คำนิยม

อ่าน: 1640

ผมรู้จักครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ ผู้เขียน “โมเดลบุรีรัมย์” เล่มนี้มานานหลายปีแล้ว ผมรู้สึกประทับใจในความละเอียดอ่อนของท่านที่มีต่อสภาพสิ่งแวดล้อม และความมีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่ได้แพร่ขยายในสิ่งที่รู้ให้แก่ผู้อื่น โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ครูบาสุทธินันท์ ได้เปิดบ้านให้เป็นโรงเรียนเรียกว่า “มหาชีวาลัยอีสาน” เพื่ออธิบายองค์ความรู้ที่สะสมมาและถอดองค์ความรู้ให้แก่ผู้อื่น บ้านจึงเป็นเสมือนสถานที่สาธารณะที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใฝ่หาความรู้

“โมเดลบุรีรัมย์”เล่มนี้ เป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้ส่วนหนึ่งของครูบาสุทธินันท์ในการทำการเกษตร เพื่อยกระดับเกษตรกรให้เป็นเกษตรกรมืออาชีพที่แข็งแรงและพึ่งตนเองได้ โดยให้ความรู้ในเรื่องการประกอบอาชีพการเกษตร โดยเฉพาะการปลูกต้นไม้ยืนต้นและการเลี้ยงปศุสัตว์ให้มีคุณภาพดี ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ผู้เขียนได้มาจากการปฏิบัติจริง

ผมมีความเห็นว่า หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่มีประโยชน์ ให้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน ทั้งจากเนื้อหาและวิธีในการเขียนที่ได้อรรถรสชวนให้ติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้ที่ยังไม่ได้อ่านควรจะได้หาอ่านเพื่อเพิ่มความรู้ต่อไป

(ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล)

หมายเหตุ ฝากถึงป้าหวาน งานที่ป้ากรุณาสำเร็จดั่งใจหมาย แล้วละครับ

ผมมองอย่างนี้ครับ >>

คำนิยมหลักจากพระอาจารย์ใหญ่ ดร.สุเมธ ตันนิเวชกุล ได้เมตตามอบมาให้แล้ว ถ้าตีความคำว่า “คำนิยม” ผมก็ไม่ทราบว่ามีที่มาเป็นอย่างไร เมื่อก่อนจะมีสมุดเยี่ยมให้ท่านที่มาเยือนเขียนเป็นที่ระลึกไว้ แต่ถ้อยคำในสมุดเยี่ยมมันก่อเกิดกำลังใจให้แก่เจ้าสำนักเท่านั้น ไม่สามารถออกไปเปิดเผยภายนอกได้

ผมมองอย่างนี้ครับ>>

การมีส่วนร่วมมือร่วมใจระหว่างชาวเฮนั้น สามารถที่จะออกแบบให้บรรเจิดอย่างไรก็ได้ เพราะคุณสมบัติในตัวตนแต่ละท่านนั้นธรรมดาที่ไหนเล่า ยิ่งกว่าผมมีห่านออกไข่เป็นทองคำเสียอีก ปัญหาอยู่ที่ทำอย่างไรหนอ ห่านถึงจะเบ่งไข่ให้ ผมจะได้ถือตะกร้าเดินไปเก็บทุกๆเช้า

ผมมองอย่างนี้ครับ >>

หนังสือโมเดลบุรีรัมย์ ที่จริงชื่อนี้ออกจะเฝือไปแล้ว แต่ทำไงได้ ในเมื่อกำหนดลงไปแล้ว
เราทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน ผมก็จะเขียนตามควานนึกคิดเท่าที่จะมีน้ำยา
..เหลียวหลังบ้าง มองไปข้างหน้าบ้าง..ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของบ้านเมืองอย่างนี้ มีประเด็นชวนขนหัวลุกอยู่ไม่น้อย จะชนตรงๆก็คงไม่เหมาะ กองขี้หมาเอาเท้าไปเตะก็เหม็นเปล่าๆ เอาแค่เขียนให้มั่นไส้พอหอมปากหอมคอ ซึ่งอาจจะหกคะเมนเค้เก้ได้ เพื่อไม่เป็นการประมาท ผมถึงชวนให้ญาติโกเขียนอะไรมาร่วมขบวนแห่กันหลอนที่ชื่อ “โมเดลอีสาน” ไงละครับ

