ทฤษฎีหญ้าเจ้าชู้

อ่าน: 3904

·

พู(รังแรกเจอภัยพิบัติน้ำฝนถล่มเมื่อคืนสามารถซ่อมแซมได้รวดเร็ว)

ดถึงหญ้าเจ้าชู้พวกเราจะรู้จักไหมนะ ในเมื่อสมัยนี้มีหญ้าพันธุ์ใหม่ๆระบาดไปทั่ว หญ้าพื้นเมืองพื้นถิ่นกลายเป็นหญ้านอกสายตา ใครๆเห็นแล้วรำคราญ มองไม่ระรื่นตาเหมือนหญ้าญี่ปุ่น หรือหญ้านวลน้อยหญ้ามาเลฯที่ปลูกประดับสนามหน้าบ้าน อาการหมั่นไส้หญ้าเกิดขึ้นกับเกษตรกรรุ่นใหม่ เจอเป็นไม่ได้วิ่งโร่ไปหายาฆ่ามาฉีดๆๆให้สูญพันธุ์ ทำไมเป็นยังงั้นก็ไม่รู้นะครับ ชาวไร่ชาวนาสมัยก่อนไม่เห็นมีใครอาฆาตมาดร้ายหญ้าเท่าคนสมัยนี้ หญ้าชนิดไหนก็ใช้เลี้ยงวัวควายได้ รึหันมาใช้ควายเหล็กให้กินน้ำมันแทนหญ้า หญ้าก็เลยหมดความหมายหนักเข้าไปอีก เกิดเป็นหญ้านี่น่าน้อยใจ ใครๆก็จ้องทำลาย

สมัยหนึ่งมีเรื่องฮากันที่สุรินทร์

หัวหน้าพิธีกรรมจัดงานเกี่ยวกับประเพณีของจีน

ได้กล่าวต้อนรับผู้ว่าราชการจังหวัดสมัยโน้น

“ผู้ ว่ า เ ป รี ย บ เ ห มื อ น ส้ น ตี น น น น น”

“พ ว ก ผ ม เ ป รี ย บ เ ห มื อ น ย อ ด ห ญ้ า”

“ถ้ า ส้ น ตี น เ ห ยี ย บ ห ญ้ า ห ญ้ า ก็ แ บ น แ ต๊ ด แ ต๋”

· ถ้าท่านเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดไปเป็นประธานเปิดงานนี้ ท่านจะกล่าวตอบยังไงดีละครับ ถ้าเริ่มต้นตรงที่ซ่นตีนรับทราบข้อนี้ดี คงจะมันส์พิลึก สิ่งที่กล่าวรายงานไม่ได้เกิดอคติใดๆ อุตส่าห์กลั้นกรองออกมาจากจิตใจบริสุทธิ์ เพราะกรรมการพ่อค้าท่านนี้เป็นคนดีมาก คนรักทั่วเมือง แต่พูดอะไรก็จะพูดตรงๆเช่นนี้ ไม่ได้มีความหมายไปในทางที่แอบแฝงใดๆ

· คราวนี้มาถึงบทบาทหญ้าเจ้าชู้บ้าง โดยทั่วไปหญ้าชนิดนี้ชอบเกิดในพื้นที่โล่งกว้าง เช่นพื้นที่สนามฟุตบอลตามโรงเรียนในชนบท พบเห็นสองข้างทางทั่วไป ตามคันนาหัวไร่ปลายนาก็เจอประจำ เป็นหญ้าที่มีเถาว์เลื้อยไปตามพื้นดิน ขยายพันธุ์โดยชูก้านดอกแข็งๆสูงประมาณ๑ฟุต มีเมล็ดที่ห่อหุ้มด้วยเปลือกแข็งรูปกระสวยเล็กๆ ไม่ว่าสัตว์หรือคนเดินฝ่าไปใกล้ เจ้าเมล็ดหญ้าปลายแหลมก็จะทิ่มเข้าตามผิวหนัง คนไหนเดินผ่านก็จะปักเต็มขากางแกง ไม่ได้ปักนิดๆหน่อยนะเธอ ปักแน่นพรึดเต็มทุกตารางนิ้ว

