ฮูบแต้มแคมของ : บทกวียามเช้า
ไม่รู้จะเริ่มต้นเขียนเรื่องค่ายฮูบแต้มแคมของยังไง เพราะมีเรื่องมั่ว ๆ อยู่ในหัวเสียเต็มประดาจะแคะออกมาก็กลัวเรื่องอื่น ๆ จะรั่วออกดังนั้นจึงขอเริ่มด้วยเรื่องง่าย ๆ ที่แสนจะสนุกสนานก่อน
ที่ค่ายเรานัดหมายเด็ก ๆ เริ่มต้นกิจกรรมยามเช้าตอนหกโมงเช้าเพราะว่าแสงอรุณวันใหม่กำลังจะเริ่มทอแสง แต่ความเป็นจริง เด็ก ๆ จะตื่นเช้ากว่าเรามาก พี่ๆ ทีมงานหลายคนยังคงคลุมโปง นอนขุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่ม แต่ไม่นานหรอกคงจะตื่นเพราะเสียงของเด็ก ๆ เจื้อยแจ้วอยู่ตลอดเวลา จนไม่สามารถนอนต่อไปได้
กิจกรรมยามเช้าของทุกวันในค่ายฮูบแต้มแคมของ พี่ ๆ ศิลปินจะพาเด็ก ๆ พร้อมด้วยสมุดบันทึกและปากกาเดินทางออกจากวัดป่าวิเวกสถานที่จัดค่ายไปรับอรุณในสองพื้นที่ วันแรกเราพาเด็ก ๆ ไปเดินทุ่งนาที่มีน้ำค้างเกาะบนยอดหญ้า ใบข้าวเขียวขจรงดงามและเสียงอุ่น ๆ กำลังทาบทาขอบฟ้า เหล่านกน้อย ผีเสื้อและทุกชีวิตกำลังเริ่มต้นวันที่สองเราพาเดินเลาะป่าช้าที่ต้นไม้ครึ้มเพื่อไปท้ายหมู่บ้าน
ที่ท้องทุ่งอาจารย์นพดล ชาสงวน(จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร)และพี่ ๆ เชิญชวนเด็ก ๆ มอง พิจารณาและอิ่มเอมไปกับสภาพแวดล้อมที่เห็น บ้างไปเป็นกลุ่ม บ้างไปเป็นคู่ หลายคนเดินเดี่ยงลงท้องทุ่ง มุ่งไปตามคัน(แท)นาที่คดเคี้ี้ยวเลี้ยวลด บางคันแทก็ตรงดิ่ง มุ่งลงไปยังใจกลางของท้องทุ่ง เด็กๆ ต่างยืนกวาดสายตาไปรอบ ๆ เพื่อเห็นภาพกว้าง ๆ หลายกลุ่มจ้องมองลงที่พื้นหญ้าที่อาบน้ำน้ำค้าง
หลังจินตนาการและการอิ่มเอมทางสายตาสุกงอม ปลายปากกาของเด็กจรดลงบนสมุดบันทึกของแต่ละคน ต่างคนต่างร่ายบทกวีสามบรรทัด ซึ่งเป็นบทกวีที่ไม่มีกฎเกณฑ์ใดใดให้แก่เด็กต้องยากในการเขียน หรือไม่มีอุปสรรคขวางกั้นจินตนาการ รูปแบบการเขียนบทกวีที่ปล่อยให้เด็กถ่ายทอดสุนทรียภาพออกมาให้คนอื่นเข้าใจและชื่นชมความงามนั้นผ่านตัวอักษร
“น้องน้ำฝน” เด็กหญิงวัยเก้าปี มานั่งข้าง ๆ และยื่นบทกวีให้ผมอ่าน หลังกวาดสายตาอย่างช้า ๆ ผมก็ถึงกับอึ้งถึงบทกวีที่ยิ่งใหญ่ของเด็กหญิงที่ไร้เดียงสาตัวเล็ก ๆจากบ้านนาริมน้ำของ แม้น้ำของที่บ้านเธอแม้จะเป็นสีปูนแต่บทกวีของเธอกลับใสดังน้ำฝนเหมือนชื่อเธอ บทกวีที่ผ่านมือของเด็กน้อยช่างเป็นบทกวีที่ซื่อบริสุทธิ์และงามสำหรับผมมาก
