ร่วมเป็นวิทยากรให้กับงานมิตรภาพบำบัด

โดย นักการหนิง เมื่อ 19 เมษายน 2009 เวลา 4:59 (เย็น) ในหมวดหมู่ เรื่องเล่าจากลานดีดี #
อ่าน: 47085

จากการเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายในจังหวัดพิษณุโลก  เกิดสิ่งดีดีขึ้นในการร่วมสุนทรียสนทนาในทุกๆ รอบที่พบกัน มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันแล้ว และได้มีการแลกเปลี่ยนบุคลากรเพื่อถ่ายทอดสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการที่นักการหนิงและนักการอิ่มที่ได้รับเชิญจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขตพิษณุโลก คือ พี่อิ้ดและคุณโม่ง แห่ง สปสช. และผู้อำนวยการ นพ.ภูวนนท์ เอี่ยมจันทน์ รวมทั้งพี่โต้ง และอาจารย์หมอนิพัธ แห่งโรงพยาบาลพุทธชินราช  เปิดโอกาสให้สองนักการไปร่วมเป็นวิทยากรในโครงการมิตรภาพบำบัด เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2552 

การทำงานเป็นทีมจำเป็นต้องพูดคุยกันก่อน  วันที่ 14 มกราคม พี่อิ้ดนัดให้สองนักการไปคุยกันที่โรงพยาบาลพุทธชินราช ว่าแล้วสองนักการก็ตุเลงๆ กันไปโรงพยาบาล เดินสวนกับอาจารย์หมอนิพัธ  อาจารย์บอกให้ไปคุยที่ห้องทำงานพี่โต้งเลย  พอไปถึงห้องทำงาน  พี่ๆ นั่งประชุมกันอยู่ เห็นสบายๆ คุยไปด้วย กินไปด้วย.. คุยกันแบบไม่ค่อยเข้าใจบทบาทตัวเองเท่าใดนักแต่ก็เดินหน้า

กิจกรรมที่เราต้องเป็นวิทยากรเป็นภาคบ่าย  แต่ด้วยว่าการจะเข้าถึงสิ่งใดจำต้องรู้จักและสัมผัสพอสมควร  เราสองนักการจึงต้องไปฝังตัวกับผู้เข้าร่วมโครงการทั้งวัน 

ได้ฟังเรื่องราวของ นพ.สงวน  นิตยารัมภ์พงศ์ ผ่านการขับบทกลอนบอกเล่าเรื่องราว   ………. ต่อด้วยโครงการมิตรภาพบำบัดของโรงพยาบาลพุทธชินราช ซึ่งดำเนินก้าวหน้าไปอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะมิตรภาพบำบัดของผู้เป็นมะเร็งเต้านม ซึ่งผู้ป่วยจะมีความรู้สึกเหมือนตกตึก 10 ชั้นทันทีที่ได้ยินคุณหมอบอกว่าเป็นมะเร็งเต้านม  จิตอาสาของมิตรภาพบำบัดจะช่วยตรงนี้ได้มาก  เพราะคุณหมอไม่มีเวลาที่จะโอบอุ้ม หล่อเลี้ยงจิตใจของผู้ป่วยกลุ่มนี้…..  ตรงนี้นักการหนิงยืนยันได้  เนื่องจากตัวเองเป็นคนไข้คนหนึ่งที่ต้องพบคุณหมอที่คลีนิคเต้านมทุก 3 เดือนเช่นกัน  คนไข้ที่คลีนิคเต้านมจะมากที่สุด  คุณหมอใช้เวลาตรวจถึง 5 โมงเย็นทุกวันจะมีเวลาที่ไหนกัน แค่ตรวจก็แย่แล้ว อาสาสมัครเหล่านี้ที่มาจากผู้ป่วยเอง ซึ่งบางคนยังเป็นอยู่  บางคนหายแล้วแต่ต้องติดตามอาการ ได้อุทิศเวลาให้ก้บผู้ป่วยรายใหม่ ๆ  เห็นแล้วน่าชื่นชมและปรบมือให้อย่างยาวนาน

จากนั้น  ได้มีการเรียนรู้การฟังอย่างตั้งใจ การสะท้อนกลับเรื่องราวที่ได้รับฟัง  โดยทีมของอาจารย์หมอนิพัธ