แปลกแท้ๆ

ปักได้ปักดียังกะมีเครื่องอัตโนมัติรุ่นนาโนทำหน้าที่นี้

ใ ค ร โ ด น ต้ อ ง ม า นั่ ง แ ก ะ ที ล ะ ด อ ก ๆ กว่าจะหมดก็นานโข

มันปักได้ซาบซึ้งตรึงทรวงจริงๆ

เ ค ย เ ห็ น เ ด็ ก บ า ง ค น ถึ ง กั บ เ อ า มี ด เ ห ล า ดิ น ส อ ค่ อ ย ๆ ขู ด อ อ ก จ า ก ก ร ะ โ ป ร ง

· หญ้าเจ้าชู้นับว่ามีอัตลักษณ์ในการขยายพันธุ์เป็นพิเศษ ยากที่จะเห็นในหญ้าชนิดอื่น ทำให้ผมนั่งนึกตรึกตรองว่า ถ้าคนเราใส่ใจเรียนรู้เหมือนหญ้าเจ้าชู้ก็จะดี เห็นความรู้ใหม่ๆดีๆแปลกๆก็เข้าไปก๊อปปี้ หรือคอมเมนท์ไว้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ มนุษย์ยุคนี้มีเครื่องมือดูดซับความรู้สะดวกและรวดเร็ว ถ้าลองใช้ทฤษฎีที่ผมกล่าวถึงนี้ น่าจะดีไหมครับ

การเป็นผู้เรียนทำให้ชีวิตมีความหมายและมีศักดิ์ศรี

· ไม่ต้องไปงมโข่งกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

· ไม่ต้องไปนั่งบ่นเป็นหมีกินผึ้ง

· ไม่ต้องไปเซ็งกระจาย๓เวลาหลังอาหาร

· ไม่ต้องอยู่กับเรื่องเก่าๆซ้ำซาก

· สามารถยืนอยู่บนลำแข้งตัวเองได้อย่างทรนง

คุณสมบัติของผู้เรียน ก็คือผู้ที่เปิดใจ

อยากรู้ อยากเห็น อยากทดลอง อยากค้นคว้า

อยากเจาะลึก บางคนถึงกับกัดไม่ปล่อย

(รังที่๒ เจอน้ำท่วมมิด แต่ยังอุตส่าห์สู้ซ่อมแซม)

· ถ้าเด็กไทย คนไทยมีนิสัยเยี่ยงนี้ คุณภาพของการจัดการความรู้ของคนไทยไปโลดแน่ เท่าที่เห็นๆ ส่วนมากมักจะประมาทกับการเรียนรู้ อยากจะเรียนง่ายๆ ทำวิทยานิพนธ์ง่ายๆ จบง่ายๆ โธ่ แม่คุณ ถ้ามันทำง่ายแล้วได้ประสิทธิผลดีคงไม่มีใครมาบ้าทำให้มันยุ่งยากหรอก ในบางเรื่องบางกรณี ม นุ ษ ย์ ยั ง ไ ม่ พ บ วิ ธี สั น ด า ป ค ว า ม รู้ ไ ด้ เ ร็ ว ก ว่ า นี้ บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับสติปัญญามีข้อจำกัด เรื่องนิสัยการเรียนรู้ต้องอาศัยการฝึกฝนเป็นลำดับ ถ้าตั้งต้นตั้งใจดี เราก็เขยิบเข้าไปหาตัวความรู้ได้ตามขั้นตอน แต่ถ้าคิดเบี่ยงแบนจากความเป็นจริงมันก็ยากละครับ

