ง

ผมตื่นเอาไฟฉายไปส่อง

ก็เห็นมดยังขนดินอย่างขยันขันแข็ง

· ไม่มีตัวไหนบ่นว่าเหนื่อย

· ไม่มีตัวไหนอู้งาน

· ไม่มีตัวไหนท้อถอย

· ไม่มีตัวแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายให้ขายขี้หน้าชาติพันธุ์มด

ทุกตัวรวมพลังอย่างหัวเด็ด

นี่ ยั ง ไ ง ล ะ ที่ ม า ข อ ง คำ ว่ า ก อ ง ทั พ ม ด

ใครๆอยากเห็นคนไทยรวมพลังกันอย่างนี้บ้าง

แ ต่ ที่ มี ที่ เ ป็ น เ ห็ น แ ต่ ก อ ง ทั พ ห ม า

แ ย ก เ ขี้ ย ว แ ย่ ง อ า ห า ร ทั้ ง ๆ ที่ อ ยู่ บ้ า น เ ดี ย ว กั น

เ ร า จ ะ บำ บั ด โ ร ค ห ม า ขี้ เ รื้ อ น ยั ง ไ ง ดี ล ะ ค รั บ !

ฮึฮือ ฮึฮือ


งกไปก็เท่านั้น

อ่าน: 3138

ไม่มีมนุษย์ตนใด สามารถเอาทรัพย์สมบัติของโลกนี้ไปได้แม้แต่เท่าเม็ดทราย เรื่องนี้ผ่านการพิสูจน์มาหลายยุคสมัยและหลายอารยะธรรม มนุษย์พยายามสร้างสิ่งที่คิดว่ามั่นคงถาวรเท่าที่จะคิดทำได้ ดูง่ายๆจากปิรามิดฝังพระศพของกษัตริย์อียิป หรือสุสานหลวงในประเทศจีน อุตส่าห์ปั้นหุ่นสรรพกำลังทั้งกองทัพลงไปด้วย สร้างกำแพงเมืองจีนยาวหลายแสนลี้ ล้วนแล้วแต่พยายามยุ่งกับทรัพย์ยุ่งกับกิเลศ แต่สุดท้ายมันก็ไอ้แค่นั้นแหละต๋อย เสียดายเวลาเสียดายแรงความคิดที่ทุ่มทำเรื่องโง่ๆ ถ้าเอาพลังเหล่านั้นพลิกกลับมาสร้างโลกให้น่าอยู่ มีความคิดที่จะให้ที่จะตอบแทนที่จะสำนึกบุญคุณ เธอคิดดูเถิดโลกนี้จะเป็นสวรรค์บนดินสักเพียงไหน เท่าที่ย้อนหลังไปดูตั้งแต่เกิดมีมนุษย์ขึ้นมา พวกกะโหลกหนาเหล่านี้มีแต่พากันเปลี่ยนแปลงโลกทำลายโลก แล้วเรียกสิ่งนั้นว่าพัฒนาและเจริญ บ า ง ก ลุ่ ม ยั ง ท ะ ลึ่ ง ใ ช้ คำ ว่ า โ ช ติ ช่ ว ง ชั ช ว า ล ด้ ว ย น ะ

ขณะนี้โลกกำลังเน่าเหม็นบูดมากขึ้น เธอก็รู้สึกได้นี่

ทุกคนต่างก็มีประเทศ มีญาติ มีลูกหลาน

แ ต่ ไ ม่ มี ใ ค ร เ ล ย ที่ จ ะ นั บ ญ า ติ กั บ โ ล ก ใ บ นี้

พวกลูกอีช่างโกย ก อ บ โ ก ย เ อ า ท รั พ ย์ ข อ ง โ ล ก ม า ไ ว้ กั บ ตั ว

เพื่อเป็นเหยื่อให้คนอยู่ข้างหลังสืบสันดานโกยต่อไป

ผมไม่เข้าใจว่าพวกนี้ ไ ป เ รี ย น วิ ช า ม อ ม เ ม า วิ ธี คิ ด จ า ก สำ นั ก ไ ห น

