เรียนรู้คนเป็นโรคไตเสื่อม 1

โดย นักการหนิง เมื่อ 22 ตุลาคม 2009 เวลา 8:58 (เย็น) ในหมวดหมู่ เรื่องเล่าจากลานดีดี #
อ่าน: 12596

เรื่องนี้ไม่ได้เล่า เพื่อขอความสงสาร ความเห็นใจใดๆ ทั้งสิ้น  นักการหนิงและสามีเองก็มีกำลังใจดีเยี่ยม  เรียนรู้ที่จะดูแลตัวเองและอยู่กับโรคอย่างเป็นปกติสุขที่สุึด  แต่ที่เล่าเพื่อให้เป็นวิทยาทานแก่บุคคลทั่วไป ด้วยการสาธารณสุขของไทยเน้นการรักษาเมื่อเจ็บป่วย  ไม่ได้เน้นการให้ความรู้เพื่อให้ปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันให้ถูกต้อง  การเล่าเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องเล็ก เรื่องหนึ่งที่จะสามาีรถทำให้ผู้อ่านได้ประโยชน์และเข้าใจในการดูแลสุขภาพตนเองค่ะ

ชีวิตของนักการหนิงซึ่งอยู่ที่เมืองพิษณุโลก  ความเป็นเมืองใหญ่ก็มากขึ้นๆ  ตามการเจริญเติบโตของเมือง  จนกระทั่งวิถีชีวิตกลายเป็นคนเมืองที่เป็นคนชั้นกลางระยะต้น

ชีวิตเหมือนคนทั่วไป คือมีสามี  แต่ไม่มีลูก  ด้วยความเป็นมนุษย์เงินเดือนเช้าของทุกวันก็ไปทำงานตามปกติ  ยามว่างอ่านหนังสือ เที่ยวต่างจังหวัด ต่างประเทศ มีคนทำงานบ้าน ทานอาหารทำเองผสมกับทานนอกบ้านบ้าง  วันเสาร์อาทิตย์ก็ไปงานเลี้ยงต่างๆ  บางวันกลับเร็วหน่อยก็ตีหนึ่ง    พยายามตักตวงสิ่งต่างๆ เพื่อให้ตนเองมีความสุขตามที่เราคิด หรือตามคำนิยามของสังคม

เริ่มสะสมทรัพย์สินเพื่อความมั่นคงของชีวิต  ด้วยการกู้เงินธนาคารเพื่อสร้างบ้านเมื่อปี 2538  กู้เงินซื้อรถยนต์  ผ่อนกันตัวโก่งละค่ะ

อยู่ๆ มาวันหนึ่งเมื่อประมาณปี 2545 ขณะืีที่ขับรถกลับจากทำงานได้ฟังวิทยุกระจายเสียงพูดเรื่องการตรวจสุขภาพประจำปี  เขาบอกว่าใครที่ตรวจปัสสาวะแล้วพบไข่ขาว ก็ให้ตรวจหานิ่วในไต  ถ้าตรวจแล้วไม่เจอจริงๆให้ไปพบผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคไต  ได้ฟังอย่างนั้นก็สะกิดคนข้างกายให้ไปพบหมอ และทำอย่างที่เขาบอก ตรวจอัลตราซาวน์หานิ่ว  และหาสาเหตุของการมีไข่ขาวในปัสสาวะ  ตรวจไปตรวจมาก็มาพบว่าเป็นโรคไตจริงๆ ด้วย  แต่เป็นโรคไตเสื่อม  ด้วยสาเหตุอะไรก็ไม่ทราบ (หมอไม่ได้บอก)  และหมอก็บอกว่าต้องเจาะไตหาสาเหตุ

เกิดอาการเถียงหมอขึ้นมาเลยค่ะ  ไปถามไถ่พี่ๆ พยาบาลบ้าง  คนโน้นคนนี้บ้าง แต่ก็ไม่ได้ถามหมอโรคไตโดยตรง

สุดท้ายก็ไปหาหมอผู้เชี่ยวชาญอายุรกรรมโรคปอด  ด้วยความที่รู้จักเครือญาติกัน ท่านก็ดีใจหาย ลองช่วยดูแลความดันโลหิตและตรวจหาค่าของเสียในร่างกายอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายท่านก็บอกว่าน่าจะต้องเจาะไตจริงๆ  แล้วก้นัดให้ไปพบหมอผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ก็ตรวจๆ วัดๆ อะไรกันพักหนึ่งก็สั่งเจาะไต

วันนั้นคุณสามีเธอก็เข้าโรงพยาบาลตามที่หมอสั่ง  ต้องนอนคืนหนึ่งก่อนเจาะ  เธอก็ไม่ให้ใครนอนเป็นเพื่อนบอกว่านอนเองได้