ผมมองอย่างนี้ครับิ>>

เท่าที่ตามอ่านเรื่องในลานปัญญา ผมเห็นสไตล์ของแต่ละท่านบรรเจิดนัก ล้วนสะท้อนความรู้สึกนึกคิดผ่านร้อนผ่านหนาวจนผะผ่าว ลองพิจารณาเส้นอักษรของแต่ละท่าน ยิ่งอ่านก็ยิ่งเสียดาย ทำยังไงความพิเศษเหล่านี้จะกระโดดออกมาจากหน้ากระดาษได้ ผมไม่รู้นะครับ ท่านจะเขียนทิ้งเขียนขว้างไปทำไม ขอให้รู้เถิดว่า ผมอ่านด้วยความชื่นชม เที่ยวเอาไปโม้เป็นบ้าเป็นหลัง ว่าตนเองมีจอมยุทธยืนอยู่รอบข้าง จะรู้จะเรียนอะไรละ ขอร้องได้ ถามได้ อยากจะบอกว่า ..เจ้าเป็นไผ ได้ไปแสดงอภินิหารอยู่ในที่ต่างๆทั่วประเทศ บางท่านอ่านแล้วเอาไปขยายผลกับนักศึกษา บางท่านเอาไปอ้างอิง

บางท่านเจอหน้าบอกว่า

ผมอ่านแล้ว 3 รอบ

ฮ้า ! ยังงั้นเลยหรือครับ

ด้วยเหตุผลนี้ละครับพี่น้อง >>

โปรดช่วยทำให้คนขี้โม้ได้โม้สะบัดช่อขึ้นไปอีกได้ไหมครับ

ขอสั้นๆ ท่านละ 1 หน้า แล้วท่านจะรู้ว่า

ท่านน่ารักน่ากอดที่สุดในโลก

:: ยกตัวอย่างที่ส่งมาแล้ว

อุ้ย ละเมียดละไมให้ความรู้เรื่องสุขภาพใจควบคู่กับสุขภาพกายได้อย่างเฉิดฉาย

อาว์เปลี่ยน กะเทาะวิถีชีวิตในลาวมาให้เราออนซอนหลาย

บางทราย ผมขออนุญาตคัดเอาตอน : ที่ว่างของชาวบ้าน

มุมคลิกของผู้ที่คร่ำหวอดงานติดดินเท่านั้นที่จะกระแซะแก่นออกมาได้

เบิร์ด เขียนเรื่องทิ้งหมัดเข้ามุม สะเด็ดสะเด่าเหลือกำลัง

เป็นไปได้ไง..ผู้หญิงตัวเล็กๆหวานๆจะทิ้งน้ำหนักอักษรแบบโป้งเดียวจอดเยี่ยงนี้

คิดเรื่องนี้แล้วสนุกครับ

ถ้ามีท่านอุปการข้อเขียนกันมามากๆ

ผมจะขยายเป็นโมเด็ลเล่มที่ 2

อาจจะใช้ชื่ออื่นที่ไม่โหลแบบเล่มแรก

ไม่ได้คิดเอาสนุกนะครับ

คิดเบาๆ แต่เอาจริงนะเธอ

ได้ขอคำนิยมท่านอาจารย์ เกษม วัฒนชัย ไว้แล้ว


คนสกุลเฮ

อ่าน: 1842

ถ้าไม่ลำบาก..ฝากเก็บแววตาาา นั้นไว้  อย่าเพิ่งใช้ไปมองใคร เก็บไว้มองฉันก็พออออ

ถ้าไม่ลำบาก..ฝากเก็บสองมืออออ นั้นไว้ อย่าเพิ่งใช้กุมมือใคร เก็บไว้มือฉันอุ่นก็พอออ

ถ้าไม่ลำบาก..ฝากเก็บฉันคนนี้ไว้ ในหัวใจเธอได้ไหมมม แค่ตลอดไปก็พออออ

นะ นะ นะ ขอเธอได้ไหม

วันฟ้าหม่น ฝนโปรยปรอยคอยต้อนเราไว้ไม่ให้ออกไปไหน นั่งทำงานฟังเพลงลูกทุ่งที่มีเนื้อร้องที่คัดย่อไว้ข้างบนนั้น  ดนตรีบรรเลงด้วยเมาท์ออกแกน เสียงพริ้วไหวเข้ากับเสียงออดอ้อนของนักร้องที่ชื่อหนูจั๊กจั่น วันวิสา “เมื่อถูกความรักหาเจอ” เป็นเพลงที่บันทึกมากับไอโฟน4 ระบบเสียง ดนตรี คำร้อง สอดพ้องต้องกันอย่างลงตัว นึกต่อไปว่า..เราไม่เคย..ถ้าไม่ลำบาก เพราะตั้งแต่มีพี่ป้าน้าอามาเป็นเครือญาติสายลานปัญญา มีมิตรไมตรีที่ไม่ต้องออดอ้อนใดๆ ไม่ว่าจะไปที่ไหนทำอะไรล้วนได้รับสิ่งที่ดีพิเศษสุดยากจะหาจากที่อื่นได้ ผมดูจะเป็นคนที่ได้รับความห่วงหาอาทรมากกว่าใคร เพราะตกอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยจะดีนัก ถึงกระนั้นก็ยังโลดโผนโจนทะยานมิได้ดูแลสังขารตัวเองเท่าที่ควร ทั้งๆที่มีโรคประจำตัวเกาะกุมอย่างแน่นเหนียว มันทำท่าจะวอแวกับผมมากขึ้นๆ