มื้อเที่ยง พักรับประทานอาหาร นักการอิ่มชวนให้ไปรับคุณแม่ซึ่งเดินทางจากบ้านที่เชียงรายมาพักตรวจสุขภาพต่างๆ และตรวจหาโรคที่ทำให้ความดันโลหิตสูงของท่านแกว่งตัวทั้งๆ ที่ทานยาลดความดันโลหิตสูงแล้ว  ทีแรกนักการหนิงเองก็อิดออดเกรงว่าแม่ไปแล้วจะทำตัวไม่ถูก ..  นักการอิ่มกลับยืนยันว่าไปเถอะ  แม่จะดูแลตัวเองได้เอง… จึงตัดสินใจไปรับทานมื้อเที่ยงและพาไปดูกิจกรรมด้วยกัน

ภาคบ่าย  มีการนำทำสมาธิผ่านสีรุ้งทั้ง 7 สี  ……  และมีการนำเข้าสู่การไคร่ครวญถึงการทำมิตรภาพบำบัดว่าที่ผ่านมาทำอย่างไรและผลเป็นอย่างไร  จากนั้นแบ่งกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นการทำงานที่ผ่านมา…นักการอิ่มรู้สึกว่าจะได้เข้ากลุ่มที่มีผู้ป่วยที่เป็นจิตอาสาหลากหลาย เช่น  ผู้ป่วยเอดส์  ผู้ป่วยโรคไต โรคหัวใจ  มะเร็งเต้านม

ส่วนนักการหนิงได้เข้ากลุ่มพยาบาลและ อสม.ที่เริ่มต้นทำโครงการหรือสนใจที่จะทำโครงการและสนใจที่จะเป็นจิตอาสา

หน้าที่ของวิทยากรกระบวนการจึงดำเนินขึ้น.จากโจทก์ที่ได้รับ..การพูดคุยในกลุ่มนักการหนิงทำยากเพราะยังไม่มีใครได้ทำตรงนี้เต็มตัว ทุกคนมาหาประสบการณ์เพื่อ..เป็นแนวทาง เป็นประกาย เป็นแรงบันดาลใจ…… …จึงตัดสินใจ …ขั้นแรก ถามว่าใครในกลุ่มมีประสบการณ์ในการทำมิตรภาพบำบัด  ใจลึกๆ หวังว่าคงมีพยาบาลหรือ อสม.คนใดคนหนึ่งได้ทำแล้ว จะได้ถ่ายทอดประสบการณ์และนำไปสู่การแลกเปลี่ยนได้…..คำตอบที่ได้รับคือ ยังไม่มีใครได้ทำ และจะมาฟังจากคนอื่นๆ ………  มาถึงตรงนี้นักการหนิงถามตัวเองว่าจะเอาอย่างไรดีหนอ…คำตอบที่ได้รับจากในใจคือปรับ     บทบาทนี้จึงต้องปรับเปลี่ยนความคิดนิดหนึ่ง

ขั้นตอนที่สอง  จึงบังเกิดขึ้นนักการหนิงขอให้สมาชิกในกลุ่มเล่าเรื่องราวที่คิดว่าใกล้เคีงกับมิตรภาพบำบัดที่ได้ดำเนินการไปแล้วหรือเริ่มต้น …จากงานประจำ..หลายคนยังงงอยู่มาก ไม่สามารถเล่าเรื่องราวอะไรได้  ความนิ่งงันเกิดขึ้นในกลุ่ม  นักการหนิงจึงเริ่มเรื่องราวที่ตัวเองและนักการอิ่มเริ่มทำในเรื่องสุนทรียสนทนา  การรู้จักตัวตนและการอยู่กับปัจจุบันขณะให้กับพนักงานเทศบาลนครพิษณุโลกให้กลุ่มฟัง  จากนั้นเริ่มโยนเวทีให้กับพยาบาลท่านหนึ่งจากโรงพยาบาลที่จังหวัดสุโขทัยที่มีท่าทีในความพร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยน…เมื่อฟังเรื่องที่สอง.เรื่องที่สาม  สี่ก็ตามมา   มีหลายเรื่องราวที่สร้างมิตรภาพบำบัดขึ้นโดยไม่ได้บอกว่าเป็นมิตรภาพบำบัดแต่เป็นการเปิดเวที   เปิดเวลาให้กับคนไข้ที่ต้องรอพบคุณหมอ..จนเกิดเป็นมิตรภาพบำบัดเล็กๆ ขึ้น  ..การแลกเปลี่ยนเริ่มเข้มข้น