บางคนเข้าวัดเข้าวาท่องปาฎิโมกข์ได้คล่องปรือ

แต่ มันก็แค่นั้นแหละต๋อย

มีตำรับตำรา ครูบาอาจารย์ พระสงฆ์องค์เจ้า และผู้รู้อยู่ไม่น้อย ที่พยายามฉุดรั้งเรื่องของกูตัวกู พวกขี้โกงนี่ก็เข้าวัดนะ ก็ไปนั่งทำหน้าซื่อตาใสยังงั้นแหละ เผลอเมื่อไหร่ก็คืนร่างเป็นลูกอีช่างโกยเหมือนเดิม แล้วโลกในอนาคตมันจะเป็นยังไงละครับ ในเมื่อคนทำลายมันตายจากไปโดยไม่รับผิดชอบอะไรเลย แถมลูกหลานหว่านเครือก็ไม่รู้ร้อนรู้หนาว เกรงไอ้ขี้โลภจะน้อยใจ ยั ง ทำ พิ ธี ก ง เ ต๊ ก ส่ ง ไ ป ใ ห้ อี ก แ น๊ ะ เอาเข้าไปทั้งที่ยังมีชีวิตและไร้วิญญาณ อีตอนลงไปขุมนรก ก็ไม่รู้ว่าจะกอบโกยอะไรที่นั่นอีกหรือเปล่า

ทั้งหมดนี้ทำเพื่อสืบสันดานตามความเชื่อของชนเผ่าต่างๆ ซึ่งนับว่าแปลกแตกต่างกว่าสัตว์อื่นทั่วไป ถ้าสัตว์พูดได้มันคงหัวเราะจนเยี่ยวเล็ด นี่หรือสัตว์ประเสริฐ คิดได้เท่านี้สติปัญญามีแค่นี้รึ ผมไม่เคยเห็นสัตว์กลุ่มไหนสะสมทรัพย์สมบัติไว้อย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนมนุษย์ ดูๆไปแล้วในก้อนกะโหลกบรรจุด้วยความคิดที่เป็นพิษไม่น้อย บางคนใช้เวลาทั้งชีวิตกอบโกยวัตถุจนไม่เป็นอันทำอะไร วันๆคิดแต่จะแสวงหาทรัพย์จนหน้ามืด ไม่ได้ทางตรงก็ทางอ้อม เกิดมาเพื่อจะกอบและโกย ท่านมหาตะมะคานธี บอกว่า ทรัพย์สินในโลกนี้มีให้มนุษย์ใช้อย่างสุขสบายถ้าแบ่งปันกัน แต่ถ้าคิดกอบโกยเมื่อไหร่มันไม่พอแม้แต่จะให้ไอ้ขี้โลภคนเดียว ผู้นำทุกศาสนาต่างเห็นหายนะของกิเลศ ได้พยายามออกข้อบัญญัติกำกับและควบคุมกิเลศ ไม่ทราบว่าถูกหรือผิดนะครับ ผมรู้สึกว่ามันหนักข้อขึ้นทุกที ใครมีทรัพย์มากจะได้การยอมรับจากวงการมนุษย์ด้วยกัน ถ้าร่ำรวยจากความสามารถก็ดีหรอก แต่ส่วนใหญ่ทำมาหาได้จากกลโกง สังคมยอมรับได้ โกงเข้าไว้โกงสำเร็จ ถือว่าเป็นฮีโร่