คิดว่า..ยังไงก็ได้ ตัวเชื้อโรคมาอาศัยอยู่ด้วยก็อยู่ๆกันไป

ถ้าถึงคราที่มันจะชนะก็ไม่เป็นไร

อยู่มาก็นานจนเกินควรแล้ว

อายุมากทำอะไรไม่ได้ อยู่ไปก็เกะกะโลกเปล่าๆ

จึงไม่ลำบากที่จะไปจะมายังแดนอันไกลโพ้น

ซึ่งพวกเราทุกคนก็ต้องไปกันอยู่แล้ว

เพียงแต่ผมไปก่อน..ก็จะไปเตรียมการไว้รอ

เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ..

ถึงเวลาพร้อมหน้าไม่ว่าอยู่แดนไหนก็คงจะเฮฮากันเหมือนเดิมนั่นแหละ  อิ  อิ..

ผมพบความวิไลในชีวิตอย่างอิ่มเอิบ นั่งทวนกระเทาะเรื่องราวเมื่อคราวเราจัดงานเฮฮาศาสตร์ในภูมิภาคต่างๆ นับตั้งแต่ดงหลวง กระบี่ เชียงราย ภูเก็ต หรือแม้แต่สวนป่า ทุกสถานที่เต็มไปด้วยตำนานของหมู่เฮาที่ยากจะเว้าวอนได้หมดจด เด็กๆตัวเล็กที่ไปร่วมงานทำให้พี่ป้าน้าอาสนุกสนานแบบสุดเหวี่ยง นึกถึงภาพขี่ม้าส่งเมือง เด็กๆร้องๆเต้นๆ ผู้ใหญ่ล้อมวงกอดสามัคคี พระอาจารย์เฮ็นดี้วิ่งไปเปิดเพลงให้อย่างทันท่วงที หรือแม้แต่รายการกอดแบบกดปุ่ม มีที่นี่ที่เดียว ขอบอก

สังคมมนุษย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างยากที่จะกะเกณฑ์อะไรได้ การที่ได้รู้จักมักจี่เป็นญาติกันก็คุ้มกับการเกิดมาในชาตินี้ ยกให้เป็นเรื่องทึ่งแห่งศตรวรรษได้เลยละครับ เท่าที่ร่วมสังฆกรรมกันมา เป็นอิสระไมตรีที่อยู่นอกเหนือสาระบบใดๆ เอาใจเป็นที่ตั้ง จึงไม่มียังงั้นยังงี้ อะไรดีที่สุดก็จัดสรรให้เครือญาติของตน ผมนึกไม่ออกว่ามีกลุ่มสังคมแห่งยุคนี้ที่ไหนบ้างที่เป็นอย่างของเรา สายญาติที่เป็นหมอนอกจากจะเขียนเล่าวิชาความรู้ให้อ่านกันแล้ว ยังช่วยอ่านรายงานการตรวจวัดโลหิตให้ด้วย ส่วนท่านที่สันทัดกรณีด้านการเจาะโลหิต ก็บริการชนิดที่โรงพยาบาลไหนก็บริการไม่ได้ ยังมีผู้อุปการะคุณคอยแสวงหายาดีๆมาให้อีกเป็นกะตั๊ก อีกทั้งพาไปพบปะแพทย์ที่ความเชี่ยวชาญเฉพาะโรค เป็นความห่วงใยที่แม้แต่ไรก็ไม่ให้ไต่ให้ตอม

บางคนไม่รู้จะทำอะไร

ซื้อวิตตามินมาให้ขวดใหญ่

ชนิดที่กินยังไงก็ไม่หมด

เหมาะที่จะวางขายทั้งปีนั่นแหละ

ในวาระที่จะเขียนหนังสือสักเล่มหนึ่ง จึงส่งข่าวไปถึงหมู่เฮา ขอเรื่องเล่าดีๆมาช่วยมะรุมมะตุ้มกัน ก็มีมามีให้อย่างทันอกทันใจ ดังนั้นเรื่องที่ท่านอ่านในแต่ละบทต่อไปนี้ ดูจะเป็นกองเชียร์ที่มากด้วยน้ำใจ บรรเจิดอำไพเหลือประมาณ ลองอ่านแล้วจะรู้เองละว่า สังคมคนแซ่เฮนั้นไม่ใช่เอาไหนเอาด้วย แต่ช่วยด้วยใจเต็มร้อย ชนิดที่ไม่ต้องทอนเสียด้วย อย่าว่าแต่ ขอแววตา ขอกุมมือ ขอหัวใจ กลุ่มเรามีให้กันได้ไม่อั้น แบบไม่ต้องมาร้องวิงวอนอ้อนออดเหมือนเพลงข้างบน

ลองอ่านดูนะครับ

ถ้าชอบใจก็ยิ้มได้เลยไม่ต้องขออนุญาติ อิ อิ..