สู้สิ่งยากตรงๆจะไม่ดีกว่าหรือ

ในเมื่อทุ่มเทจะศึกษาแบบเจาะลึกก็เจาะให้มันหมดก๊อกไปเลย

จะขยักขยุกขยิกทำไมเล่า

หรือพอใจกับที่ตัวเองไม่มีความรู้ความสามารถจริง

แต่ก็สามารถฝ่าไปรับ กระดาษเปื้อนหมึก ม า อ ว ด ใ ค ร ๆ ไ ด้

ถ้าแบบนี้ไม่เข้าเกณฑ์ทฤษฏีหญ้าเจ้าชู้หรอกนะเธอ

สงสัยว่าจะเป็น ห ญ้ า ตี น ตุ๊ ก แ ก

ยามได้ยินเสียง กั๊ บ แ ก กั๊ บ แ ก ก็สะดุ้ง

กลัวจะโดนล้วงตับ หรือลองวิชา

เอาเป็นว่า เ รี ย น เ ล่ น ๆ ก็ ไ ด้ แ ต่ ข อ ใ ห้ รู้ จ ริ ง ๆ ก็ แ ล้ ว กั น

รู้ไม่จริง อนาคตจ่ายค่าโง่บานตะไทเลยละเธอเอ๋ย

ค ว ร ดำ เ นิ น ต า ม ค ร ร ล อ ง -รู้จัก –รู้จริง –รู้แจ้งก็พอ

ก า ร เ ป็ น ห ม า ห ล ง อ ยู่ บ น ท า ง ด่ ว น จะสนุกตรงไหนละเธอ

อาการมันหนักกว่า ห ม า ห อ บ แ ด ด ส มั ย ก่ อ น เ สี ย อี ก

ถ้าอยากจะฟังเรื่องนี้เต็มๆ

วันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ภาคบ่าย

มีรายการสัมมนาแพทย์พยาบาลทั่วประเทศ

เ ร า ม า เ จ อ กั น ที่ เ มื อ ง ท อ ง ธ า นี ดี ไ ห ม ?

อย่าเผลอไปนัดกิ๊กเที่ยวละ

เอาถ่านหุงข้าวขีดกาวันที่ติดฝาบ้านไว้เลย

เ ดี๋ ย ว จ ะ ห า ห ล่ อ ไ ม่ เ ตื อ น

คริ คริ

« « Prev : กองทัพมด***

Next : อยากจะจับก้นหนอน** » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

3 ความคิดเห็น

  • #1 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 30 พฤษภาคม 2012 เวลา 19:43

    สรรพสิ่งรอบตัว ใช้เป็นบทเรียนได้ อยู่ที่ว่าเรียนเป็นหรือเปล่าครับ อิอิ

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 30 พฤษภาคม 2012 เวลา 19:46

    คุณครูควรศึกษาหาวิธีเอาความรู้ในธรรมชาติมาเป็นผู้ช่วย

  • #3 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 1 มิถุนายน 2012 เวลา 9:15

    ความรู้กับการอยู่กับธรรมชาตินั้น ชนบทเหมือนมหาวิทยาลัยสรรพความรู้กลุ่มใหญ่นี้ นับวันจะเลือนหายไปเพราะสังคมสุดโต่งไปกับสังคมเมือง จริงๆแล้วไม่กล่าวโทษให้ร้ายคนเมืองดอกนะ ใครๆมาอยู่เมืองก็เป็นไปแบบนั้น เพราะคนต้องเข้ากับสิ่งแวดล้อม เอาคนชนบทมาอยู่กลางกรุงเทพฯ เขาก็ขอตายดีกว่า เพราะมองซ้ายมองขวาไม่มีอะไรหยิบกินได้เลย ใช้แต่เงินอย่างเดียว ตรงข้ามเอาคนเมืองไปชนบท ให้ควายตัวหนึ่ง จะอยู่รอดได้ไง เคยคุยโจทย์นี้กับอ.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง สรุปว่า ไม่ใช่คนเมืองตายก่อนนะ ควายจะตายก่อน เพราะคนเมืองไม่รู้วิธีหากินเลยฆ่าควายกินเนื้อมัน ฮาฮาฮา

    คนดงหลวงเข้าป่าเอาแค่ข้าวเหนียวนึ่งแล้วไป กับข้าวไปหาเอาในป่า ความรู้พวกนี้ไม่มีเรียนในมหาวิทยาลัย (เอ อาจจะมีบ้างในคณะวนศาสตร์หรือเปล่าหนอ) และกำลังเลือนหายไป…. เพื่อนผมเป็นนักเขียนเรื่องป่า ชื่อ วัธนา บุญยัง เขียนประจำที่มติชนสุดสัปดาห์ เขียนเรื่องความรู้เกี่ยวกับป่ามานานหลายปี รวมเล่มมาหลายฉบับ ปัจจุบันไปเขียนท่องเที่ยวป่าต่างประเทศซะแล้ว..


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.10631585121155 sec
Sidebar: 0.073097229003906 sec