๔๓.ลงพื้นที่จริง๗

โดย อัยการชาวเกาะ เมื่อ 22 สิงหาคม 2008 เวลา 22:55 ในหมวดหมู่ เสริมสร้างสังคมสันติสุข #
อ่าน: 7654

          เราขึ้นรถบัสเดินทางกันต่อ ระหว่างนั่งรถเราก็ถามกันว่ารู้สึกอย่างไรกันบ้าง บังยุบบอกแสบจมูก ผมรู้สึกว่าคอแห้งๆ ครูบาก็บอกรู้สึกหายใจขัดๆ  แล้วเราก็คุยกันด้วยความสงสัยว่า คนที่เขาป่วยเขาคิดอย่างนี้  คนอยู่ได้เขาคิดอย่างไร เราน่าจะมีโอกาสไปคุยกับคนที่เขาอยากให้มีโรงงานอุตสาหกรรม ผมกับบังยุบคุยกันเรื่องยางพาราที่เห็นปลูกอยู่ข้างทางว่าไม่รู้เขาทำเป็นแผ่นแบบบ้านเราไหมหรือเขาขายเป็นน้ำยาง แล้วบังยุบก็เปรยขึ้นมาว่ามันก็ยากเหมือนกันนะ ที่จะให้เลิกโรงงานอุตสาหกรรม ผมบอกว่า แค่ให้หยุดเฉยๆไม่ทำต่อก็ยังยากเลย เพราะก่อนจะสร้างมันต้องมีการสำรวจวิจัย ลงทุนไปเท่าไหร่แล้วจะให้เขาเลิกเฉยๆ ใครจะรับผิดชอบเงินลงทุน…เราชวนกันดูแม่น้ำลำคลองว่าสีมันแปลกๆไม่เหมือนบ้านเรา

          รถบัสพาเราดูไปรอบๆ เราเห็นมันสำปะหลังยังเหี่ยวเลย..อิอิ แล้วเราก็ยังคุยกันถึงเรื่องรายงานกลุ่มว่า เอ…แล้วเราจะมาเขียนเรื่องเดิมๆกันอีกหรือ เราไปค้นในอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับเรื่องมาบตาพุดก็มีรายงานเพียบ เราควรจะทำอะไรที่เห็นเป็นรูปธรรม แต่เราคิดอีกทีมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เรากำลังศึกษาความขัดแย้งระหว่างอุตสาหกรรมขนาดใหญ่กับชุมชนขนาดเล็ก ความขัดแย้งระหว่างภาคอุตสาหกรรมกับเกษตรกรรม ความขัดแย้งระหว่างนายทุนกับคนจน โลกาภิวัฒน์กับชุมชนท้องถิ่น แล้วท้องถิ่นก็ไม่ได้สู้ในทิศทางเดียวกัน มันจะสู้กันอย่างไร สิ่งที่เราเห็นอีกอย่างก็คือชุมชนท้องถิ่นพูดด้วยความรู้สึก ไม่ได้พูดด้วยข้อมูล แต่ถูกโต้ตอบด้วยข้อมูลวิชาการ ว่ากันด้วยเหตุผลชาวบ้านแพ้ทุกที..เฮ้อ….
          ผมคุยกับบังยุบเรื่องสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ พูดถึงการทำข้อมูล ที่ทางรัฐไม่ทำข้อมูลที่น่าจะทำ เรื่องนี้เอาไว้ขยายตอนเราลงไปภาคใต้ดีกว่าเดี๋ยวการลงพื้นที่ไประยองจะยาวออกไปเรื่อยๆ เดี๋ยวจะไม่มีคนอ่าน เพราะมันยาวเกิน อิอิ….