คนไข้บอกจิตแพทย์ว่า “หมอครับ ผมสงสัยว่าตัวเองจะเป็นบ้า”

“จริงหรือ ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”

“เพราะผมเริ่มเขียนจดหมายถึงตัวเองน่ะสิ”

“คุณเขียนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”

“เมื่อวานนี้ครับ หมอ”

“จดหมายเขียนว่าไง”

“จะไปรู้ได้ไง ผมยังไม่ได้รับเลย”


อีกาคาบข่าว อิ.

อ่าน: 1613

คนเรารับรู้ข่าวสารไม่มากก็น้อยตามสื่อและแหล่งข่าวต่างๆที่ตนเองใกล้ชิด ในสมัยนี้ด้วยแล้ว การโฆษณาประชาสัมพันธ์ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวด ดังที่เราพบกับเรื่องราวแหกตาอย่างมีชั้นเชิงและศิลปะ ของหลักสูตรนิเทศศาสตร์ ไม่ใช่ว่าวิชานี้ไม่ดี แต่มีผู้เอาไปใช้ไปนอกลู่นอกทาง ในทางปั้นข่าว ปลุกเสกข่าว พลิกแพลงข่าว ในโลกแห่งความรวดเร็วและการปรุงแต่งข่าวสารได้สารพัดอย่างนี้ ถ้าเราเชื่อถือข่าวแบบไม่ยั้งคิด เราก็จะเจอข่าวลวง ข่าวหลอก ข่าวที่น่ามะเหงก ซึ่งส่งมายุ่งกับอีเมลล์ของเรา มันตั้งหัวข้อหลอกให้เรากดดูจนได้ ผมละเสียโง่!ประจำ

เมื่อก่อนจะรับหนังสือพิมพ์ ต่อมายกเลิกเพราะไม่สะดวกและไม่มีเวลา เว้นแต่เดินทางไปไหนก็จะซื้ออ่านบ้าง หยิบอ่านที่โรงแรมจัดไว้ให้บ้าง หรือแม้แต่ร้านตัดผม กัลบกคงจะรำคราญผมมาก เพราะผมจะไม่วางหนังสือ แม้แต่จะโกนหนวดโกนเคราก็พับหน้าที่จะอ่านไว้ในลักษณะพร้อมเปิดทันที ทำไงได้ละคนมันชอบอ่าน พักหลังผมชอบดูข่าวในทีวี เดี๋ยวนี้ช่อง3พัฒนาการรายงานข่าวแบบถึงลูกถึงคน ไปตั้งโต๊ะข่าวรายงานน้ำท่วมแบบแช่น้ำ ทำให้บรรยากาศข่าวสดๆไม่แห้งๆเหมือนบางช่อง เที่ยวไปหยิบเอาจากหน้าหนังสือพิมพ์มารายงาน เรื่องอย่างนี้ ใครพัฒนาคนนั้นก็ได้การยอมรับมากขึ้น เรียกว่าสังคมไม่ให้คุณเหนื่อยเปล่าหรอกนะ ความเชื่อถือไม่ใช่จะปลูกเสกกันได้ง่าย หลอกลวงอาจจะทำได้ชั่วครั้งชั่วคราว แต่การคิดและทำอย่างทุ่มเทต่างหากที่จะทำให้เกิดความมั่นยืน