ไม่รู้มีกี่ร้อยประเทศนะครับ ที่ผู้นำมันขี้โกง มีประธานาธิบดีนายกรัฐมนตรีตกเป็นข่าวทุกปี เข้าซังเตก็เยอะ ไอ้ผมก็ใช้ภาษาไม่สลวย คำว่าโกงฟังดูไม่ระรื่นหู เดี๋ยวนี้เขาใช้คำว่า “คอรัปชั่น” พวกผู้นำโกงได้มากเพราะมีอำนาจ สามารถเบี่ยงเบนวิธีอุบอิบให้ดูเนียน ผู้นำบางคนใจร้อนถึงกับหาทางเปลี่ยนกฎหมาย เปลี่ยนกติกาก็มี เมื่อประชากรในประเทศไหนเห็นผู้นำโกงเก่งโกงได้สำเร็จ พลเมืองในประเทศนั้นๆก็โกงตามสิครับ โ ก ง ทั้ ง แ ผ่ น ดิ น สร้างระบบใต้โต๊ะบนโต๊ะตบตาตอแหลจนเป็นเรื่องปกติ บางคนมันโกงแม้กระทั้งของพี่น้องด้วยกันเอง คงไม่ต้องยกตัวอย่างกระมัง อยู่ใกล้ๆตัวเรานี่แหละ 

ถ้า วั ฒ ธ ร ร ม ขี้ เ กี ย จ  เอ๊ย ขี้โกงแพร่ระบาดไปเรื่อยๆ

เธอคิดดูสิว่าแผ่นดินนั้นจะเป็นอย่างไร

ขยับอะไรนิดหน่อยต้องจ่ายภาษีเถื่อน

ถ้าเธอเป็นพลเมืองของประเทศนั้นๆจะมีความสุขไหมละ

เธอเชื่อหรือว่าการใช้วิธีโกงจะเป็นการสร้างชาติให้เจริญรุ่งเรืองได้

ยกตัวอย่างมาให้ดูสักประเทศหน่อยเถอะ

ถ้ า สั ง ค ม ม นุ ษ ย์ ส ร้ า ง ก ร ะ แ ส ต ร ง กั น อ ย่ า ง นี้

ค ว า ม ส ง บ สุ ข จ ะ ไ ป ห า ไ ด้ ที่ ไ ห น

สุดท้ายต่างก็ใส่หน้ากากหากัน ทำอะไรเชิงพิธีการให้ดูดี เคลือบมลพิษไว้ให้มิดชิด หลังจากนั้นก็ปร๋อแสดงละคร เล่นบทโจรใส่เสื้อนอก เรียนวิชาหลอกกันมาเป็นชั้นๆ พอกกิเลศเข้าไปทุกวัน อยู่กันอย่างถูลู่ถูกัง อมทุกข์อมโศกกันไปตามยะถากรรม ไม่รู้ว่ามีเวลาฉุกคิด มีเวลาอยู่กับตัวเองบ้างหรือเปล่า เคยถามตัวบ้างไหม ว่าเกิดมาทำซากอะไร? ผมละชอบใจคำนี้นัก ที่พระอาจารย์ไร้กรอบชูประเด็นไว้ในหนังสือ “เจ้าเป็นไผ” ถ้ายังไม่เคยอ่าน ก็รีบๆอ่านเสียก่อนที่วาสนาจะชำรุดไปกว่านี้

คนที่โกงคนอื่นได้เพราะไม่มีความละอาย หน้าหนาหลายชั้นนัก หัวจิตหัวใจเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ได้ คงไม่เคยคิดถึงคำตอบสุดท้ายเลยสิท่า ที่หน้าด้านหน้าทนคดโกงได้มานั้นจะเอาไปไว้ที่ไหน เอาไปทำอะไร เอาไปให้ใคร มรดกบาปจะเป็นมรดกดีไปได้อย่างไร ไม่มีสารวิเศษชนิดไหนฟอกบาปได้หรอกนะเธอ

เรื่องเงินๆทองๆเป็นของบาดใจ

มี เ งิ น เ ข า นั บ ว่ า น้ อ ง   มี ท อ ง เ ข า นั บ ว่ า พี่

ถ้า มี ทั้ ง เ งิ น ทั้ ง ท อ ง เ ข า นั บ เ ป็ น คุ ณ พี่  อิ อิ

แต่บางทีทองก็ไม่ไม่ค่าเท่ากับผัวฉัน เ อ า อ ะ ไ ร ม า แ ล ก ก็ ไ ม่ ย อ ม  โช๊ดโช้