หลังจากกิจกรรมเดินทุ่งเสร็จ พี่ ๆ ให้เด็ก ๆ เอาสมุดบันทึกมารวมกันเป็นกลุ่ม ๆ พี่ ๆ ประจำกลุ่มต่างเปิดอ่านบทกวีและโสแหล่กันถึงความสนุกสนานและความงามของการเขียนบทกวีของเด็ก ๆ ดังนั้นในเวลาว่างเราจึงเอาบทกวีคัดสรรมาอ่านให้เด็ก ๆ ในค่ายฮูบแต้มแคมของฟัง หลายคนได้ยินบทกวีของตนเองถูกนำมาอ่านต่างยิ้มเขินอาย
นี่เป็นบทกวีที่คัดเอามาลงไว้ในบันทึกนี้ เพื่อให้หลายท่านที่ติดตามได้อิ่มเอมกันหมอกเบาบางในยามสาย
-
โอ้ต้นไม้ต้นหญ้าช่างงดงาม
-
นั้นเจ้ากบโดดอ๊บอ๊บ
-
กลางทุ่งนา (จุฑามาศ เปรมศักดิ์หรือน้องน้ำฝน)
-
ไม่เหมือนฉันร้องเพลงเพราะกว่านกน้อย
-
นั้นหมู่นกร้องจิ๊บๆ ช่างไพเราะ
-
นั้นหนอนน้อยดิ้นไปมากลางทุ่งนา (จุฑามาศ เปรมศักดิ์หรือน้องน้ำฝน)
- ท้องฟ้ายามเช้าสดชื่นแจ่มใส
- ดอกไม้บานชื่นสวยสด
-
ตัวมดน้อยและแมลงก็ตื่นพลัน(นัทธรวดี รูปดี)
แสงแดดจ้าขึ้นทุกขณะ เราพาเด็ก ๆ เดินกลับวัดซึ่งอยู่ไม่ไกล เตรียมตัวอาบน้ำแปรงฟันและรอรับประทานอาหารเช้าที่แสนอร่อย สำหรับบันทึกนี้ขอให้ท่านอร่อยกับบทกวีของเด็ก ๆ ชาวหว้านใหญ่ ครับ
(ขอบคุณภาพสวย ๆจากกล้องอาจารย์อุดมรัตน์ ดีเอง)
เสียดายที่พี่ต้องกลับก่อนเพราะต้องลงกรุงเทพฯ ไปประชุม เห็นภาพแล้ว ชื่นใจ ออต เห็นห้องเรียนที่กว้างขวาง ไร้ขอบเขต แล้วชื่นจายยย
ความคิดเห็น โดย bangsai — กันยายน 4, 2009 @ 16:38
โอย โอ่ย โอ้ย ……..คิดถึงเด็กๆ และพี่เลี้ยงทุกๆ คน ที่ร่วมแรงแข็งขัน จัดค่ายนี้สร้างความประทับใจอาม่ามาก ขอบคุณออตมากค่ะ ที่ทำให้อาม่ามาเรียนรู้อะไรมากมายเหลือเกิน…..ขอบคุณท้องฟ้า ขอบคุณอากาศ ขอบคุณน้ำ ขอบคุณข้าวทุกเมล็ด ขอบคุณวัดป่าวิเวก พุทธศาสตร์ ธรรมชาติ ที่สร้างคนให้มีคุณค่า ประดับบ้านเกิด ภูมิใจในบ้านเกิดเมืองนอน เป็นตัวอย่างเป็นแบบอย่างที่นำไปเผยแพร่ ให้คนในชุมชน เห็นความสำคัญในชุมชน ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวของโลกที่ไม่มีใครเหมือน ที่มีธรรมชาติ มีศิลปวัฒนธรรมที่แสนงดงามน่าหวงแหนยิ่งนัก
ความคิดเห็น โดย Lin Hui — กันยายน 4, 2009 @ 21:19
ขอบพระคุณผู้ใหญ่ใจดีจากลานปัญญาทั้งสองท่านมากครับ
เด็ก ๆ จะจดจำภาพแห่งความงดงามของค่ายนี้ตลอดไป
ความคิดเห็น โดย ออต — กันยายน 5, 2009 @ 11:19
อิ่มเอมในความงาม ความสุข และความหวัง
ขอบคุณนะคะออต
ความคิดเห็น โดย dd_l — กันยายน 6, 2009 @ 20:38
ขอบพระคุณครูอึ่งมากครับ
ความคิดเห็น โดย ออต — กันยายน 7, 2009 @ 17:48