รุ่งเช้าเธอก้บอกว่าไปทำงานเถอะ เจาะไตแค่นี้คงไม่เป็นอะไรมาก  พอสักสิบเอ็ดโมงเช้า เธอก็โทรศัพท์หาบอกว่ามาดูหน่อยปวดมากเหมือน  นักการหนิงก็ห้อตะบึงรถไปโรงพยาบาล  หมอเจาะไตให้แล้ว และให้นอนทับหมอนทราย 24 ชั่วโมงเพื่อเป็นการห้ามเลือด  พอออกจากห้องผ่าตัดสักสองสามชั่วโมงอาการปวดคงมากขึ้นค่ะ  จึงเรียกหา…

ปวดมากขึ้น มากขึ้น ฉีดยาก็เงียบๆ ไปสักสามชั่วโมงแล้วก็ปวดอีกเพิ่มขึ้นๆ บ่าย เย็น ดึก อาการปวดก็มากขึ้นๆ  ช่วงตีสามหมอต้องมาวัดการเต้นของหัวใจดู เพราะปวดมากๆ

คืนนั้น นักการหนิงก็พาลไม่ได้นอนไปด้วย  เช็ดตัวให้ก็แล้ว นวดตามแขนตามขาให้ก็แล้ว

จนกระทั่งตีห้า พยาบาลนำหมอนทรายออก  เท่านั้นเองอาการปวดก็หายเป็นปลิดทิ้ง

สองสามีภรรยาจึงได้เริ่มหลับไป แป๊บหนึ่ง 15 นาที พยาบาลก็เข้ามาวัดไข้ ตรวจถุงปัสสาวะ วัดความดัน เข้าออก เข้าออกสักสองรอบ  ก็หลับต่ออีก พักหนึ่ง ผู้ช่วยพยาบาลก็เข้ามานำเสื้อผ้ามาให้ บอกว่าล้างหน้าแปรงฟันเช็ดตัวด้วย  สักประมาณ 7 โมงก็มีข้าวต้มเหลวๆ มาให้  สรุปว่าช่วงตีห้าถึงเจ็ดโมงเช้าก็หลับๆ ตื่นๆ  จนกระทั่ง 8 โมง เริ่มหลับกันอีกรอบหนึ่ง  เก้าโมงเช้าหมอมาตรวจอีกรอบหนึ่ง ดูรายงาน ของนางพยาบาล และก็แจ้งให้ออกโรงพยาบาลได้  หมอบอกว่าเป็นโรคไตจริงๆ แต่เป็นไตเสื่อมระยะเริ่มต้น

เราสองคนจึงมาวิเคราะห์พฤติกรรมที่เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดขึ้นว่า  ทำไมถึงเป็นโรคนี้ได้ สาเหตุน่าจะมาจากสองสามประการ คือ

ประการที่ 1 พฤติกรรมการกิน  อย่างที่ฝรั่งมักพูดว่า You are what you eat.   ชอบทานเค็ม ชอบทานเนื้อสัตว์มากๆ ทานอาหารที่มีผงชูรส  ชอบทานของหมักดองเป็นชีวิตจิตใจ

ประการที่ 2 พฤติกรรมการดูแลสุขภาพ  ด้วยความที่เป็นคนดื่มสุรา และโดยปกติแล้วเป็นโรคภูมิแพ้ ทางเดินอากาศอยู่แล้วจึงเกิดวงจรหนึ่งขึ้นในชีวิต นั่นคือ ดื่มเหล้าสองสามวัน  แล้วก็ป่วยเป็นหวัด อีกสักสี่ห้าวันก็เริ่มไปไซนัส ก็ไปหาหมอ หมอให้ทานยาแก้อักเสบ ก็ทานยาไป ดื่มเหล้าไป พอเริ่มหายก็เริ่มเป็นอีก วงจรนี้เกิดมานับสิบกว่าปี

ประการที่ 3 คนเหนือบางคนใ้ช้วิธีีหาปลาด้วยการเบื่อปลา ด้วยยาเบื่อแล้วนำมาขายในตลาด ที่บ้านของคุณสามีก็เช่นกันมักทานปลาที่ผ่านกระบวนการนี้มาตั้งแ่ต่เด็กๆ

ส่วนประการอื่นๆ ก็ไม่รู้….

เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่าเป็นไตเสื่อมแน่นอน ความมึนเมา  ความเครียด วิตกกังวล  ความกลัว แต่อารมณ์ต่างๆ ก็เกิดขึ้นกับสองสามีภรรยา  ที่เป็นมากคือคุณสามีค่ะ เธอปฏิเสธไม่ยอมรับการเป็นโรคนี้

ชีวิตก็ต้องผ่านไปค่ะ การเรียนรู้ตรงจุดนี้เป็นจุดสำคัญของชีวิตอีกครั้งหนึ่ง

ติดตามตามที่สองนะคะ  แต่ขอเรียนบอกวัตถุประสงค์ว่าเล่าเพื่อเป็นวิทยาทาน และไม่ต้องการความสงสารและเห็นใจค่ะ

« « Prev : ครบรอบหนึ่งปีการเป็นสมาชิกชาวลานปัญญา

Next : เมื่อพ่อครูต้องไปนวด » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2128 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 8.7035698890686 sec
Sidebar: 0.015918970108032 sec