พักนี้เรามักจะไม่ได้ยินคำว่าอดออม ประหยัด

คำขวัญที่บอกว่า “มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท” หายไปไหนก็ไม่รู้

ยุคสมัยนี้เขาพลิกแพลงง่ายๆ แปลงหนี้ เป็น เครดิต

ฟังดูดีกว่ากันเยอะเลย

ผมละสงสารพวกตั้งกองทุนตัวจริงเหลือเกิน เช่นกองทุนที่คลองเปรี๊ยะ กองทุนวันละบาท ที่เขาเข้าใจเรื่องพวกนี้อย่างถึงแก่น กองทุนชุมชน กองทุนครัวเรือน เขาหมายถึงการระดมทุนในหมู่กันเอง ไม่ได้เที่ยวไปร้องแรกแหกกระเชอขอมาจากใคร แต่ก็นั่นแหละเธอ สมัยห่วยแตกอะไรๆก็พลิกผันได้ มีคนเอาเรื่องนี้ไปพลิกโผเป็น “กองทุนหมู่บ้าน” ซึ่งหมายถึงการเอาทุนไปแจกทุกครัวเรือน เกิดเป็นกองทุนแตกลูกหลานออกไปจนนับไม่ถ้วน ซึ่งกรณีนี้น่าจะตั้งชื่อใหม่ว่า “กองทุนเคาะกะลา” การที่มาตั้งชื่อซ้ำซ้อนกับของชาวบ้านคิด แล้วทำตรงกันข้าม สิ่งที่จอมยุทธทางภาคใต้ ครูชุบ ยอดแก้ว ที่เคารพรักของผม ทำถูกทำดีมาแล้ว แต่เมื่อมาเจอกองทุนเถื่อนอย่างนี้เข้า ครูชุบจะเดินหน้ายังไงต่อละ ใ น เ มื่ อ มี ทุ น ใ ห้ เ ป ล่ า ๆ บ้ า ๆ บ อ ๆ ม า ยั ด เ ยี ย ด ใ ห้ ส ม า ชิ ก ทั่ ว ป ร ะ เ ท ศ จะห้ามไม่ให้ชาวบ้านเอา เด๊๋ยวก็เป็นหมาหางด้วนได้ง่ายๆ

หลังจากทำเละเทะมาได้พักหนึ่ง ก็ทำท่าจะเปลี่ยนเป็นเงินให้เปล่า

ออกระเบียบชดเชยเงินพวกนี้แทนชาวบ้าน ทำให้เป็นหนี้ศูนย์

ไอ้เรื่องอย่างนี้ ทำ ไ ม ช ะ ล อ ห ลั ง ย า ว จ ะ ไ ม่ ช อ บ ล ะ ค รั บ

เป่าปากหวิีดว๊ายกระตู้วู๊กันครึกครื้น

โดยหารู้ไม่ว่าในที่สุดแล้ว กองทุนหมู่บ้าน ก็คือ กองทุกข์หมู่บ้าน นั้นเอง

ก า ร ดึ ง  จ มู ก ค น จ น นั้ น ส นุ ก เ ข า ล ะ

ยังจะมี ก อ ง ทุ น อ ก อี แ ป้ น แ ต ก อะไรจะตามมาอีกก็ไม่รู้

นี่ก็เพิ่งแจกเงินสัมนาคุณที่มาตายในสนามม๊อบไปรายละ ๖-๗ ล้าน

ผมไม่ได้มองเหมือนคนอื่นนะ ผ ม ว่ า มั น จ่ า ย น้ อ ย ไ ป

น่าจะแจกศพละ ๕,๐๐๐ ล้าน

ในโลกนี้ไม่มีคนจนคนรวยหรอกนะเธอ จ ะ ตี ร า ค า ชี วิ ต ข อ ง เ ธ อ กี่ บ า ท ให้สักพันล้านแล้วขอให้ตัดคอมาขาย เธอจะยอมไหมละ ราคาของชีวิตประเมินไม่ได้หรอก เอาทรัพย์ทั้งโลกมาแลกเธอก็ไม่ยอม แล้วเธอจะเป็นคนจนได้อย่างไร