ช่วงต้นเดือนมานี้โทรทัศน์ผมเจ๊งแล้วครับ

ดูมานานจน..ถึงคราหมดอายุไขแล้วกระมัง

ระบบอุตสาหกรรมสมัยนี้เขาจะผลิตสินค้าที่มีอายุกำกับชิ้นส่วน

ยกตัวอย่างรถยนต์ก็จะให้ใช้งานได้ดีภายใน5 ปี

เกินนั้นไปก็เริ่มเรรวน ถึงซ่อมไปก็ไม่คุ้ม

เราจึงต้องควักกระเป๋าซื้อหรือไปเทริน์เอารถใหม่

การทำแบบนี้ทำให้ระบบอุตสาหกรรมอยู่รอดและขยายตัวได้สม่ำเสมอ

โทรทัศน์สมัยก่อนจะมีจอภาพท้ายแหลมๆโผล่ออกมาข้างหลัง

ปัจจุบันเทคโนโลยีทำให้จอภาพแบนแต๊ดแต๋

แถมยังทำให้ประสิทธิภาพของภาพและเสียงดีขึ้นอย่างมาก

ประกอบกับระบบส่งสัญญาณดาวเที่ยมผ่านจานรับประเภทต่างๆ

ทำให้เสารับสัญญาณแบบหนวดกุ้งที่ชูระโยงระยางบนหลังคาบ้านหายไป

ที่เป็นเช่นนี้ได้เกิดจากการคิดค้นอย่างแรงกล้าของนักพัฒนาเทคโนโลยีใช่ไหมละครับ

เย็นวานนี้มีลูกศิษย์ก้นกฎิพาเพื่อนใหม่มาหา แกหิ้วกล้วยส้มลูกอ้วนน่าเจี๊ยะกับข้าวโพดต้มพันธุ์ใหม่มาฝาก หลังจากนั่งทักทายกันผ่านไปแล้ว ได้รับคำถามว่า..มีคำสั่งให้ครูเร่งรัดเรื่องการเรียนการสอนเพื่อมุ่งไปสู่อาเชียน ระบบการศึกษาจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใช่ไหมครับ แหม เรื่องนี้ผมก็ตอบไม่ถูก ว่ามันจะใหญ่หรือมันจะแฟ๊บ เพราะประเทศนี้หามาตรฐานอะไรไม่ได้หรอก ผลการชี้วัดต่างๆก็บอกอยู่แล้วว่าสอบตกทุกวิชา ไม่เห็นว่าจะยกเครื่องขึ้นได้อย่างไร เมื่อเขาให้มุ่งอาเชียนก็ตามเขาไปเถิด ขืนละล้าละลังเดี๋ยวผีหลอกไม่รู้ด้วยนะ ตอนนี้มีข่าวดีเขาจะให้ครูเป็นหนี้หัวโต กู้กันได้คนละ 3,000,000 บาท ไม่รู้เบื้องหลังเป็นอย่างไรนะครับ อาจจะหาทางเอาเงินกู้ก้อนใหม่มาล้างบัญชีเก่าก็ได้ ตั้งเกณฑ์กู้สูงๆนี่บางคนอาจจะกู้มา3ล้าน หักลบหนี้เก่าแล้วจะเหลือกี่บาทก็ไม่รู้ ถ้าไม่จริงดังที่สมมุติฐานก็ยินดีด้วย

ครูรวยเละ แต่การศึกษาจนลง จนลง จ น ต ร อ ก จ น มุ ม    จ น ใ จ

เมื่อวานดูทีวีที่บ้านหลังใหญ่ มีคุณครูท่านหนึ่งจากอ่างทอง เล่าถึงการใช้ไอทีเป็นเครื่องมือสอน ตรวจการบ้าน เสนอแนะ ติดตามงาน ยั่วให้เด็กอยากเรียน แหม คุณครูระพีร์ ปิยจันทร์ ท่านทำเรื่องนี้ได้ดีอย่างถึงที่สุด น่าชื่นชมมากเลย  มันน่าจะมีกฎกติกา ..คุณครูท่านไหนสอนลูกศิษย์ให้ได้คะแนนดีถึงจะมีสิทธิ์กู้เงิน คุณครูท่านไหนผ่านการประเมินและมีผลงานดีถึงจะมีความดีความชอบ ไม่ใช่เหมาโหลกันอย่างนี้

แต่ก็นั่นแหละ  อะไรๆก็ยากที่จะป้องกัน

ในเมื่อครูสอนวิชารู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางอยู่แล้ว  อิ อิ..

ประเทศที่เจริญก้าวหน้า คนในชาติเขาคิดมาก คิดๆทุกอย่างจะดีขึ้นได้อย่างไร ที่สำคัญไม่ได้คิดทิ้งคิดขว้าง แต่เขาคิดเพื่อที่จะมาเสริมวิธีทำที่มุ่งมั่นไว้แล้ว คิดแล้วทำ ทำแล้วคิด เป็นวงจรกลั่นกรองความรู้ให้ก้าวหน้าไปตามลำดับ เมื่อระบบการคิดของคนในชาติเขาเป็นเช่นนี้ ทำ ให้ เกิด วัฒนธรรม ช่วยกัน คิดช่วยกันทำ ช่วยกันพัฒนา ประเทศเขาจึงมีสินค้าตัวใหม่ๆมาเสนอขายประจำ เหมือนที่ผมกำลังจะเสียเงินซื้อโทรทัศน์จอแบนนี้แหละ เจ้าจอแบนที่ว่านี้มีหลากหลายให้เลือก ไม่รู้ว่าของบริษัทไหนมีจุดดีมากกว่ากัน