          รถบัสพาเราไปดูโรงพยาบาลมาบตาพุด และให้เราดูกองขยะของเจนโก้ที่อยู่ติดกับโรงพยาบาลซึ่งมีการฝังกลบและมีการปลูกต้นไม้บังไว้ แล้วพาเราดูไปรอบๆนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และให้เราดูบ่อบำบัดน้ำเสีย  ช่วงนี้คุณสุทธิ ไม่ได้อยู่บนรถเราจึงไม่มีใครบรรยาย  เราก็เลยคุยกันเอง  คุณสุทธิขึ้นมาบนรถแล้วอธิบายให้พวกเราฟังต่อ พาเราไปดูภูเขาขยะของเจนโก้ และอธิบายให้เราฟังว่า เจนโก้ เกิดจากมติครม. เหมือนกับ East water ที่มาจัดการเรื่องน้ำ ซึ่งก็เกิดขึ้นโดย ครม.เหมือนกัน แต่ปัญหาของเจนโก้ขณะนี้คือปริมาณขยะที่เข้ามาสู่เจนโก้ลดลงไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่รู้ว่าเกิดจากมีลักลอบเอากากของเสียไปลักลอบทิ้งมากขึ้น เพราะค่ากำจัดกากของเจนโก้มีค่าใช้จ่ายสูงหรือเพราะระบบการจัดการกากของเสียหรือขยะของโรงงานแต่ละโรงงานดีขึ้น 
          ในปี ๒๕๕๐ พบว่ามีการลักลอบนำกากของเสียไปทิ้ง ๑๑ ครั้ง และเคยจับได้ของบริษัท สยามยาโมโตะที่จับได้เพราะมีฉลากของสยามยาโมโตะติดอยู่ในกองของเสียดังกล่าว มีการแจ้งความดำเนินคดีมีการปรับ ๒๐๐,๐๐๐ บาท แล้วเอากากของเสียออกแต่ไม่มีการบำบัดไม่ให้น้ำบ่อตื้นปนเปื้อนนั้นไม่มี ชาวบ้านต้องการให้มีการบำบัดและให้บริษัทจ่ายค่าใช้จ่าย  ชาวบ้านเสนอให้รถขยะติด GPS เพื่อจะได้ตรวจสอบได้จากต้นทางไปถึงปลายทาง เนื่องจากมีการตัดตอนให้บริษัทรับขนไปอีกต่อหนึ่ง โรงงานจึงปฏิเสธความรับผิด 
           เรานั่งรถผ่านกองขยะขนาดใหญ่ของ บ.เจนโก้ และคุณสุทธิเล่าให้ฟังว่ากองขยะกองนี้ยังรับได้อีก ปี ๒๕๕๐ ท่านนายกฯสุรยุทธ์ ก็เคยมาดูที่นี่ พวกบริษัทก็เลยร่วมกันลดกำลังการผลิต ระบายให้น้อยลง นายกฯ บอกว่าโรงงานที่นี่สะอาด  อีกวันหนึ่งนายกฯมาที่การนิคมฯ ชาวบ้านไปยื่นข้อเรียกร้อง นายกฯออกจากห้องประชุมมาบอกว่าที่ดีระบบดีมาตั้งแต่บ่ายโมงถึง ๕ โมงเย็นยังไม่เหม็นเลย ชาวบ้านก็เลยอยากให้นายกฯมาทุกวัน ฮา….
          เราเห็นโรงไฟฟ้าถ่านหินของบริษัท โกร  แถวนิคมอุตสาหกรรทมาบตาพุดอยู่ติดกับทะเลโรงงานไฟฟ้าก็ยื่นลงไปในทะเล ทำท่าเทียบเรือน้ำลึกก็ต้องถมที่ลงไป ชาวบ้านเป็นห่วงว่าหากเกิดสึนามิจะทำอย่างไร บรรดากากของเสียจะกระจายไปเต็มพื้นที่ ถ่านหินจะเป็นอย่างไร..เอ…มันก็น่ากลัวอยู่เหมือนกันนะ….