· คนที่มีประเทศเป็นของตนเอง

· คนที่มีศาสนาเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ

· คนที่มีพระมหากษัตริย์ให้เคารพเทิดทูน

· จ ะ เ รี ย ก ว่ า ค น จ น ไ ด้ อ ย่ า ง ไ ร ?

เมื่อเธอไม่ได้เป็นคนจน เธอก็เป็นมหาเศรษฐีนะสิ ท่านมหาเศรษฐีครับ อานุภาพในตัวตนของท่านนั้นไม่ธรรมดาหรอกนะครับ ปลดสัมภาระรุงรังออกเสียบ้าง แล้วลงมือลงแรงสร้างโลกใบนี้ให้น่าอยู่ดีไหมครับ อย่างน้อยท่านก็จะได้ภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่พลเมืองดีของโลก อย่าห่วงไอ้พวกเวรตะไลขี้โกงเหล่านั้นเลย กรรมใดใครก่อคนนั้นก็ต้องได้รับอยู่แล้ว ก่อนตื่นนอนพรุ่งนี้เช้า ถามตัวเองสักหน่อยว่า ท่านจะทำความดีคืนให้แก่โลกอย่างไรได้บ้าง การคิดบวกคิดดีนั้นมีกุศลติดปลายนวมแน่นอน มันรู้สึกดีตั้งแต่ได้คิด เมื่อคิดได้ก็ยิ่งภูมิใจกับตัวเอง และเมื่อเอาความคิดนั้นมาปฏิบัติ ก็จะเกิดผลดีต่อตนเองและต่อโลก ใครก็ไม่ทราบพูดว่า “คิดให้ไกล ไปให้ถึง” แสดงว่า ท่านมีกัลยาณมิตรร่วมเดินทางแน่นอน ถ้าท่านทุ่มเทใจทำสิ่งที่ดีด้วยพละกำลังของท่านเอง ถ้าท่านเป็นคนจริง คิดจริงทำจริงจะเกิดความกล้า จะไม่สงสัย จะไม่เสียเวลาอยู่กับคำว่า “ใช่” หรือ “ไม่ใช่”

ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น

เธอเคยคิดรักจริงหวังแต่งบ้างไหม

ลองมาแต่งงานกับโลกใบนี้ชีวีเธอสุดแสนจะวิไล

อิ อิ


บทนำ โมเดลบุรีรัมย์

อ่าน: 1644

 

ชื่อและเรื่องนี้มีที่ไปที่มาพอสมควร เมื่อครั้งงานประชุมประจำปีของสภาวิจัยแห่งชาติเชิญไปโม้ เ รื่ อ ง ง า น วิ จั ย ไ ท บ้ า น มีคนลงชื่อเข้าร่วมรับฟังเต็มห้อง ก็ห้องที่เขายกให้เราเป็นผู้นำเสนอนั่นแหละ นอกจากคุยน้ำลายแตกฟองแล้ว ผมเอาผลิตภัณฑ์ในสวนไปโชว์ ฉายPower pointให้ชมด้วย ตามสไตล์บ้านนอกขนานแท้ แต่เป็นเรื่องจริงที่ผุดขึ้นมาจากแผ่นดินอีสาน สะท้อนให้เห็นบริบทของการเรียนรู้แบบงูๆปลาๆตามความนึกคิดแห่งตน ไม่ได้มีกรอบ หรือตีตนก่อนไข้แต่ประการใด ทำ อ ะ ไ ร พู ด ไ ป อ ย่ า ง นั้ น    รู้ อ ะ ไ ร ก็ ว่ า ไ ป ต า ม นั้ น   คิ ด อ ะ ไ ร ก็  แ จ้ ง ไ ป ต า ม นั้ น   ไม่ได้อวดโอ้อวดอ้างเกินจากที่ได้ลงมือกระทำมา