ผมเสียค่าโง่ประจำจนกังวลใจ

ด้วยไม่รู้ว่าจะซื้อยี่ห้อไหนดี

เกิดไปซื้อยี่ห้อห่วยแตกมา

เราก็จะชีช้ำกะหล่ำปลีเหมือนมีแฟนไม่ถูกใจ

จะทำยังไงละ จะโล๊ะทิ้งหรือจะหย่าทิ้งมันก็ชอกช้ำหัวใจทั้งนั้นแหละ

ท่านใดมีความรู้เรื่องโทรทัศน์จอแบนช่วยอุปการะความรู้ด้วยนะครับ

คิดไปแล้ว เมื่อระบบอุตสาหกรรมวางยาเรื่องอายุการใช้งาน เราใช้ไปๆ..พอถึงเวลามันก็เจ๊ง คิดคำนวณดูแล้วเสมือนกับเราไปเช่าซื้อเหมือนกันนะ เพียงแต่จ่ายเงินสดยกมาบ้าน แล้วผ่อนด้วยความเสื่อมราคาของอุปกรณ์อีเล็กทรอนิกส์ แหม..เจ้าความเสื่อมนี่ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต หรือ ไม่มีชีวิต

ยังดีนะที่ความรักที่มีต่อกันของชาวเฮไม่สั่นไหว

ถึงบางคนจะหายหน้าหายตาไป

แต่ความรักและคิดถึงก็ยังมั่นยืนเหมือนเดิม

เมื่อวานใส่เสื้อ “อะไรก็กู” ของคุณหมอจอมป่วน

ก็ครุ่นคิดถึงวิธีเรียนรู้แบบจิกๆๆ  เอ๊ย ! กัดไม่ปล่อย > >

ไม่รู้ว่าเรียนหนักสักประมาณไหน

ไม่เห็นรายงานข่าวมาหลายทิวาแล้ว

เย็นนี้มีรายการกินข้าวกับครูที่บางกอก

มิรู้ที่จะออกหัวออกก้อย

ใครอยากได้ของฝากมาหิ้วเองที่โรงแรมก็แล้วกัน

ก็บอกแล้วไง..คิดถึงทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา

จบข่าว  อิ อิ..


กระจ๊องง๋อง เจ้าข้าเอ๊ย

8 ความคิดเห็น โดย sutthinun เมื่อ 19 กันยายน 2011 เวลา 8:30 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 1772

ช่วงนี้สถานการณ์กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ในการเตรียมต้นฉบับ “โมเดลอีสาน” เพื่อให้เกิดเรื่องตกกะไดพลอยโจนของพี่ป้าน้าอาทั้งหลาย ผมเห็นว่าถ้าท่านช่วยกันเขียนความรู้สึก ความเห็นในหมู่ชาวเรา อย่างที่ท่านบางทราย ครูอึ่ง คณะบรรณาธิการชาวเฮ เครือข่ายลานปัญญา เขียนให้หนังสือ ” คนนี้ไง “จารย์ปู ครูพันธุ์ก๊าก!”อ่านแล้วมันสะท้อนน้ำจิตน้ำใจของชาวเฮได้อย่างบรรเจิด ผมก็อยากได้อย่างนั้นบ้าง ขอเชิญทุกท่านเลยนะครับ เขียนกันตามอำเภอใจคนละเล็กละน้อยคนละหน้าก็ยังดี

แว่วๆว่าอาว์เปลี่ยนอยากให้ผมพิมพ์หนังสือทำนองนี้

เมื่อความเป็นจริงมาข้องแวะ

ก็เชิญท่านพี่ร่ายแป้นพิมพ์เถิด

จะนั่งยิ้มใจเย็นอยู่ใย

ยังไงๆรีบรีบต๊อกๆๆๆมาได้เลยนะอาว์นะ  อิ อิ


จดหมายคุณย่า

อ่าน: 1657

ท่านที่รัก

กลุ่มสมาชิกชาวเฮฮาศาสตร์ส่วนมากอายุค่อนไปทางหนุ่มสาวเหลือน้อย กลุ่มที่เป็นสาวซำน้อยต้อยติ่งก็พอมีอยู่บ้าง ได้แต่แอบหวังไว้ว่าสมาชิกที่เข้ามาลานปัญญาใหม่ๆจะอยู่ในวัยสดใสไฉไลประดุจดอกบัวบานกลางบึง ไม่ใช่อะไรหรอก อยากจะให้มาลดสัดส่วนกระชากวัยพวกแก่เกินแกงลงเสียบ้าง แต่ก็อีกนั่นแหละ หนุ่มสาวสมัยนี้ไม่นิยมเขียนหนังสือเป็นเรื่องเป็นราว ชอบใช้สื่อเจ๊าะแจ๊ะประเภทโชว์เบอร์ไม่โชว์ใจ เพราะเข้ากับวิถีชีวิตที่มะรุมมะตุ้มกับเรื่องวูบวาบและวับแวม..

พวกรุ่นเก่าๆเล่าความหลัง ยังผ่านการเขียนจดหมายมาบ้าง เพราะยุคครั้งกระโน้นไม่มีสื่อที่ถึงอกถึงใจเหมือนสมัยนี้ บางคู่เขียนจดหมายโต้ตอบกันเป็นลังๆก็ยังปลงใจกันไม่ได้สักที..