มาถึงขั้นตอนที่สาม ปล่อยให้กระบวนการไหลลื่นไปตามวาระของกลุ่มแต่คุมพื้นที่ที่ให้เกิดการใช้ที่ไม่มากไม่น้อยกว่ากัน   แม่มาร่วมวงโดยพี่โต้งได้จูงมือแม่มาจากเก้าอี้ข้างๆ เวที  ให้มานั่งร่วมวง  แม่ไม่ยอมพูดบอกแต่ว่าตัวเองเป็นแค่คนใข้…  การพูดคุยเริ่มเวียนไปมาจนถึงแม่  ภายหลังแม่เริ่มเล่าความรู้สึกต่างๆ เกี่ยวกับการเจ็บป่วยของตนเอง และวิธีดูแลจิตใจตัวเอง  แม่เริ่มพูดมากขึ้นและพูดอย่างมีความสุข..  แม่ก็เป็นแม่ของนักการหนิงคนเดิมคือแม่พูดเก่ง

เรื่องราวถูกถ่ายทอดจนครบแล้ว..แต่กลุ่มอื่นยังมีการสนทรียสนทนาอยู่  นักการหนิงจึงตัดสินใจโยนโจทก์แรงบันดาลใจในการทำงานและการก้าวเข้ามาสู่วงการมิตรภาพบำบัดหรือจิตอาสา….

อาจารย์หมอนิพัธมาแอบสังเกตการณ์ และได้บอกโจทก์  ได้อะไร จะไปทำอะไร รวมถึงให้เลือกเรื่องราวและคนที่ในกลุ่มประทับใจนำเสนอเรื่องราวต่อกลุ่มใหญ่

ตรงนี้  น้องๆ พยาบาลหลายคนเริ่มบอกว่าได้ฟังเรื่องนี้  จากคนนี้  จะนำไปปรับใช้อย่างนี้  การพูดคุยไหลลื่น  ไหลเลื่อนไปอย่างมีความสุข..แม่เองก็ดูท่าทางมีความสุข..จนกระทั่งสุดท้ายกลุ่มได้สรุปเลือกเรื่องที่จะนำเสนอและผู้นำเสนอ  มาจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร

จบกระบวนการ ปรบมือขอบคุณซึ่งกันและกันแล้วแยกย้ายพักผ่อน

หลายคนถือแก้วน้ำและขนมมานั่งแลกเปลี่ยนการทำงานกันต่อ….   เรื่องจากที่หนึ่งถูกถ่ายทอดไปอีกที่หนึ่งโดยธรรมชาติ….  นับว่าเป็นความสำเร็จของการแลกเปลี่ยน

แม่มีความสุข  และนั่งฟังแต่ละกลุ่มออกมาเล่าเรื่องราว  จากผู้ป่วยมะเร็งเต้านม  ผู้ป่วยเอดส์ ผู้ป่วยไต….

จนกระทั่งเวลาได้สิ้นสุดลง…

มิตรภาพบำบัดดำเนินต่อไป  ผู้คนดำเนินต่อไป  เหล่านักการดำเนินต่อไป

แม่เขียนแสดงความขอบคุณต่อโครงการ.. แม่บอกว่าต้องการให้กำลังใจคนทำงาน

การเป็นวิทยากรกระบวนการในวันนี้และวันต่อๆ ไป ต้องขอบคุณนักการอิ่มเป็นอย่างมากที่ถ่ายทอด ผลัก  ถีบและให้กำลังใจเสมอๆ

อย่างไรก็ยังต้องขอบคุณจอมป่วนที่เป็นอะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้นักการหนิงยอมออกจากเปลือก

ขอบคุณตัวเองที่ยอมออกมาจากเปลือก เรียนรู้โลกใหม่ๆ

คนสุดท้ายที่ขอขอบคุณในที่นี้คือพี่หมอเจ๊  ..ที่ทำให้เกิดเครือข่ายขึ้นในพิษณุโลก..เครือข่ายนี้น่าจะเติบโตเป็นพลังให้สังคมได้ในอนาคต

ถอดบทเรียน

  • ความไว้วางใจที่ได้รับ ทำให้ได้เปิดพื้นที่ของตัวเอง
  • คุณค่าของเราไม่ได้อยู่เพียงว่าคนอื่นมองอย่าง  แต่อยู่ที่ว่าเราให้คุณค่าต่อตัวเรามากน้อยเพียงใด
  • เครือข่ายสร้างเรื่องราวดีดีได้เสมอ
  • การทำงานบนความจริงใจที่มีต่อสิ่งนั้นๆ ให้ผลตรงไปตรงมาตามที่คาดหมายและเหนือความคาดหมายเสมอ

 

 

 

 

 

« « Prev : แผนยุทธศาสตร์ เป็นแผนที่มีผู้มีส่วนได้เสียมากมาย …….การระดมสมองเป็นเรื่องทำสำคัญเกินกว่ามองข้าม

Next : ผู้แทนราษฎร ดูถูกคนไทย » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

11211 ความคิดเห็น