หลังจากโม้ไปจนจบถ้อยกระทงความ

เปิดโอกาสให้ท่านที่สนใจอภิปรายความคิดเห็น

มีท่านผู้ฟังลุกขึ้นสนับสนุนความคิดที่เสนอพอสมควร

มี อ า จ า ร ย์ สุ ภ า พ ส ต รี ท่ า น ห นึ่ ง ลุ  ก ขึ้ น ชี้ แ น ะ ว่ า

นี่แหละโมเดลบุรีรัมย์”

 

ผมนะไม่ได้ฮิตคำตามความนิยมแห่งยุคสมัยหรอกนะครับ ถ้าให้เลือกตั้งชื่อเองก็คงไม่ตั้งชื่อนี้ แต่เมื่อมีท่านผู้มีเกียรติกรุณาอุปการะความคิดเห็น ผมถือว่าฟ้าบันดาล ทุกท่านที่ฟังมีส่วนร่วมส่วนคิด แล้วสามารถขมวดเรื่องทั้งหมดไว้ใน Key Word “โมเดลบุรีรัมย” ก่อนจะมาถึงตรงนี้ได้ ก็ไม่ใช่เรื่องโมเมชั่นนะเธอ ใช้เวลาร่วมสิบกว่าปี เริ่มตั้งแต่ศาสตราจารย์เสน่ห์ จามริก แห่งสถาบันLDIตัดสินใจยกทีมลงลุยบุรีรัมย์ เพื่อค้นหาคำตอบว่า ชนบทไทยจะก้าวเดินไปทางไหน คนชนบทจะไปกันอย่างไร หลังจากที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ สภาการศึกษาแห่งชาติ สถาบันเอไอที และสถาบันอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาชาติ ยกพหลโยธามากันเต็มรถบัสบุกสวนป่า มีอาจารย์สิปปนนท์ เกตุทัต อาจารย์ประเวศ วะสี เป็นหัวขบวน บางท่านตกขบวนเช่น ท่านองคมนตรีสุเมธ ตันติเวชกุล ต่อมาเป็นเลขาสภาพัฒน์ฯ ยังมาบ่นภายหลังตอนท่านมาเยี่ยมคนเดียว ท่านชี้ไปที่รูปข้างผนังบอกว่า ผ ม เ สี ย ด า ย ที่ ติ ด ง า น ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ม่ ไ ด้ ม า ใ น ค ณ ะ นี้

ส่วนบรรยากาศเป็นยังไงติดตามอ่านในหนังสือ

ตอน ก ว่ า จ ะ มี ฉ า ย า ขี้ โ ม้ ใ ช่ ว่ า จ ะ ไ ด้ ม า ง่ า ย ๆ

ตามที่ท่านอาจารย์ประเวศ วะสี บันทึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น

หลังจากนั้นก็มีคณะต่างๆทยอยมาดูผม เอ๊ย มาดูงานนับคณะไม่ถ้วน และผมเองก็ถูกเชิญให้ไปถอนขนห่านในเวทีต่างๆตลอดระยะเวลายี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา เดินทางจนแทบขาขวิด ซึ่งมันก็แปลกอยู่เหมือนกันนะครับ ที่คนไม่ได้เรียนในระดับมหาวิทยาลัย แต่ก็ได้รับเชิญในไปประชุมไปบรรยายมาทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ มานั่งพิจารณาตอนช่วงที่สังขารยักแย่ยักยัน ก็สงสัยตัวเองว่า_มันเป็นไปได้ยังไงวะ