ไปงานครูภูมิปัญญาไทย รับเครื่องราชฯ ถ่ายภาพกับองคมนตรี ท่านถามว่าครูบาจะให้ช่วยอะไร บอกเลยนะ ..รีบฝากหนังสือเจ้าเป็นไผกับหนังสือนี่คนนี่ไง”จารย์ปู” ครูพันธุ์ก๊าก เรียนท่านว่าจะทำหนังสือทำนองนี้ วันหลังจะส่งสำเนาให้ท่าน ชี้โพรงให้กระรอกแบบนี้ก็ขอคำนิยม “โมเดลอีสาน เล่มที่2″ เสียเลย อิ.

เมื่อไม่กี่วันนี้

เจอคนขายดอกไม้เป็นช่อเล็กๆ

เธอเล่าว่าเอาไว้ขาย..ให้วัยรุ่นสาวๆซื้อไปให้หนุ่มหล่อที่พอใจ

โอ้ยโย่! คำว่า ก ร ะ ช า ก วั ย ไม่ทันกินแล้ว

เดี๋ยวนี้ ถึ ง ขั้ น ก ร ะ ช า ก ใ จ กันแล้วเน้อ

ต่อไปจะพัฒนาการสื่อสารหัวใจจะไปถึงไหนๆก็ไม่รู้

กลับมาถึงบ้านเห็นจดหมายกองอยู่บนโต๊ะปึกหนึ่ง อ่านแล้วหงุดหงิดเป็นบ้า เป็นจดหมายที่ส่งล่าช้ามาก เมื่อก่อนไม่เป็นอย่างนี้ แสดงว่าระบบการจัดการไปรษณีย์ตำบลสนามชัยถอยหลังเข้าคลอง นึกจะส่งก็มาส่ง ไม่ได้รับผิดชอบเลยว่าเนื้อหาในจดหมายบางทีมีเรื่องเร่งด่วน เที่ยวนี้ผมโดนเข้าไปหลายกระทอก เช่น

1. สภาพัฒน์ฯเชิญประชุมเรื่อง”การเตรียมความพร้อมของประเทศไทยเข้าสู่ประชามอาเชี่ยน(AC) ระหว่างวันที่ 16-18 กันยายน 2554 จดหมายส่งมาให้ตอบรับภายในวันที่ 31 สิงหาคม ผมเพิ่งจะได้รับวันนี้ เอกสารส่งทางEMS.ด้วยนะ เท่าที่อ่านเป็นเรื่องเชิงนโยบายเสียด้วยสิ นายกรัฐมนตรีใครต่อใครมาปาฐกถา มีการแบ่งกลุ่มวิเคราะห์แผนงานฯลฯ แสดงว่าEMS.เชื่อถือไม่ได้แล้ว ระบบราชการควรจะพัฒนาการส่งเอกสารทางไหนดี

2. มหาวิทยาลัยอุบลเชิญประชุมวิชาการระดับชาติประจำปี 2554 ระหว่างวันที่ 8-9 กันยายน 2554 โดยมีการดำเนินกิจกรรมภายใต้กรอบแนวทางการปฏิรูปการศึกษารอบสอง เพื่อส่งเสริมการพัฒนาระบบอุดมศึกษาไทยให้สามารถทัดเทียมได้กับสากล มีเรื่องน่าสนใจมากมาย เช่น

- พัฒนาคุณภาพบัณฑิตยุคใหม่

- พัฒนาคุณภาพครูยุคใหม่

- เรื่องTQF สาขาครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์

- พัฒนาคุณภาพสถานศึกษาและแหล่งเรียนรู้ยุคใหม่

- พัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการใหม่

- ประกาศเกียรติคุณ และผลงานคุณภาพ

เอกสารฉบับนี้มาถึงวันที่ 14 กันยายนครับพี่น้อง หน่วยงานที่เชิญอาจจะมองว่าผมนี่เหลวไหลไม่ใส่ใจไปร่วมประชุมก็ได้

3.  หนังสือด่วนที่สุด จากสภาการศึกษาแห่งชาติ ส่งแบบตอบรับครูภูมิปัญญาไทย(รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์) และมีการประชุมสัมมนาเฉพาะเรื่องระหว่างวันที่ 13-15 กันยายน 2554 ผมต้องตอบรับเรื่องการเดินทาง-เข้าที่พัก-และซักซ้อมพิธีการ จดหมายเพิ่งมาถึงเมื่อ2วันที่แล้ว ผมจะไปรู้เรื่องอะไรละครับ เขาให้ไปรับอะไรก็ไปทื่อๆยังงั้นแหละ เอกสารก็ไม่ได้ตอบรับ หน่วยงานอาจจะคิดว่า แก่แล้วไม่รู้ภาษาแถมยังหยิ่งอีกต่างหาก โธ่เสียแก่ก็อีตอนนี้แหละเธอ

4. เอกสารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาวิจัยทรัพยากรการเกษตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เชิญประชุมหารือแนวทางการดำเนินงานโครงการบัณฑิตจิตอาสา (ครั้งที่ 2) ทางสำนักฯใจดีมีให้เลือกว่าจะเข้าร่วมประชุมวันที่ 19 หรือวันที่ 26 เมื่อจดหมายได้รับช้า ผมก็รับนัดอบรมดูงานนะสิครับ จะไปร่วมประชุมกับจุฬาฯยังไงนี่ ผมถูกแต่งตั้งให้เป็นวิพุทธิยาจารย์อาสา(แปลว่าอะหยังฮึ) ผมมีคิวจะต้องไปสอนนักศึกษาในโครงการนี้ที่จังหวัดน่าน

เมื่อไม่ได้ไปร่วมประชุมจะไม่อาจหาญไปหน่อยรึที่จะไปดำน้ำสอน!

ไปรษณีย์ หรือ ไปรษหนี ทำพิษอีกแล้ว

5. อีกฉบับหนึ่งเป็นจดหมายมาจากท่านพระมหากฤษณะ ตรุโณ ผศ.ดร.เจ้าอาวาสวัดเรไร เขตตลิ่งชัน กทม. ท่านให้ความเห็นกับคำถามที่สัมภาษณ์มาทางจดหมาย โดยสังเขป ดังนี้

5.1 คำถามด้านอภิปรัชญา 1-2-3

5.2 คำถามด้านญาณวิทยา 1-2-3

5.3 คำถามด้านจริยศาสตร์ 1-2-3

5.4 คำถามด้านสุทรียศาสตร์ 1-2-3

5.5 คำถามด้านตรรกศาสตร์ 1-3-4

5.6 คำถามทั่วไป และความคิดเห็นอื่น

ท่านส่งคำตอบวันที่20 ท่านใจดีบอกว่า ถ้าตอบจะมีค่าตอบ 1,500 บาท อิ

6. ขณะที่ความเซ็งกำลังจู่โจมหัวใจ ได้รับจดหมายฉบับสุดท้าย เขียนด้วยลายมือบรรจง ในกระดาษขาวว่างเปล่าไม่มีเส้นบรรทัด แต่ตัวอักษรเรียงตรงเป็นระเบียบเรียบร้อย อ่านแล้วน้ำตาซึม ขออนุญาตแกะเอาทุกตัวอักษรดังนี้ > >

เรียนคุณสุทธินันท์ ที่นับถืออย่างยิ่ง

ดิฉันได้อ่านหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันอังคารที่ 30 สิงหาคม ที่มีบทความ”สุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ นักวิจัย “บ้านๆ” ปราชญ์ที่ไม่ยอมหยุดเรียนรู้” แล้วมีความรู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่งในเรื่องวิถีชีวิตของคุณตามที่เขียนเล่าไว้ ชวนให้ระลึกถึงคุณพ่อของดิฉัน พระยามไหสวรรย์ ในอดีตเป็นผู้ที่มีรักความรักในเศรษฐกิจการเกษตร และดิฉันมีโอกาสทำงานที่ห้องสมุดธนาคารแห่งประเทศไทย ได้เรียนรู้เรื่องนี้เสมอมา จึงขอแสดงความชื่นชมในกิจการงานอันทรงคุณค่าสูงส่งของคุณ

ด้วยความปรารถนาดียิ่งจริงใจ ขอให้คุณดำเนินการทุกสิ่งที่คุณรักพึงพอใจ เป็นผลดียิ่งยิ่ง เพื่อชีวิตอันทรงคุณค่าของคุณ และความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติ

ดิฉันจะติดตามเรียนรู้เรื่องที่น่าสนใจในกิจการที่คุณจะดำเนินการอีกในอนาคต

ด้วยความนับถือยิ่ง

กัทลี สมบัติศิริ

วันที่ 30 สิงหาคม พ..2554

หมายเหตุ : ขณะนี้ดิฉันมีอายุ 90 ปี ได้ทำบุญไปเมื่อกรกฎาคมปีนี้เอง

ท่านที่รัก

ได้อ่านจดหมายฉบับนี้แล้วลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจกับไปรษหนีข้างบนนั่นหมดเกลี้ยงเลยละครับ จดหมายของคุณย่า..

สะอาดทั้งตัวหนังสือ สะอาดทั้งในความรู้สึก

คืนนี้จะอ่านสัก 100 รอบ แล้วจะตอบจดหมายคุณย่า นะครับ



Main: 0.091916799545288 sec
Sidebar: 0.29039311408997 sec