          เราผ่านกองกากของเสียของเจนโก้และคุณสุทธิอธิบายว่าบริษัทฯอ้างว่าผ้าที่คลุมนี่มีความหนาและแข็งแรงมากขนาดยิงด้วยปืนยังไม่เข้า พวกเราหันไปมอง ผมหัวเราะก๊ากเลยเพราะผมเห็นผ้าคลุมขาดถูกลมตีเพยิบๆ เสียดายว่ากล้องผมแบตเตอรี่หมดเลยไม่มีภาพมาให้ดู อิอิ

          ระหว่างทางลุงน้อย ใจตั้ง ซึ่งขึ้นรถมากับเราด้วยก็มาอำลาและเล่าความในใจให้พวกเราฟังว่า ลุงแกน้อยใจว่าทำไมโรงกำจัดขยะของเจนโก้ต้องมาสร้างใกล้กับโรงพยาบาล คนไข้ใกล้จะตายแล้วยังให้อยู่กับกองขยะที่เหม็นๆ ไม่สมควรจะเป็นแบบนี้  ลุงน้อยพูดถึงตระกูล “โสภณ” ที่มอบที่ดินนับร้อยไร่ให้สร้างโรงพยาบาล วั ด โรงเรียน สถานีตำรวจ ฯลฯ และคนในตระกูลโสภณ ต่อสู้เรื่องเอาทางสาธารณะไปเพราะตระกูลเขาเป็นผู้บริจาค  และในที่สุดก็ตาย…..ที่แถวนี้แต่ก่อนเป็นทุ่งนา มาถึงปัจจุบันเป็นของโรงกลั่น ARC  ผมฟังลุงน้อยพูดได้ยินมั่งไม่ได้ยินมั่งเพราะปากลุงแกตรงกับไมค์มั่งไม่ตรงไม่  ลุงเล่าให้ฟังว่าบ้านของลุงอยู่แถวนี้ มีที่ดินอยู่ ๑ ไร่ ๑๓ ตารางวา มีบ้านอยู่ ๓ หลัง เขาให้ค่าเวณคืนสามแสนบาท ค่าที่ดินไม่ได้ แกบอกว่าจะเอาเงินไปซื้อที่ดินใหม่ ๒ งาน สามแสนซื้อไม่ได้ แถวนี้ตำบลมาบตาพุด และตำบลเนินพระถูกเวณคืนทั้งหมดใกล้ทางไร่ละ ๒๐,๐๐๐ บาท ลึกเข้าไป ๑๐๐ เมตร ไร่ละ ๑๐,๐๐๐ บาท ลึกที่สุด ๘,๐๐๐ บาท ตอนแรกบอกว่าจะตั้งโรงแก๊ส แล้วจะตั้งโรงปุ๋ย แต่มาวันนี้ไม่มีโรงปุ๋ย กลายเป็นของ ปตท.ไปแล้ว ที่ดิน ๔๐๐ ไร่

          ลุงน้อยเจ็บใจที่เวณคืนจากชาวบ้านไร่ละหมื่นสองหมื่น แล้วเอาไปขายต่างชาติไร่ละ ๕๐๐,๐๐๐ บาท นี่คือความเจ็บปวดของชาวบ้าน แล้วลุงน้อยก็ลาพวกเราไป

          เราไปรับรู้ความเจ็บปวดความเดือดร้อนของชาวบ้านกันมาทั้งวัน กลับถึงที่พักนั่งพักผ่อนไม่ทันไรผมกับครูถูกเรียกตัวไปซ้อมละครอีก…รับหลายหน้าที่เหลือเกิน เสียดายที่ต้องไปเป็นตัวแสดงเลยไม่ได้ถ่ายภาพ ลองไปอ่านบันทึกของครูบาดูสิครับว่าละครพระอภัยมณีตอนปี่หาย สะแด่วแห้วยังไง อิอิ ตามไปอ่านที่นี่ครับ  บทละคร ตอนพระอภัยปี่หาย

 

« « Prev : ๔๒.ลงพื้นที่จริง๖

Next : ๔๔.ลงพื้นที่จริง๘(พบภาครัฐ) » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

1483 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 5.2982199192047 sec
Sidebar: 0.42336916923523 sec