เพื่อที่จะตอบคำถามตัวเองให้เป็นหลักเป็นฐาน

ผมจึงคิดรวบรวมเรื่องราวแต่หนหลังมาพิมพ์ไว้ให้ลูกหลานได้อ่าน

เป็นงานที่เกี่ยวกับการพัฒนาชนบท

ในบริบทของวิธีพัฒนาการเรียนรู้ของคนอีสาน

ที่สถาบันLDIร่วมกับพวกคนแก่หนังเหนียวช่วยกันตั้งโรงเรียนภาคประชาชนขึ้นมา

ชื่อว่า โรงเรียนชุมชนอีสาน

เรื่องสำคัญที่สนุกมาก

ถ้าสนใจก็ต้องติดตามอ่านในหนังสือ ต อ น โ ร ง เ รี ย น ชุ ม ช น อี ส า น

ผมแต่งเพลงให้โรงเรียนไว้ด้วยนะเธอ

จะฟังไหมละ จะร้องให้ฟัง

“โรงเรียนชุมชนอีสาน พัฒนาการพื้นฐานปวงชน

ถึงอยู่คนละแห่งละหน ก็ดั้นด้นค้นหากันเจอ

เราจะเรียนด้วยกัน เราจะไปด้วยกัน เพื่อสร้างความฝันให้มันเป็นเจริง

เพลงมันยาว เอาเป็นว่านักเรียนที่ว่านี้ล้วนเป็นผู้สูงวัยเป็นส่วนใหญ่ มีหนุ่มสาวผสมบ้างแต่ก็น้อยมาก เรียกว่ารุ่นเดอะงั้นเถอะถึงจะได้รับการเชิญมาเข้าโรงเรียนนี้ กระบวนการที่ว่านี้ได้ฝังตรึงใจผมตลอดมา แม้แต่เวลาเขียนในFBมีคนเข้ามาขอเป็นเพื่อน ผมก็ย้อนไปรำลึกถึงภาพที่คนเดินข้ามทุ่งข้ามท่ามานั่งชุมนุมเรียนใต้ต้นไม้ในท้องนา ไม่ได้มาแค่พบปะกันเฉยๆนะเธอ ทั้งครูทั้งนักเรียนร่วมร้อยชีวิตกินนอนเรียนร่วมกันในท้องไร่ท้องนา ทำครัวทำอาหารเลี้ยงดูกันอึกกะทึกไปทั้งท้องทุ่ง ยกเอาวิถีชีวิตคนอีสานมากองไว้ แล้วช่วยกันพิจารณาวิถีชีวิตในปัจจุบัน แล้วช่วยกันมองไปข้างหน้า

การคัดคนเข้าเรียนใน ส ถ า บั น พ ร ะ ป ก เ ก ล้ า ก็เข้าทำนองนี้ หรือแม้แต่การตั้ง ก ลุ่ ม เ ฮ ฮ า ศ า ส ต ร์ เราก็มุ่งคัดคนที่หัวใจเสริมใยเหล็ก อ้าว มา ถึ ง ก า ร ส ร้ า ง ห มู่ บ้ า น โ ล ก คอนดรั๊กเตอร์ก็ตั้งสมมุติฐานว่าเราจะหาสมาชิกโดยวิธีไหน ทำอย่างไรถึ ง จ ะ ไ ด้ ค ลำ ใ จ เ ธ อ ดู ก่ อ น ถ้าใจไม่นิ่งใจไม่มั่นคง มานั่งหง๋อยเหงาเศร้าสร้อยในสวนป่า มันคงเป็นภาพที่ไม่เจริญใช่ไหมละครับ ถ้ามาแล้วกะเปิบกะป๊าบลงมืออย่างทำโน่นนี่ อ ย า ก แ ส ด ง ฝี มื อ อ ย า ก ถ่ า ย เ ท ค ว า ม รู้ อ ย า ก ร ะ ด ม ค ว า ม ส า ม า ร ถ อ ย า ก เ ป็ น ผู้ ร่ ว ม เ รี ย น รู้ อ ย า ก ม า ช่ ว ย เ ป็ น วิ ท ย า ก ร ถ้าคุณสมบัติประมาณนี้ อ ย า ก จ ะ วิ่ ง ไ ป ก อ ด อ อ ด อ้ อ น ใ ห้ ม า

ถ้าทุกอย่างเริ่มที่ใจมั่นคงมีจุดประสงค์แน่วแน่

การดำเนินการเรื่องต่างๆจะประสบผลสำเร็จง่ายขึ้น

รึอย่างน้อยๆ ก็ ยั ง มี เ รื่ อ ง ค้ า ง ค า ใ จ ติ ด ตั ว ไ ป ต ล อ ด

เหมือนที่ผม ส รุ ป ปิ ด เ รื่ อ ง ร า ว ข อ ง โ ร ง เ รี ย น ชุ ม ช น อี ส า น ไ ม่ ไ ด้

จะต้องใช้เวลาทำการบ้านต่อเติมมาจนร่วมเวลาเกือบยี่สิบปี

ดังนั้นหนังสือเรื่องโมเดลบุรีรัมย์ จึงรวมรวมการบ้านที่ค้างคาไว้ทั้งหมดมาขมวดหางสิงห์ไว้ทั้งหมด เนื่องจากมีสาระกระโดดและดิ้นได้ ต้องใช้เวลาต่อถ้อยร้อยวจีกันพอสมควร แต่ไม่นานเกินรอ ช่วงที่คุณชายลงมาเที่ยวนี้ก็จะจับงานเรื่องต้นฉบับหนังสือสามสี่เล่มที่จะพิมพ์พร้อมกัน มีทั้งที่พิมพ์เพิ่มไผหนึ่งไผสอง และเรื่องที่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ โดยเฉพาะเรื่อง “คนนอกระบบ” ที่สำนักงานสภาการศึกษาให้ผมเขียนแจกหมดไปนานแล้ว พักหลังผมจะหาให้ท่านที่สนใจก็ยังยาก จึงดำริที่จะพิมพ์ขึ้นใหม่เป็นครั้งที่สี่ แต่จะขอสะสางเรื่องขยะออกไปให้ไฉไลน่าอ่าน ขออนุญาตเรียนให้ทราบว่า ควรติดตาม อ ย่ า ก ร ะ พ ริ บ ต า

มีตอน ค รู บ า ฉุ ด ส า ว เ ชี ย ง ใ ห ม่ ด้ ว ย น ะ เ ธ อ

นี่ไม่ได้ล้อเล่นนะ

ฉุดตัวเป็นๆ ขึ้ น ร ถ บึ่ ง จ า ก เ ชี ย ง ใ ห ม่ ม า อี ส า น นี่ แ ห ล ะ

โธ่ ก ว่ า จ ะ มี เ มี ย กั บ เ ข า สั ก ค น มั น ช่ า ง แ ส น จ ะ โ ค ต ร ทุ ลั ก ทุ เ ล

ใ ค ร ว่ า ส า ว เ ห นื อ ใ จ ง่ า ย ผ ม เ อ า ค อ เ ป็ น ป ร ะ กั น

จีบมาแปดปียังไม่สำเร็จ

ถ้า ไ ม่ ฉุ ด เ อ า จ ะ ไ ด้ ไ ห ม นี่

แหม เ ท ใ จ ป ลิ้ น เ ขี ย น ใ ห้ อ่ า น อ ย่ า ง นี้ แ ล้ ว

ยัง ไ ม่ อ่านก็ใจดำเหลือทน

เอายังงี้ดีไหม ท่านใดซื้อหนึ่งเล่มแถมกอดหนึ่งครั้ง

โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยใจระทึกระทวย

อิ อิ



Main: 0.083410024642944 sec
Sidebar: 0.048187971115112 sec